Crazy Leveling System - ตอนที่ 290
CLS ตอนที่ 290: ภารกิจต่อเนื่อง
เย่หว่านเอ๋อตื่นเต้นจนลืมว่าผู้ชายและผู้หญิงไม่ควรถูกเนื้อต้องตัวกัน เธอทำการกอดแขนอี้เทียนหยุน ราวกับว่าคนที่กลั่นโอสถสำเร็จเป็นเธอเอง จริงๆ แล้วก็คือ เธอคิดว่าตัวเองมีส่วนช่วยให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น ดังนั้นจึงได้ตื่นเต้นอย่างนี้
“หว่านเอ๋อ ยังไม่รีบปล่อยอีก แบบนี้มันเสียมารยาทนะ!” เย่ชิงเสวียนพูดออกมาเบาๆ
“อ๊า….” เย่หว่านเอ๋อรีบปล่อยแขนอี้เทียนหยุนอย่างไว ใบหน้าของเธอกลายเป็นแดงสดใส รู้สึกกระอักกระอ่วนอย่างมาก “ขอโทษพี่ใหญ่อี้ ข้าตื่นเต้นเกินไปหน่อย”
“ไม่เป็นไร” อี้เทียนหยุนยิ้มบางๆ ไม่คิดอะไรมาก เขารู้สึกได้ว่าเย่หว่านเอ๋อตื่นเต้นจริงๆ
“คุณชายท่านนี้ เมื่อกี้ที่สงสัยในตัวท่าน ข้าขอเป็นตัวแทนของทุกคนพูดขอโทษท่าน หวังว่าท่านจะให้อภัยกับการเสียมารยาทของพวกเรา” เย่ชิงเสวียนกล่าวขอโทษออกมาอย่างจริงใจ
“ข้ารู้ว่าพวกเจ้าคิดอะไร ถ้าเป็นข้าก็ต้องมีการระแวงเหมือนกันนั่นแหละ ถึงยังไงสถานการณ์ของเผ่าภูตในตอนนี้ก็ไม่ได้ดีสักเท่าไหร่” อี้เทียนหยุนโบกมือแล้วพูดขึ้น “และไม่ใช่แค่คราวนี้เท่านั้น ถ้าเจ้าต้องการให้กลั่นยาอะไรอีกให้บอกข้าไม่ต้องเกรงใจ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว งั้นข้าจะกลั่นโอสถชั้น 4 ต่อ”
“ไม่มีปัญหา รบกวนแล้ว!” เย่ชิงเสวียนพยักหน้าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณ “ตอนนี้ให้เน้นไปที่โอสถชั้น 4 ก่อน ส่วนชั้นอื่นๆ ให้ละไว้ชั่วคราว เพราะตอนนี้ที่พวกเราขาดที่สุดก็คือโอสถชั้น 4”
“ตกลง งั้นข้าจะกลั่นโอสถชั้น 4 เลยก็แล้วกัน ตอนนี้อาจจะช้าลงเล็กน้อย เพราะยังไงก็ต้องเอาที่มันมั่นคงไว้ก่อน แต่ถ้าต้องการแบบเร่งด่วนก็ให้มาบอกข้า”
ตราบเท่าที่ไม่ใช่สถานการณ์ฉุกเฉิน อี้เทียนหยุนก็ไม่อยากจะใช้โหมดคลั่งสักเท่าไหร่ เพราะการเปิดใช้งานโหมดคลั่งจะทำให้ต้องเสียค่าความคลั่งไป ซึ่งออกจะไม่คุ้มอยู่บ้าง
“ได้ แค่วัตถุดิบชุดนี้ก็เหลือแหล่แล้ว จากนั้นคงไม่ต้องกังวลไปอีกนาน” เย่ชิงเสวียนพูด “งั้นข้าขอตัวไปจัดการงานของข้าก่อน ถ้ามีปัญหาอะไรให้บอกกับหว่านเอ๋อได้”
พูดเสร็จเธอก็จากไป เห็นได้ชัดว่ามีเรื่องอีกมากให้ต้องจัดการ ที่เธอออกมาครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องการมาเจอคนที่ช่วยชีวิตน้องสาวของเธอไว้ ดังนั้นเมื่อเสร็จเรื่อง เธอจึงรีบกลับไปจัดการงานของเธอต่ออย่างว่องไว
อี้เทียนหยุนมองตามหลังเย่ชิงเสวียนที่จากไป เหมือนอยากจะพูดอะไร แต่ก็ไม่พูด การเปิดเผยตัวกับเธอ คงต้องเอาไว้ก่อน ตอนนี้เขายังไม่อยากเปิดเผยตัว เอาไว้ตอนอยู่ด้วยกันตามลำพังค่อยบอกก็ยังไม่สาย
เพราะเขาไม่รู้ว่าสถานการณ์ในเผ่าภูตเป็นยังไงบ้างแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่คิดจะเปิดเผยตัวตนตามใจ
จากนั้น เขาก็ทำการกลั่นโอสถชั้น 4 ต่อ เย่หว่านเอ๋อก็มองอยู่ข้างๆ โดยที่ไม่พูดอะไร ด้วยกลัวว่าจะเป็นการรบกวนเขา นักกลั่นโอสถคนอื่นก็เช่นกัน แม้จะทำการกลั่นโอสถเช่นกัน แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะมองมาทางนี้ การกลั่นโอสถที่รวดเร็วเมื่อกี้นี้ ทำให้พวกเขาอดไม่ได้ต้องมองมาอยู่หลายครั้ง หวังว่าจะฉวยอะไรไปได้บ้าง
แน่นอนว่าสิ่งนี้ไม่ใช่ว่าแค่มองแล้วจะทำตามได้ ถ้าไม่ได้โหมดคลั่ง เขาก็ไม่มีทางที่กลั่นได้เร็วขนาดนั้น
“มีอะไรอยากจะพูดก็พูดสิ” อี้เทียนหยุนขณะที่กลั่นโอสถก็ได้พูดขึ้น
“ได้เหรอ? มันจะไม่รบกวนท่านอย่างงั้นเหรอ?” เย่หว่านเอ๋อพูด
“ถ้าแค่นี้ก็ล้มเหลวแล้ว งั้นระดับของข้าคงแย่เกินไปแล้ว” อี้เทียนหยุนยิ้ม เรื่องนี้ไม่ได้ยากอะไรสำหรับเขา ถ้าแค่คุยกันก็ล้มเหลวแล้ว งั้นระดับของเขาคงจะน่าผิดหวังเกินไป
“อืม….. พี่ใหญ่อี้ ท่านในตอนนี้ร้ายกาจมากจริงๆ ทั้งกลั่นโอสถได้ ไหนจะพลังที่สุดจะแข็งแกร่งนั่นอีก ทั้งที่ยังดูหนุ่มอยู่แท้” เย่หว่านเอ๋อพูดอย่างสงสัย “ท่านซื้อหินวิญญาณหยกมากขนาดนั้น หรือว่าท่านจะสร้างค่ายกลเป็นด้วย?”
ผู้จัดการที่อยู่ใกล้ๆ ต่างพากันหูตั้ง เจ้าหนุ่มนี้ยังจะสร้างค่ายกลเป็นอีกอย่างงั้นเหรอ?
“ก็นิดหน่อย” อี้เทียนหยุนพูดพร้อมรอยยิ้มบางๆ
“แค่นิดหน่อย?” เย่หว่านเอ๋อพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น “นั่นก็ต้องแน่นอนอยู่แล้ว ระดับการกลั่นโอสถของท่านร้ายกาจขนาดนั้น แน่นอนว่าระดับการสลักค่ายกลของท่านจะต้องไม่ร้ายกาจเท่าเผ่าภูตของพวกเรา ตอนนี้ข้าเป็นถึงนักสลักอาคมชั้น 5 แล้ว…. พูดได้ว่านักสลักอาคมชั้น 5 ถือเป็นระดับธรรมดาของเผ่าภูตเรา พี่ใหญ่อี้ ถ้าท่านต้องการค่ายกลหรือว่าอาคมไหน ข้าสามารถสร้างให้ท่านได้ ตราบเท่าที่ไม่เกินระดับชั้น 5 ล่ะก็ ข้าสามารถทำมันได้อย่างแน่นอน!”
อี้เทียนหยุนยิ้ม แล้วพูดขึ้นว่า “ก็ได้ ถ้าข้าต้องการ ข้าจะต้องขอร้องเจ้าอย่างแน่นอน”
เขาพูดทีเล่นทีจริง เขาในตอนนี้มีมาถึงระดับชำนาญแล้ว แม้ว่าจะไม่อาจเทียบกับนักสลักอาคมชั้นยอดได้ แต่อย่างน้อยก็ถือว่าเข้าสู่ของเขตของนักสลักอาคมระดับต้าซือแล้ว
จากนั้น พวกเขาก็ไม่คุยอะไรอีก เย่หว่านเอ๋อคอยมองดูเขากลั่นโอสถอยู่ใกล้ๆ อย่างสงบ ตอนนี้เธอสามารถทำได้เพียงแค่นี้เท่านั้น ยิ่งกว่านั้น เธอยังไม่สามารถเดินไปไหนในสถูปวิญญาณได้ตามใจ ดังนั้นจึงทำได้เพียงนั่งนิ่งอยู่ในนี้เท่านั้น
ด้วยความสามารถของอี้เทียนหยุน เขาก็ได้ทำการกลั่นโอสถทีละชุดอย่างต่อเนื่อง จนได้เม็ดยาประคองชีวิตหลายกอง โดยที่ใช้เวลาไปไม่นานเท่าไหร่
ส่วนผู้จัดการเผ่าภูตคนอื่นๆ ตอนนี้พากันไปพักแล้ว เขาที่ยังสามารถกลั่นโอสถได้จนถึงตอนนี้ ระดับความอดทนของเขาไม่ใช่น้อยๆ เลย ทำให้ผู้จัดการเผ่าภูตต่างก็พากันมองหน้ากันด้วยสีหน้าว่างเปล่า ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี หลังจากพากันพักสักครู่ พวกเขาก็ลุกขึ้นมาทำการกลั่นโอสถกันต่อ
นี่เป็นผลมาจากอี้เทียนหยุน คนภายนอกกำลังทำงานอย่างแข็งขัน แล้วพวกเขาจะพากันพักอย่างสบายใจได้ยังไง?
หลังจากนั้นไม่นาน เย่ชิงเสวียนก็พลันเดินเข้ามา พร้อมกับรีบพูดขึ้นว่า “มีเม็ดยาประคองชีวิตไหม ตอนนี้ของไม่พอแล้ว…..”
“พี่สาว ท่านมาแล้ว!” เย่หว่านเอ๋อถือขวดที่ใส่เม็ดยาประคองชีวิต 5-6 ขวดเดินเข้าไป พร้อมกับส่งให้กับเธอแล้วพูดว่า “นี่เป็นเม็ดยาประคองชีวิตที่พี่ใหญ่อี้กลั่นออกมา”
“นี่….” เมื่อเย่ชิงเสวียนเห็นของพวกนี้ เธอก็ได้แต่ตกใจ ไม่คิดว่าเวลาแค่สั้นๆ ก็กลั่นออกมาได้มากขนาดนี้แล้ว แต่เธอก็ไม่ได้พูดมาก หลังจากรับมา เธอก็กล่าวขอบคุณอี้เทียนหยุน “แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ท่านพักเถอะ ขอบคุณมาก! ไว้เรื่องนี้จบเมื่อไหร่ เผ่าภูตจะถือว่าเป็นสหายกับท่านตลอดกาล จะต้องตอบแทนน้ำใจท่านอย่างแน่นอน!”
“ติ๊ง ภารกิจช่วยเหลือเผ่าภูตสำเร็จ ภารกิจที่ 1 “เอาชนะความขาดแคลนเม็ดยาของเผ่าภูต” ได้รับค่าประสบการณ์ 5 ล้าน, ค่าความคลั่ง 50,000, ความชำนาญในการกลั่นโอสถ 5,000, ค่าความชอบของเผ่าภูตเพิ่มขึ้น 50”
“ติ๊ง เปิดภารกิจ “ช่วยเหลือเผ่าภูต” ภารกิจที่ 2 “ช่วยซ่อมแซมค่ายกลของเผ่าภูต” เมื่อสำเร็จได้รับค่าประสบการณ์ 10 ล้าน, ค่าความคลั่ง 100,000, ค่าความชำนาญในการสลักอาคม 10,000, ค่าความชอบของเผ่าภูตเพิ่มขึ้น 50!”
ขณะที่อี้เทียนหยุนกำลังตกใจอยู่นั้น เย่ชิงเสวียนก็หันไปพูดกับเย่หว่านเอ๋อว่า “หว่านเอ๋อ เจ้ามากับข้า ตอนนี้กำลังขาดนักสลักอาคมชั้น 5 จำเป็นต้องรีบซ่อมแซมค่ายกลใหญ่!”
“ได้ ไม่มีปัญหา!” เย่หว่านเอ๋อพยักหน้าอย่างแรง พร้อมกับเตรียมจากไป
“นักบุญหญิง ไม่ทราบว่าข้าไปด้วยได้หรือเปล่า?” อี้เทียนหยุนลุกขึ้นพูด
เขาในตอนนี้มีภารกิจเข้าพอดี แม้ว่าต่อให้ไม่สำเร็จก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าสำเร็จก็จะได้รับค่าประสบการณ์กองโต แล้วอย่างนี้เขาจะพลาดได้ยังไง
“นี่….” เย่ชิงเสวียนลังเล จากนั้นก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “ก็ได้ งั้นรบกวนคุณชายตามพวกเรามา”
ในใจอี้เทียนหยุนให้รู้สึกมีความสุข แค่ไม่ปฏิเสธเขาก็ถือว่าดีแล้ว แต่ถึงจะปฏิเสธก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะถึงยังไงเขาก็ต้องหาเวลาคุยส่วนตัวกับเย่ชิงเสวียนเพื่อบอกฐานะของตนอยู่แล้ว