Crazy Leveling System - ตอนที่ 254
CLS ตอนที่ 254: ความเปลี่ยนแปลง
คำพูดของอี้เทียนหยุนกระชากหน้ากากของพวกเขาซะกระจุย ก่อนหน้านี้ที่พวกเขาเป็นฝ่ายล้อม ไม่ได้รู้สึกผิดแม้แต่น้อย กลับกัน สีหน้าล้วนเต็มไปด้วยความกระเหี้ยนกระหือรือ! ด้วยท่าทางแบบนั้น ยังจะเรียกว่าถูกบังคับได้อีกเหรอ?
เขาจำได้ว่าหลินห้าวไม่ได้สั่งให้พวกเขาทำแม้แต่น้อย แต่พวกเขาที่เสนอตัวออกมาแทน หวังจะเหยียบให้พวกเขาจมดิน อย่างนี้น่ะเหรอที่เรียกว่าถูกบังคับ?
สีหน้าของพวกเขาพากันเปลี่ยนไป รู้ว่าหลักฐานนี้ไม่มีทางให้หนี ดังนั้นสีหน้าจึงได้เปลี่ยนเป็นเดือดดาล “งั้นก็ฆ่าพวกเราซะ อาณาจักรใต้พิภพจะต้องขยี้วังเทียนจี๋ของพวกเจ้าอย่างแน่นอน!”
“วางใจได้ ข้านี่แหละที่จะเป็นคนบดขยี้อาณาจักรใต้พิภพ ส่วนพวกเจ้าก็ลงไปรอพวกมันข้างล่างซะ!” อี้เทียนหยุนโบกมือเบาๆ มังกรดำก็ลงมือ ทำให้มีเสียงโหยหวนดังออกมาไม่หยุด
อย่างรวดเร็ว ผู้ฝึกตนทั้งหมดก็ถูกบดขยี้ไม่มีเหลือ กระทั่งผู้คุ้มกันยังถูกกำจัดจนหมด เปลี่ยนเป็นค่าประสบการณ์มหาศาลเข้าสู่ร่างของเขา ทั้งยังมีค่าความชั่วกับค่าความชำนาญกองใหญ่ ผู้อาวุโสทุกคนของวังเสินเหวินล้วนแต่ให้ค่าความชำนาญ ส่วนประมุขบางคนก็ฝึกฝนด้านการหลอมศาสตรา ไม่ก็การกลั่นโอสถ พูดได้ว่าการเปิดใช้งานบัตรค่าความชำนาญถือว่าเหมาะสมอย่างมาก!
เขารู้ว่าประมุขล้วนนี้ล้วนแต่ไม่ใช่ตะเกียงขาดน้ำมัน แต่ละคนล้วนแต่มีความชำนาญเล็กๆ น้อยๆ ติดตัว แล้วก็ไม่ผิดหวัง หลังจากสังหารพวกเขา ทำให้เขาได้รับค่าความชำนาญประมาณ 5,000 กันทุกคน ภายใต้ค่าความชำนาญที่เพิ่มพูนอย่างกะทันหัน ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป การจะเลื่อนระดับถัดไปไม่ใช่เรื่องยาก
“ติ๊ง บัตรค่าประสบการณ์ 30 เท่าได้หมดเวลาลงแล้ว……”
“ติ๊ง บัตรค่าประสบการณ์ 20 เท่าได้หมดเวลาลงแล้ว……”
ในตอนนี้ บัตรค่าประสบการณ์ที่ใช้งานก็ได้หมดเวลา ถือได้ว่าที่คำนวณมาไม่เสียเปล่า เพราะจำนวนที่มหาศาล ดังนั้น การที่ไม่ใช่สามารถใช้วิชาเวทดูดดาวดูดค่าประสบการณ์จากอีกฝ่ายได้ ถือว่าน่าเสียดายอยู่บ้าง
“ทำความสะอาดเรียบร้อย พวกเราไปเก็บสมบัติของพวกเขากันเถอะ” อี้เทียนหยุนเห็นสมบัติที่เปล่งแสงแวววาว ดังนั้นจึงได้หันไปทางพวกผู้อาวุโสใหญ่ พวกให้พวกเขาไปเก็บมา
ของที่อยู่ในแหวนเก็บของของพวกเขา แน่นอนว่าต้องเป็นของที่ประเมินค่าไม่ได้ แล้วอย่างนี้จะปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือได้ยังไง
“อืม….” พวกผู้อาวุโสใหญ่พากันได้สติจากความตกใจ ก่อนหน้านี้มีตัวตนระดับประมุขอยู่หลายคน ตอนนี้ได้พากันกลายเป็นศพกองหนึ่ง คิดแล้วก็น่าตกใจจริงๆ
อย่างรวดเร็ว พวกเขาก็เก็บแหวนเก็บของ และทุกอย่างจนสะอาดเอี่ยม หลังจากนั้นก็นำมามอบให้กับอี้เทียนหยุน
อี้เทียนหยุนส่ายหัว “ของพวกนี้ท่านเก็บเอาไว้เถอะ จากนั้นก็มอบมันให้กับผู้จัดการหรือศิษย์ที่ซื่อสัตย์ ในตอนนี้วังเทียนจี๋ของพวกเรายังต้องการทรัพยากรอีกมาก”
“นี่…..” ผู้อาวุโสใหญ่ลังเล จากนั้นก็กำแหวนเก็บของในมือแน่น พร้อมกับพยักหน้ารัวๆ แล้วพูดว่า “ข้าจะทำตามที่ท่านประมุขแนะนำ!”
ในสายตาของพวกเขา ราวกับมองเห็นถึงอนาคตของวังเทียนจี๋ มีประมุขที่แข็งแกร่งอย่างนี้ พวกเขายังต้องกลัวอะไรอีก? ส่วนทางฝั่งนิกายเทียนเฉวียน อี้เทียนหยุนก็ไม่ได้ละเลย แค่แหวนเก็บของของหลินห้าวก็เพียงพอแล้ว
แค่แหวนเก็บของของหลินห้าวและเฉิงเฟิงทั้งสองก็ถือว่าเพียงพอแล้ว ในนั้นมีสมบัติทุกชนิด เทียบกับสมบัติของประมุขคนอื่นๆ แล้ว ของพวกนั้นดูด้อยค่าไปเลบ
“พวกเราไปจากที่นี่กันเถอะ ขึ้นหลังมังกรดำบินกลับกันเลย”
อี้เทียนหยุนพาพวกเขาเดินทะลุไปอีกตำหนักหนึ่ง ถ้าออกไปข้างนอกโดยตรง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะต้องเจอเข้ากับผู้คุ้มกันคนอื่นๆ ยังไงก็ตาม เขาได้ฆ่ามามากพอแล้ว ตามทฤษฎีแล้ว พวกที่เหลือมีแต่ตัวลูกกระจ๊อก ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจ
หลังจากพาพวกเขามาถึงที่ตำหนักอื่น พวกเขาก็ขึ้นหลังมังกรดำบินจากไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะจาก เขายังไม่ลืมที่จะโยนเปลวเพลิงนิรันดร์ลงไป พร้อมทำการเผาทำลายทุกอย่าง ทำให้ตำหนักกลางถูกเผาในทันที
จากนั้นพวกเขาก็ได้บินไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว ขณะที่บิน อี้เทียนหยุนก็สังเกตสถานการณ์รอบๆ และเมื่อเห็นว่ายังมีผู้คุ้มกันอยู่ ทันใดนั้นก็เรียกคันศรน้ำค้างแข็งเทวะออกมา พร้อมกับยิงสังหารพวกเขาทิ้งทันที!
เขาต้องการจะปกปิดเรื่องนี้ไว้ ถ้าอาณาจักรใต้พิภพรู้เข้า พวกเขาจะต้องลงมือกับวังเทียนจี๋อย่างแน่นอน แม้ว่าหลังจากนี้พวกเขาจะรู้ก็ตาม แต่อย่างน้อยก็ช่วยยืดเวลาออกไปได้
เขาทำการกำจัดทุกคนที่มีสิทธิ์จะส่งข่าว พร้อมกับเผาทำลายทุกอย่างซ้ำด้วยเพลิงนิรันดร์ เมื่อเป็นอย่างนี้ ใครจะรู้ว่าเขาเป็นคนทำ? และพวกเขาจะไม่เผยโฉมอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นปัญหา ตำหนักกลางถูกเผา หลินห้าวตาย แต่พวกอี้เทียนหยุนกลับยังอยู่ นี่จะต้องเป็นปัญหาใหญ่อย่างแน่นอน
หลังจากตำหนักกลายตกอยู่ในทะเลเพลิง ผู้คุ้มกันข้างนอกก็สังเกตเห็น จากนั้นก็พากันเข้ามาตรวจสอบในทันที การต่อสู้ก่อนหน้านี้ไม่ได้ดังมาก ดังนั้นจึงไม่ได้ดึงดูดความสนใจของพวกเขา แม้ว่าฝ่ามือเทพใต้พิภพจะแข็งแกร่ง ก็ได้ถูกอี้เทียนหยุนทำลายทิ้งไปซะก่อน ทำให้พลังทำลายสลายไป ดังนั้น จึงไม่เกิดแรงสั่นสะเทือนที่รุนแรงจนเป็นที่สังเกตของคนนอก
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” เมื่อพวกเขาเห็นข้างในเต็มไปเปลวเพลิงก็พากันตกตะลึง อยากจะเข้าไปดูสถานการณ์ข้างใน แต่ด้วยทะเลเพลิงที่ขวางหน้า ทำให้พวกเขาเข้าไปไม่ได้
ภายใต้เวลาที่ผ่านไป อย่างรวดเร็ว เพลิงนิรันดร์ก็เผาตำหนักกลางทั่วทั้งตำหนัก ราวกับภูเขาไฟ ยิงเปลวไฟขึ้นฟ้าไม่หยุด! ในตอนนี้ สำนักที่เลือกที่จะไม่เข้าร่วมที่ข้างนอกก็ได้สังเกตเห็น ควรพูดว่าผู้คนทั่วทั้งเมืองจู้หลงล้วนแต่สังเกตเห็นสิ่งนี้
ไฟที่ลุกท่วมฟ้า ไม่มีใครที่มองไม่เห็น นอกจากจะเป็นคนตาบอด ไม่อย่างนั้นจะต้องเห็นเปลวเพลิงที่พุ่งขึ้นฟ้านี้อย่างแน่นอน นี่ช่างเป็นภาพที่น่ากลัวจริงๆ
อย่างรวดเร็ว ประมุขวังไป๋เหลียนกับพวกก็ได้เข้ามาตรวจสอบ กระทั่งคนของตำหนักซิงเฉินก็ด้วย เวลายังไม่ถึง 1 ชั่วยาม ดังนั้นพวกเขาจึงยังไม่ได้ไปจากเมืองนี้ แต่ใครจะรู้ว่าเพิ่งจะผ่านมาได้ไม่นาน ที่นี่ก็ถูกทะเลเพลิงกลืนเข้าซะแล้ว ทั้งเปลวเพลิงนี้ยังมีอุณหภูมิสูงมาก ทำให้พวกเขาพากันตกตะลึง
“นี่ไม่ใช่เปลวเพลิงธรรมดา อาจจะเป็นเพลิงชั้นสูง…..” หลี่เทียนหงมองทะเลเพลิงนี้ด้วยสีหน้าน่าเกลียด “กล้าเผาตำหนักกลางนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นการประกาศสงครามกับอาณาจักรใต้พิภพ…..”
“อืม ไม่รู้ว่าเป็นขุมอำนาจไหนถึงได้โหดเหี้ยมขนาดนี้ เพิ่งจะมีการเข้าร่วมได้เพียงไม่นานก็ถูกคนทำลายแล้ว ถ้าเดาไม่ผิด ทุกคนจะต้องหนีไปทัน พร้อมกับตายอยู่ข้างในหมดแล้ว….” ประมุขวังไป๋เหลียน ฉินหย่า ใช้ดวงตาที่งดงามจ้องไปที่เปลวเพลิงที่กำลังลุกไหม้พร้อมกับส่ายหัว
หลี่เทียนหงถอนหายใจ “น่าเสียดายเด็กหนุ่มนักสลักอาคมชั้น 4 จริงๆ กลัวว่านานขนาดนี้ยังไม่มีใครออกมา คงไม่มีใครรอดแล้ว”
พวกเขาพากันมองไปยังที่แห่งนี้สักพัก จากนั้นก็หมุนตัวจากไป ไม่คิดจะอยู่ในเมืองนี้ต่อ บางคนก็รู้สึกพอใจกับโชคร้ายของคนอื่น ขณะที่บางคนไม่รู้สึกอะไร และก็มีบางคนที่รู้สึกหนักอึ้ง กลัวว่านี่จะเป็นชนวนให้เกิดความปั่นป่วนขึ้นกับโลก
ผู้เชี่ยวชาญหลายคนตายอยู่ข้างใน แน่นอนว่ามีสำนักใหญ่รวมอยู่ในนั้นด้วย พวกเขากลัวว่าพวกเขาจะถูกลากเข้าไปรวมกับสำนักพวกนั้น ภายใต้ความพิโรธของอาณาจักรใต้พิภพ กลัวว่าทวีปเทียนจิ่งแห่งนี้จะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงไม่มากก็น้อย
ทุกคนต่างก็มีความคิดของตนเอง แต่ไม่มีใครรู้ว่าอี้เทียนหยุนเป็นคนทำ ทั้งยังเป็นคนทำทั้งหมดนี้คนเดียวด้วย