Crazy Leveling System - ตอนที่ 371
CLS ตอนที่ 371: ล้อม
อี้เทียนหยุนพาร่างโคลนของตนบินไปยังถ้ำมังกรขดด้วยความเร็วที่ไม่เร็วมาก หลังจากที่บินมาได้สักระยะ เขาก็สัมผัสได้ว่ามีบางคนกำลังบินตามเขามา ความสามารถด้านสัมผัสของเขานั้นแข็งแกร่งกว่าคนในระดับเดียวกันไปมากแล้ว ดังนั้นจึงสามารถสัมผัสถึงคนที่ตามเขามาได้ในทันที
“เพิ่งจะออกจากเมืองหลวงมาได้ไม่เท่าไหร่ก็มีคนตามติดมาทันที…. ทั้งดูเหมือนว่าระดับจะไม่ธรรมดาด้วย?” อี้เทียนหยุนยิ้ม จากนั้นก็เพิ่มความเร็วขึ้น บินตรงไปด้านหน้าด้วยความเร็วขีดสุด ทิ้งระยะจากพวกที่ตามในพริบตา
“พวกมันพบเราแล้วเหรอ? ไม่น่าใช่ ด้วยความสามารถด้านการปกปิดตัวตนของพวกเรา เป็นไปไม่ได้ที่พวกมันจะค้นพบพวกเราได้เร็วขนาดนี้!”
เฟิงเทียนที่เป็นหัวหน้าส่งสัญญาณบอกเพื่อนให้รีบไล่ตาม คนทั้งคนพากันบินในระนาบต่ำ ไม่กล้าไล่ตามไปเร็วนัก ไม่อย่างนั้น หากถูกพบอาจจะเป็นปัญหาได้ พวกเขาทั้งหกมีพลังไม่ใช่ต่ำๆ คนที่มีพลังต่ำสุดอยู่ในระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 4
แม้ระดับของพวกเขาจะต่ำกว่าระดับวิญญาณเที่ยงแท้อยู่มาก แต่ถ้าทั้งหกคนรวมพลังกันล่ะก็ นั่นก็เป็นเรื่องที่ต่างออกไป
ในขณะที่พวกเขาไล่ตามไปได้สักพัก ทันใดนั้นก็เห็นร่างขององค์หญิงหายไป เหลือแต่เพียงอี้เทียนหยุนเท่านั้น ซึ่งทำให้พวกเขาพากันตกใจ ก่อนหน้านี้ตอนที่ไล่ตามมาพวกเขายังเห็นอยู่เลย แล้วอยู่ๆ ทำไมถึงหายไปได้กัน?
“นี่มันอะไรกัน เมื่อกี้นี้ยังเห็นอยู่ชัดๆ แล้วอยู่ๆ ทำไมถึงหายไปกะทันหันอย่างนี้?” เฟิงเทียนตกใจ เพื่อนของเขาก็เช่นกัน เพราะเป้าหมายของพวกเขาคือเริ่นจื่อโหรว ไม่ใช่อี้เทียนหยุน
แต่ตอนนี้องค์หญิงไม่อยู่แล้ว แล้วอย่างนี้จะให้พวกเขาทำงานสำเร็จได้ยังไง?
“มันจะต้องสังเกตเห็นพวกเราไล่ตามมาอย่างแน่นอน เพราะอย่างงั้นมันจึงเอาองค์หญิงไปซ่อน?” เฟิงตี้กลอกตาแล้วรีบพูดขึ้น “พี่ใหญ่ พวกเราแยกเป็นสองกลุ่มดีกว่า กลุ่มหนึ่งล้อมเจ้าเด็กนี้ไว้ ส่วนอีกกลุ่มก็ออกค้นหา ดูว่าองค์หญิงหนีไปทางไหน!”
“อืม ข้าก็คิดอย่างนี้เหมือนกัน รีบแบ่งเป็นสองกลุ่มเร็ว!”
คำพูดเพิ่งจบลง พวกเขาก็เข้าใจในทันที พร้อมกับแบ่งกลุ่มกันเสร็จสรรพ สามคนแรกที่นำโดยเฟิงเทียนทำการล้อมอี้เทียนหยุนไว้ ขณะที่อีกสามคนหลังที่นำโดยเฟิงตี้แยกออกไปค้นหารอบๆ เฟิงเทียนนำกลุ่มของเขาบินเข้าไปด้วยความเร็วสูงสุด ไม่คิดจะซ่อนตัวสืบต่อ พวกเขาไม่ได้คิดจะเปิดเผยตัวเร็วอย่างนี้ แต่องค์หญิงอยู่ๆ ก็มาหายตัวไป พวกเขาคิดว่าอีกฝ่ายคงรู้ตัวแล้วว่าพวกเขาไล่ตามมา ไม่อย่างนั้นทำไมอยู่ๆ ถึงหายไปล่ะ?
ไม่มีใครรู้ว่านี่เป็นเวลาของร่างโคลนได้หมดลง จึงทำให้ร่างของมันหายไปกลางอากาศ ทั้งเขายังทำการเก็บเสื้อผ้า ไม่ทิ้งร่องรอยให้อีกฝ่ายได้สืบสาว
ด้วยความเร็วเต็มพิกัน พวกเขาก็ไล่ทันอี้เทียนหยุนอย่างรวดเร็ว ทั้งสามคนต่างแยกกันเป็นสามทาง ล้อมเขาไว้ข้างใน
“เจ้าหนู องค์หญิงล่ะ!” เฟิงเทียนมองมาที่เขาอย่างเย็นชาพร้อมกับถามขึ้น “บอกมาว่าองค์หญิงอยู่ที่ไหน แล้วข้าจะให้เจ้ามีซากศพที่สมบูรณ์!”
อี้เทียนหยุนมองพวกเขาพร้อมกับยิ้มออกมา “ให้บอกว่าองค์หญิงอยู่ไหน แล้วจะให้ข้ามีซากศพที่สมบูรณ์อย่างงั้นเหรอ นี่เจ้าไม่รู้วิธีเจรจาหรือยังไง?”
“ถ้าอย่างงั้น ข้าก็จะให้เจ้าได้รู้ ว่าอะไรที่เรียกว่าอยู่ไม่สู้ตาย รู้ว่าการที่มีซากศพที่สมบูรณ์นั้นดีแค่ไหน!” เฟิงเทียนชี้มือไปยังเขา พร้อมกับพูดอย่างเย็นชา “จับมันไว้!”
เมื่อได้รับคำสั่ง คนก็ลงมืออย่างรวดเร็ว พวกเขาทำการกระชับวงล้อมเข้าไป ทำให้ไม่มีช่องว่างสำหรับหลบหนี แต่ละคนต่างก็ป้องกันอาณาเขตของตน พร้อมๆ กับประสานงานกับคนอื่นๆ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาร่วมงานกันมาหลายปี ถึงทำให้มีความรู้ใจกันได้ขนาดนี้
อี้เทียนหยุนกวาดตามองพวกเขา จากนั้นข้อมูลของพวกเขาก็ปรากฏขึ้นมาในทันที
เฟิงเทียน : ระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 7, สวมใส่ชุดเกราะระดับจิตวิญญาณขั้นสูงสุด, อาวุธจิตวิญญาณขั้นสูงสุด, พลังรบ 4 ล้าน! จุดอ่อน : ไม่แน่ชัด, ฝึกวิชาผนึกมังกร, พันธนาการเทพ, เมื่อสังหารมีโอกาสได้รับเคล็ดวิชาผนึกมังกร, แส้พันธนาการเทพ……
เฟิงหยุน : ระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 6…..
ข้อมูลของพวกเขาปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา ระดับของพวกเขาไม่ต่ำเลย ยิ่งกว่านั้น ยังถือครองอุปกรณ์ระดับจิตวิญญาณขั้นสูงสุด ในมือของพวกเขาดูแล้วเหมือนไม่ได้ถืออาวุธอะไร แต่ถ้าดูดีๆ จะพบว่าอาวุธของพวกเขาคือเส้นเอ็นมังกรที่กำลังม้วนอยู่ในมือพวกเขา เตรียมที่จะใช้ออกเพื่อจับกุมตัวเขา
“ลุย!”
ทั้งสามคนที่บีบวงล้อมเข้ามาพลันใช้แส้พันธนาการเทพในมือออกทันที ก่อตัวเป็นร่างแหขนาดใหญ่ ครอบทับลงมาบนหัวของอี้เทียนหยุนในทันที ปิดทับเส้นทางหลบหนีทุกเส้นทางไว้ กระทั่งด้านล่างก็ยังมีแส้พันธนาการเทพปิดทาง
ไม่เสียทีที่เป็นถึงแส้พันธนาการเทพ มันสามารถจับกุมได้กระทั่งเทพจริงๆ!
อึดใจต่อมา ร่างของอี้เทียนหยุนก็หายไปจากจุดที่ยืนอยู่ พร้อมกับปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของเฟิงหยุน ก่อนที่ต่อยเปรี้ยงเข้าที่หลังของเขาอย่างแรง
“เปรี้ยง!”
เฟิงหยุนราวกับกลายเป็นอุกกาบาต ร่วงหล่นกับพื้นเสียงดัง “ตูม” ก่อให้เกิดหลุมขนาดใหญ่ ในขณะที่ร่างของเฟิงหยุนอ่อนยวบอยู่ในหลุมนั้น พร้อมกับร่างที่ไร้ลมหายใจ ถูกเขาสังหารในหมัดเดียว
“ติ๊ง ท่านสังหารเฟิงหยุนสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 390,000, ได้รับค่าความคลั่ง 4,500, ค่าความชั่ว 300, ได้รับวิชาพันธนาการเทพ, เคล็ดวิชาผนึกมังกร, ได้รับไอเทม แส้พันธนาการเทพ, พิษคร่ามังกร”
หลังจากสังหารเฟิงหยุนคนนี้แล้วเสร็จ ในมือของอี้เทียนหยุนก็ปรากฏคันศรน้ำค้างแข็งเทวะขึ้น พร้อมกับยิงออกไปอย่างรวดเร็ว เล็งเข้าใส่เฟิงเทียน พร้อมกับปล่อยสายรั้งเบาๆ ส่งศรน้ำแข็งพุ่งแหวกอากาศออกไป!
“น้ำค้างแข็งพิโรธ!”
เขาไม่ตระหนี่กับค่าความคลั่งแค่ 5,000 นี้ ส่งการโจมตีที่มีพลังรบมากถึง 50 ล้านเข้าใส่เฟิงเทียน ส่งผลให้ทุกพื้นที่ที่ศรดอกนี้พุ่งผ่าน กลายเป็นดั่งดินแดนน้ำแข็ง
“เร็ว หนีเร็ว!” เฟิงเทียนหมุนตัวเพื่อจะหนี แต่เขาจะไปเร็วกว่าน้ำค้างแข็งพิโรธนี้ไดยังไง พริบตา ความเย็นเสียดกระดูกนี้ก็พุ่งมาถึง เปลี่ยนเขาให้กลายเป็นประติมากรรมน้ำแข็งกลางอากาศ แม้สามารถหลีกหนีความตายไปได้
จากนั้น ประติมากรรมน้ำแข็งก็ร่วงหล่นลงสู่พื้นเสียงดัง “ตูม” กลายเป็นละอองน้ำแข็ง ขณะที่เฟิงสุ่ยที่อยู่ใกล้ๆ ก็ถูกน้ำค้างแข็งพิโรธนี้กวาดผ่าน พริบตาก็กลายเป็นประติมากรรมน้ำแข็งเช่นเดียวกัน แม้จะแค่เฉียดๆ แต่ก็มีชะตากรรมไม่ต่างกัน
ศรหนึ่งดอกพิฆาตสอง!
ส่วนพวกที่ออกค้นหารอบๆ อีกสามคน เมื่อได้ยินเสียงต่อสู้ทางนี้ก็พากันตกใจ รีบบินกลับมาดู และก็พบว่าเพื่อนทั้งสามของตนได้ถูกสังหารทิ้งในพริบตา ทำให้ความกล้าหาญที่มีถูกความหวาดกลัวเข้าแทนที่
“นี่ นี่มันกับดัก รีบหนีเร็ว!” พวกเขาพากันกรีดร้องออกมา พร้อมกับรีบถอยหนีอย่างรวดเร็ว หกมังกรพี่น้องเฟิงตายไปสาม ส่วนที่เหลืออีกสามไม่กล้าสู้ต่อแล้ว
สิ่งสำคัญคือพลังของฝั่งตรงข้ามต่างกันเกินไป แล้วอย่างนี้พวกเขาจะไปกล้าอยู่ต่อได้ยังไง?
“จะหนีไปไหน?” เสียงที่ราวกับภูตผีของอี้เทียนหยุนดังอยู่ข้างหน้าพวกเขา ไม่รู้ว่าอี้เทียนหยุนมาโผล่ที่ด้านหน้าพวกเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำให้พวกเขาตกใจจนวิญญาณแทบหลุดลอยไป
“นี่ นี่ นี่……”
พวกเขาตกใจจนพูดไม่ออก พวกเขาอยู่ห่างกันเกือบลี้ แต่พริบตาอีกฝ่ายก็มาโผล่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว นี่มันช่างไม่น่าเชื่อจริงๆ เพียงแค่ความเร็วนี้ก็ทำให้พวกเขาหวาดกลัวได้แล้ว
“ไม่ใช่ว่าต้องการปิดล้อมข้าอย่างงั้นเหรอ? ไม่ใช่ว่าต้องการให้ข้าอยู่ไม่สู้ตายหรือยังไง? แล้วพวกเจ้าจะรีบไปไหน?” อี้เทียนหยุนเดินเข้าไปหาพวกเขาทีละก้าว ขณะที่ตาเปล่งแสงเย็นเยียบออกมา