Crazy Leveling System - ตอนที่ 291
CLS ตอนที่ 291: ซ่อมแซมค่ายกล!
หลังจากรับปาก เย่ชิงเสวียนก็พาเขาเดินไปยังชั้นบนของสถูปวิญญาณ พวกเขาเดินขึ้นไปตามบันไดวนอย่างรวดเร็ว ระหว่างที่เดิน เขาก็สามารถมองเห็นค่ายกลรอบๆ ที่กำลังเปล่งแสงออกมา เขาสามารถสัมผัสได้ถึงพลังที่กำลังไหลออกไปอย่างรวดเร็ว
“แท้จริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” อี้เทียนหยุนขมวดคิ้วถาม “หรือว่าจะเป็นคนของอาณาจักรใต้พิภพเข้ามาโจมตี?”
“ใช่แล้ว เพราะคนของอาณาจักรใต้พิภพเข้าโจมตี พร้อมกับกำลังบุกทะลวงค่ายกลอย่างบ้าคลั่ง ทำให้พวกเราต้องเปิดใช้งานสถูปวิญญาณอย่างเต็มกำลัง เป็นผลให้ต้องเสียพลังงานไปเป็นจำนวนมหาศาล” เย่ชิงเสวียนอธิบาย “เพราะการเปิดใช้งานอย่างเต็มกำลังนี้เอง ทำให้ค่ายกลเสียหายต่อเนื่องอย่างรวดเร็ว ซึ่งตอนนี้ก็มีค่ายกลที่เสียหายไปมากแล้ว”
“ไม่ใช่ว่าเผ่าภูตมีนักสลักอาคมระดับต้าซือมากมายหรอกเหรอ พวกเขาซ่อมไม่ทันหรือยังไง?” อี้เทียนหยุนถาม
เผ่าภูตมีคนสำเร็จถึงนักสลักอาคมระดับต้าซือหลายคน กระทั่งระดับจงซือก็ยังมีให้เห็น! ดังนั้นแค่นักสลักอาคมชั้น 5 พวกเขาก็มีกันเกลื่อนแล้ว ดูได้จากเย่หว่านเอ๋อที่ยังเด็กอยู่ก็เป็นถึงนักสลักอาคมชั้น 5 แล้ว
ความจริงแล้วเป็นเพราะพรสวรรค์ของเย่หว่านเอ๋อน่าตื่นตะลึงต่างหาก พี่สาวได้นั่งในตำแหน่งนักบุญหญิง แล้วคนที่เป็นน้องสาวอย่างเธอจะด้อยกว่าได้ยังไง?
เย่ชิงเสวียนถอนหายใจ ขณะที่เย่หว่านเอ๋อที่อยู่ใกล้ๆ ก็เผยแววตาที่หดหู่ออกมา เห็นได้ชัดว่าการพูดถึงเรื่องนี้เป็นจุดอ่อนไหวอย่างหนึ่ง
“เพราะเกิดการทรยศของเผ่าภูตเมื่อก่อนหน้า ทำให้นักสลักอาคมจำนวนมากถูกจำตัวไป…. นักสลักอาคมระดับต้าซือในตอนนี้เหลืออยู่แค่คนเดียว กระทั่งนักสลักอาคมชั้น 5 ยังเหลืออยู่ไม่กี่คน ส่วนใหญ่ล้วนแต่อยู่ในระดับชั้น 4 เท่านั้น” เย่ชิงเสวียนพูดโดยไม่ปกปิด การกระทำของอี้เทียนหยุนเอาชนะใจพวกเธอได้แล้ว ยิ่งกว่านั้น เรื่องนี้ยังไม่ใช่ความลับอะไร
แม้ว่าโลกภายนอกจะมีคนจำนวนมากที่ไม่กระจ่างนัก แต่อย่างน้อยพวกขุมอำนาจใหญ่ล้วนแต่คาดการได้ เผ่าภูตในตอนนี้เป็นได้เพียงป้องปราการที่ว่างเปล่า คนส่วนใหญ่ถูกจับ มิหนำซ้ำยังเกิดการทรยศ ดังนั้น นักสลักอาคมที่เหลืออยู่จึงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
“ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง…..” อี้เทียนหยุนเข้าใจเรื่องคร่าวๆ แล้ว ไม่แปลกที่กระทั่งเย่หว่านเอ๋อยังต้องถูกดึงมาช่วย ที่แท้ก็ขาดคนนี่เอง ถ้าเป็นตามปกติ เรื่องเกี่ยวกับค่ายกลย่อมไม่ถึงรอบให้พวกเขาช่วยเหลือ
ถ้าระดับไม่เพียงพอ คนมากใช่ว่าจะช่วยอะไรได้ กลับจะทำให้เรื่องยุ่งมากกว่าเดินมากกว่า
อย่างรวดเร็ว พวกเขาก็มาถึงชั้นบนสุดของสถูปวิญญาณ เพิ่งจะเหยียบย่างเข้าไป อี้เทียนหยุนก็เห็นรอบๆ ที่เต็มไปด้วยหินวิญญาณหยก กระทั่งชั้นล่างๆ ก็ยังมีให้เห็น ดูเหมือนว่านี่จะเป็นที่ไว้เติมหินวิญญาณหยก แต่ดูท่าคงใกล้จะหมดพลังในอีกไม่นาน
รอบๆ มีนักสลักอาคมหลายคนกำลังยุ่งกับการซ่อมแซมค่ายกลอยู่ ซึ่งระดับของพวกเขาก็ไม่ต่ำเลย ล้วนแต่เป็นนักสลักอาคมชั้น 5 กันทั้งนั้น รวมถึงนักสลักอาคมระดับต้าซือที่กำลังซ่อมแซมค่ายกลด้วยความเร็วที่เหนือกว่าคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งกว่านั้นคนที่ว่ายังเป็นผู้หญิงอีก
“ผู้อาวุโสเยี่ยน ตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?” เย่ชิงเสวียนเดินเข้าไปถาม
“ก็ไม่ได้ผิดจากที่คาดเท่าไหร่ ค่ายกลจำนวนมากได้รับการเสียหาย ซึ่งเมื่อถูกโจมตี พวกเราก็รีบทำให้ค่ายกลหายไปในป่า ทำให้พวกเขาต้องเร่งโจมตี” ผู้อาวุโสเยี่ยนขมวดคิ้ว ในสายตามีแสงแห่งความเย็นชาอยู่หลายส่วน “สามารถทำลายค่ายกลของพวกเราได้เร็วขนาดนี้ กลัวว่าจะเป็นพวกเหลยหยุนเป็นคนนำมา ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป กลัวว่าจะต้านได้อีกไม่นาน”
“เหลยหยุน!” สายตาของเย่ชิงเสวียนเต็มไปด้วยจิตสังหาร คนที่ขังเธอไว้ก็เป็นเหลยหยุนคนนี้นี่ล่ะ
เธอกลับมาเพื่อที่จะทำลายแผนชั่วของอีกฝ่าย แต่ปรากฏว่าสายเกินไป เผ่าภูตได้ตกไปอยู่ในกำมือของศัตรูแล้ว ผู้อาวุโสจำวนมากล้วนถูกจับ พวกระดับสูงล้วนไม่เหลือ จะเหลือเพียงก็แต่พวกระดับต่ำไม่กี่คน
“จำได้ว่าตอนแรกผู้อาวุโสได้หมั้นพี่สาวให้กับเหลยหยุน คิดว่าแล้วก็น่ารังเกียจจริงๆ พี่สาวจะไปแต่งงานกับเจ้าเหลยหยุนได้ยังไง!” เย่หว่านเอ๋อพูดด้วยความไม่พอใจอย่างมาก
“หยุดพูดถึงมันได้แล้ว พวกเรารีบซ่อมค่ายกลนี้กันก่อนดีกว่า เดี๋ยวพวกมันจะทำลายค่ายกลได้ซะก่อน” สายตาของเย่ชิงเสวียนเผยให้เห็นถึงความรังเกียจ จากนั้นก็ไม่ต้องการพูดถึงมันอีก
“นี่คือสหายที่ช่วยพวกเรากลั่นโอสถคนนั้นใช่ไหม?” ผู้อาวุโสเยี่ยนมองมาที่อี้เทียนหยุน
“คารวะผู้อาวุโสเยี่ยน” อี้เทียนหยุนพูดทักทายด้วยรอยยิ้ม
“คุณชายอี้ พวกเราเตรียมจะซ่อมแซมค่ายกล ท่านคอยดูอยู่ด้านข้างได้” เย่ชิงเสวียนพูด
เธอไม่รู้ชื่อจริงของอี้เทียนหยุน แต่ได้ยินเย่หว่านเอ๋อเรียกเขาว่าพี่ใหญ่อี้ ดังนั้นเธอจึงเรียกเขาว่าคุณชายอี้
“แล้วข้าสามารถช่วยซ่อมแซมค่ายกลด้วยได้ไหม?” อี้เทียนหยุนถาม
“ซ่อมแซมค่ายกล?” พวกเธอพากันตกใจ จากนั้นเย่ชิงเสวียนก็ถามขึ้น “ท่านสร้างค่ายกลเป็นด้วย? แล้วตอนนี้อยู่ระดับไหน? ถ้าต่ำกว่าชั้น 5 ล่ะก็ ที่นี่ก็ไม่มีค่ายกลไหนที่ท่านจะซ่อมได้หรอกนะ”
“ระดับก็พอใช้ได้ ที่จริงก็เป็นนักสลักอาคมชั้น 5 ล่ะนะ….” อี้เทียนหยุนคิดแล้วพูดออกไป
“พี่ใหญ่อี้ ท่าน ท่านเป็นนักสลักอาคมชั้น 5 จริงๆ?” เย่หว่านเอ๋อที่อยู่ใกล้ๆ เบิกตาคู่งามของเธอ เมื่อกี้นี้เธอเพิ่งจะโม้กับเขาอยู่เลยว่าตัวเองเป็นนักสลักอาคมที่แข็งแกร่ง!
ที่สำคัญคืออี้เทียนหยุนไม่เพียงแต่จะกลั่นโอสถเป็นเท่านั้น แต่เขายังเป็นนักสลักอาคมชั้น 5 ด้วย นี่เขาเอาเวลาที่ไหนไปฝึกกัน?
“แล้วไม่ทราบว่าข้าพอจะช่วยได้ไหม?” อี้เทียนหยุนพูดออกมาพร้อมรอยยิ้มบางๆ
“นี่…. งั้นก็ลองดู?” เย่ชิงเสวียนคิด ตัดสินใจให้อี้เทียนหยุนลองดู ตอนนี้กำลังขาดคน ถ้าอี้เทียนหยุนสามารถช่วยได้ งั้นก็นับเป็นเรื่องดี
“เมื่อเป็นอย่างนี้ งั้นเจ้าก็ลองซ่อมแซมค่ายกลชั้น 5 ตรงนั้นดู” ผู้อาวุโสเยี่ยนก็ไม่ห้าม ตอนนี้พวกเธอกังวลแทบคลั่ง ขอแค่ไม่ใช่ศัตรู ถ้าช่วยได้ถือเป็นเรื่องดี
“ไม่มีปัญหา งั้นข้าจะลองดู” อี้เทียนหยุนเดินไปยังตรงหน้าค่ายกลชั้น 5 ที่ได้รับมอบหมาย ค่ายกลชั้น 5 นี้เสียหายมากกว่าครึ่ง ทั้งขีดเส้นยังเหลือเพียงผิวเผิน ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป มันจะต้องสลายไปอย่างแน่นอน ทำให้ไม่สามารถแสดงพลังออกมาได้
เมื่อไปถึง เขาก็หยิบพู่กันอวี้หลิงออกมา นี่เป็นพู่กันสลักอาคมระดับจิตวิญญาณ เมื่อเขานำมันออกมา พวกเธอก็พากันตาเป็นประกาย มี่ของระดับนี้ ดูเหมือนที่พูดมาท่าจะจริง
จากนั้น อี้เทียนหยุนก็เริ่มซ่อมแซมค่ายกลในทันที เขาในตอนนี้ไม่จำเป็นต้องใช้เนตรสวรรค์ เอาจริงๆ คือไม่กล้าใช้ เขาไม่รู้ว่าที่เย่ชิงเสวียนมอบพรสวรรค์ของเธอให้กับเขาจะมีโทษอะไรไหม ดังนั้นเนตรสวรรค์นี้ เขาไม่สามารถใช้มันออกมาได้ กระทั่งผู้อาวุโสยังไม่สามารถไว้ใจได้!
อย่างรวดเร็ว เขาก็จับพู่กันอวี้หลิงแล้วเริ่มซ่อมแซมค่ายกลอย่างเป็นธรรมชาติ ความเร็วของเขานั้นค่อนข้างเร็ว พริบตาก็ซ่อมเสร็จไปส่วนหนึ่งแล้ว แม้ว่าจะยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่ก็บอกได้ว่าระดับของอี้เทียนหยุนนั้นเพียงพอ เป็นที่แน่นอนแล้วว่าอี้เทียนหยุนเป็นนักสลักอาคมชั้น 5 จริงๆ ซึ่งเมื่อฉากนี้ปรากฏสู่สายตาของพวกเธอ ก็ทำให้พวกเธอพากันตกตะลึงกันไป
เป็นนักสลักอาคมชั้น 5 ทั้งยังเป็นนักกลั่นโอสถชั้น 4 อีก นี่มันคนแบบไหนกัน? หรือว่าเขาฝึกมาตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ ไม่อย่างนั้นจะมีความสามารถแบบนี้ได้ยังไง? แท้จริงแล้วในโลกแห่งการฝึกตนนี้ นานมากแล้วที่ไม่เคยเห็นคนที่ชำนาญถึงสองอาชีพ นอกจากอี้เทียนหยุน!