Crazy Leveling System - ตอนที่ 341
CLS ตอนที่ 341: ตะลุยด่านทุดสอบ
ภายใต้เสียงโหยหวนของเหลยหยุน อี้เทียนหยุนก็ได้เดินเข้าไปเพื่อรับการทดสอบต่อ รอบๆ เต็มไปด้วยลมเย็นๆ ที่โจมตีเข้ามา ต้องการแทรกซึมเข้าไปในร่างเขาไม่หยุด แต่เพราะร่างกายของเขานั้นแข็งแกร่งมาก ทำให้ความเย็นแค่นี้ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นล่ะก็ ป่านนี้คงถูกแช่แข็งจนกลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งไปแล้ว
“อากาศที่นี่เย็นมากจริงๆ ถ้าไม่มีพลังสูงพอ คงไม่มีทางทนต่ออากาศที่ต่ำขนาดนี้ได้” อี้เทียนหยุนขมวดคิ้ว รอบๆ นอกจากพื้นที่สีขาวแล้ว ก็ไม่มีอย่างอื่น
ยิ่งเดินเข้าไปลึกเท่าไหร่ ความเย็นก็ยิ่งมีแต่จะมากขึ้นเท่านั้น ทั้งยังกว้างขึ้นอีกด้วย จากตอนแรกที่แค่เดินเข้ามาพร้อมกันได้สองคน ตอนนี้กลับจุคนได้เป็นร้อยได้อย่างเหลือเฟือ
หลังจากเดินเข้ามา เขาก็เห็นว่าที่ไกลๆ ตรงจุดตัดมีไฟอยู่ เรียกได้ว่าเป็นทะเลไฟ ซึ่งตัดกับทุ่งน้ำแข็งนี้อย่างสิ้นเชิง ดูแล้วแปลกประหลาดอย่างมาก ทั้งสองพื้นที่แบ่งแยกกันอย่างชัดเจน ราวกับเป็นโลกคนใบอย่างไงอย่างงั้น
และเมื่อเขาเข้าไปใกล้ เขาก็พลันรู้สึกถึงเปลวเพลิงที่ร้อนลวกกำลังโหมเข้ามาจากฝั่งตรงข้าม ราวกับจะเผาให้เกรียม ความรู้สึกนี้เมื่อเทียบกับด้านนอกแล้วแข็งแกร่งกว่ากันไม่รู้กี่เท่า ถ้าเหลยหยุนถูกนำมาขังไว้ที่นี่แล้วล่ะก็ เขาจะต้องถูกเผาจนไหม้ไปอย่างรวดเร็ว ไม่จำเป็นต้องทนกับความเจ็บปวดอย่างยาวนานเช่นนี้
ที่พวกเขาขังเหลยหยุนไว้ด้านนอกก็เพื่อลงโทษ ถ้าเอาเขามาขังไว้ในนี้ มันจะทำให้อีกฝ่ายตายง่ายเกินไป
“ที่นี่มีค่ายกลสำหรับต้านทานยอดเยี่ยมมาก เห็นได้ชัดว่าต้องเป็นฝีมือนักสลักอาคมระดับจงซือ…..” อี้เทียนหยุนที่มาอยู่ตรงจุดนี้ พูดได้ว่าอยู่ตรงเส้นแบ่งระหว่างทั้งสองพอดี ด้านหนึ่งรู้สึกร้อนลวก ขณะที่อีกด้านกลับเย็นจนแทบเป็นน้ำแข็ง
แน่นอนว่าสำหรับเขาแล้วไม่มีปัญหา ด้วยพลังกายที่น่าตื่นตะลึง มันสามารถสะกดข่มความรู้สึกพวกนี้ได้ในพริบตา ยิ่งเขาสวมชุดเกราะมังกรมารด้วยแล้ว ทำให้ไม่กลัวการโจมตีอะไรทั้งนั้น!
ชุดนี้มีอยู่ด้วยกันสองแบบ แบบแรกจะมีลักษณะภายนอกที่ดูแล้วร้ายกาจ ขณะที่อีกแบบจะเป็นชุดธรรมดาที่ไม่ต่างอะไรจากคนทั่วไป ทำให้ดูแล้วเหมือนไม่แข็งแกร่ง
ถ้าคนอื่นเห็นคงจะคิดว่าเขาไม่ได้สวมเกราะอะไร แต่เมื่อยามโจมตีเข้ามา เมื่อนั้นพวกเขาจึงจะรู้ว่าอะไรที่เรียกว่าแข็งที่แท้จริง
อี้เทียนหยุนมองอยู่สักพัก จากนั้นก็ก้าวเท้าเดินเข้าไป ย่างเท้าเข้าไปยังสถานที่แห่งเปลวเพลิง ทำให้เปลวไปที่โหมอยู่ทั้งสองทิศต่างก็บิดเป็นเกลียว พร้อมกับโถมเข้ามาที่เขาอย่างรวดเร็ว ราวกับมังกรเพลิงสองตัวที่กำลังขบมาที่ร่างของเขา
สีหน้าอี้เทียนหยุนยังคงไม่แยแส ไม่สนใจการโจมตีของมังกรเพลิงพวกนี้อย่างสิ้นเชิง พร้อมกับเดินเข้าไปข้างในต่อ มังกรเพลิงพวกนี้ทำการกัดเข้าที่เขา “ตูม” พร้อมกับเปลวเพลิงที่พวยพุ่ง โอบล้อมร่างของเขาไว้
จากนั้น เปลวเพลิงก็ถอนตัวออกไปด้านข้างอย่างไม่ยินยอม โดยที่ไม่สามารถทำอะไรเขาได้แม้แต่น้อย
เปลวเพลิงพวกนี้มีพลังที่ถือว่าดี แต่ไม่ส่งผลต่อระดับวิญญาณเที่ยงแท้เท่าไหร่นัก ดังนั้นจึงทำอะไรไม่ได้มาก อี้เทียนหยุนก็ได้ทำการเดินเข้าไปด้านในต่อ ขณะที่เปลวเพลิงรอบๆ ก็ไม่ได้โจมตีเข้ามาอีก ยอมรับว่าไม่อาจทำอะไรเขาได้
การโจมตีนี้เทียบได้คร่าวๆ กับการโจมตีของระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 4 ที่ 5 ซึ่งก็ทำอะไรได้ไม่มากนัก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความต่อเนื่อง ห้ามหยุด หากหยุดที่นี่ ก็ต้องทนรับการโจมตี ขณะที่ด้านนอกเป็นน้ำแข็ง และที่นี่เป็นไฟ ทำให้ต้องทนรับการโจมตีไม่มีหยุดพัก
อี้เทียนหยุนดูราวกับผู้บุกรุกที่นี่ ตราบเท่าที่เหยียบย่างเข้าไป ก็จะมีพลังงานถูกส่งออกมาขับไล่เขาไม่หยุด จนกว่าจะออกไปจากที่นี่ ไม่อย่างงั้นไม่ยอมหยุด
และเมื่อเขาเดินฝ่าด่านนี้ไป ที่ตรงหน้ากลับเป็นภาพแปลกๆ เล็กน้อย ทุกที่ล้วนเต็มไปด้วยทรายเหลือง มองออกไปกลับเห็นเป็นทะเลทรายที่กว้างใหญ่ เห็นได้ชัดว่าที่นี่อยู่ใต้ดินชัดๆ แต่กลับมีภาพแปลกๆ นี้อยู่จริงๆ
ยังไงก็ตาม เมื่อต้องเจอกับสองภาพก่อนหน้า การมีอยู่ของทะเลทรายด้านหน้านี้ แท้จริงแล้วก็ไม่ได้พิเศษอะไร
“หรือว่าคราวนี้จะเป็นธาตุดิน?”
และเมื่ออี้เทียนเดินมาถึงที่แบ่งเขต เขาก็สามารถเห็นทะเลเพลิงและทรายเหลืองที่แยกจากกัน โดยที่ไม่มีการผสมปนเปกันแม้แต่น้อย
เขาทำการก้าวเท้าต่อไป และเมื่อเท้าของเขาเพิ่งจะเหยียบลงที่ฝั่งของทรายเหลือง ทรายเหลืองก็เหมือนกับส่งพลังดูดที่น่าสะพรึงออกมา ทำการดูดเขาเข้าไป อี้เทียนหยุนไม่แม้แต่จะขมวดคิ้ว ทำการก้าวเท้าไปข้างหน้าต่อไป ทรายเหลืองนี้ไม่ได้ใจกว้างที่จะช่วยให้เขายืนมั่น แต่มันคิดจะดูดเขาลงไป
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการทดสอบนี้เป็นการทดสอบที่เอาถึงตาย ถ้าไม่ระวังล่ะก็ จะต้องตายอยู่ที่นี่อย่างแน่นอน ยังไงก็ตาม ในเมื่อถูกรับเลือกให้เป็นราชาภูตแล้วล่ะก็ พลังฝึกตนย่อมไม่ต่ำอย่างแน่นอน ระดับของเหลยหยุนก็ไม่ต่ำ เพียงพอที่จะทนต่อการทดสอบนี้ได้อย่างเหลือเฟือ
“ช่างเป็นปัญหาจริงๆ บินไปตรงๆ เลยแล้วกัน”
อี้เทียนหยุนดึงเท้าออกจากทรายเหลืองที่กำลังดูดเขาลงไป พร้อมกับบินขึ้นฟ้าอย่างรวดเร็ว และในพริบตาที่บินนี้ รอบๆ ก็พลันปรากฏพายุทรายที่บ้าคลั่งขึ้น พร้อมกับโอบล้อมเขาในทันที!
“ตุบ ตับ ตึก….”
พวกกรวดดูราวกับดาวหาง ที่ทำการพุ่งเข้าใส่ร่างของเขาอย่างบ้าคลั่ง ถ้าเขาไม่ได้ใส่ชุดเกราะมังกรมารอยู่ล่ะก็ คงได้รับบาดเจ็บไปหลายจุดแล้ว พายุทรายนี้ออกจะบ้าคลั่งเกินไป เทียบกับตอนเดินบนพื้นแล้ว อันตรายกว่ากันมากนัก!
“ดูเหมือนว่าตอนบินจะยากกว่ากันหลายเท่าเลยทีเดียว…..”
เขาพลันเข้าใจกฎในทันที เห็นได้ชัดว่าหากคิดจะบินไป จะต้องเผชิญกับอุปสรรคที่ยากกว่ากันหลายเท่า หากไม่รีบล่ะก็ ควรเลือกที่จะเดินมากกว่า
จริงๆ ด้วย บินยากกว่าเดินหลายเท่าเลย
ยังไงก็ตาม เขาก็ไม่สนใจ ยังคงบินไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็ว ไม่ว่าพายุทรายจะร้ายกาจขนาดไหน เขาก็สามารถต้านทานได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังเพิกเฉยต่อการโจมตีพวกนี้ได้อย่างสิ้นเชิง พลังป้องกันของชุดเกราะมังกรมารไม่ธรรมดาอย่างมาก มันสามารถป้องกันได้กระทั่งการโจมตีจากระดับวิญญาณเที่ยงแท้ อย่าว่าแต่พายุทรายแค่นี้เลย
ภายใต้การบิน เขาก็มาถึงจุดต่อไปอย่างรวดเร็ว ที่ปรากฏตรงหน้าเขาคือผืนป่า ไม่ต้องสงสัยเลยว่าด่านต่อไปเป็นธาตุไม้
“ดูเหมือนว่าจะเป็น ทอง ไม้ น้ำ ไฟ ดิน นี่ข้าต้องฝ่าด่านห้าธาตุอย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนส่ายหัว การทดสอบนี้ช่างครอบคลุมอย่างแท้จริง โจมตีเขาด้วยธาตุพื้นฐานทั้งหมด สมแล้วที่เป็นบททดสอบเพื่อรับตำแหน่งราชาภูต
จากนั้น เขาก็ร่อนลงตรงจุดตัด จากนั้นก็ย่างเท้าเดินไปข้างหน้า เพิ่งจะเดินเข้าไป ก็ได้มีเถาวัลย์จำนวนนับไม่ถ้วนเข้ามาพันร่างเขาไว้ในทันที ถือเป็นการโจมตีที่ธรรมดามาก แต่ถ้าไม่ป้องกันล่ะก็ จะต้องถูกเถาวัลย์พวกนี้รัดจนกลายเป็นหมั่นโถวอย่างแน่นอน
อี้เทียนหยุนฟันมือฉับลงไป พร้อมกับเกิดคลื่นตัดอากาศ ทำการตัดเถาวัลย์ที่พันร่างทิ้งไป การทดสอบนี้สำหรับเขา ไม่น่าท้าทายเลยสักนิด แต่ก็จำเป็นต้องผ่าน
“ไม่รู้ว่าการทดสอบสุดท้ายจะเป็นการทดสอบอะไร?”
ที่เขาสนใจก็คือจุดนี้ ว่าในด่านสุดท้ายเขาจะได้รับการยอมรับหรือเปล่า