Crazy Leveling System - ตอนที่ 378
CLS ตอนที่ 378: ปากนกปากกา
สวี่เฟยกัดฟันแน่น พร้อมกับปีนขึ้นไปด้านบนอย่างรวดเร็ว ความเร็วของเขาไม่เร็ว แต่ก็ไม่ช้าเช่นกัน มันดูสงบมาก
อี้เทียนหยุนเดินตามอยู่ด้านข้างอย่างช้าๆ และสำรวจสถานการณ์รอบๆ ไปในตัว หลายคนมองมาที่นี่ด้วยสายตาแปลกๆ ระดับต่ำอย่างนี้ยังคิดจะขึ้นมาอีก นี่มันรนหาที่ตายชัดๆ
ผู้ฝึกตนที่เดินผ่านบ้างก็มองด้วยสายดูถูก ไม่ก็ชื่นชม มีทุกรูปแบบ แต่ว่านี่ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเขา สวี่เฟยยังคงปีนขึ้นไปอย่างช้าๆ แม้ว่าทั้งร่างจะชุ่มไปด้วยเหงื่อ ร่างจะซวนเซจนเจียนล้ม แต่ก็ยังคงปีนขึ้นไป
“ฟู่ววว…. ก่อนหน้านี้ข้าเคยปีนที่นี่มาก่อน แต่ก็ขาดเพียงนิดเดียว แต่คราวนี้ข้าคิดว่าต้องขึ้นไปได้อย่างแน่นอน!” สวี่เฟยกัดฟันแน่น พร้อมกับก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง สักพักก็เดินมาถึงระยะทางอีกครึ่งของครึ่งทางสุดท้าย
เมื่อมาถึงเขาก็ไม่พูดไม่จา ทำการนั่งลงในจุดนั้น พร้อมกับเริ่มฝึกตนอย่างไม่คาดคิด
อี้เทียนหยุนยืนอยู่ใกล้ๆ ช่วยป้องกันให้ สวี่เฟยในตอนนี้กำลังทะลวงระดับอย่างไม่ต้องสงสัย การปีนป่ายขึ้นภูเขาอยากยากลำบากนี้ แน่นอนว่าย่อมถือเป็นการฝึกฝนอย่างหนึ่ง การที่จะเลื่อนระดับที่นี่จึงไม่ใช่เรื่องแปลก
แล้วก็จริง สักพักสวี่เฟยก็เลื่อนระดับอย่างเป็นทางการ ทำการเข้าสู่ระดับหลอมรวมขั้นสูงสุด หากเป็นอย่างนี้ต่อไป เขาจะต้องสามารถเข้าสู่ระดับก่อแกนวิญญาณได้สำเร็จอย่างแน่นอน
“เลื่อนแล้ว ข้าเลื่อนระดับแล้วจริงๆ!” สวี่เฟยมีสีหน้าประหลาดใจ ทั้งยังเต็มไปด้วยความสุข จากนั้นก็ลุกขึ้นพูดกับอี้เทียนหยุนด้วยความรู้สึกขอบคุณ “ขอบคุณพี่ใหญ่อี้ที่ช่วยปกป้อง หากไม่มีพี่ใหญ่อี้ ข้าคงไม่สามารถเลื่อนระดับได้เร็วขนาดนี้!”
“เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ ต่อให้ไม่มีข้า หากว่าเจ้าได้ลองปีนที่นี่ดูสักครั้ง เจ้าก็จะสามารถเลื่อนระดับได้อยู่ดี” อี้เทียนหยุนส่ายหัว
“ฮี่ฮี่ พวกเราปีนกันต่อเถอะ คราวนี้จะต้องไปถึงได้อย่างแน่นอน!”
สวี่เฟยในคราวนี้มั่นใจมาก พร้อมกับเร่งฝีเท้าในการปีนขึ้นไปอีก เมื่อเลื่อนระดับได้ ความสามารถหลายๆ อย่างไม่ใช่จะเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย ในคราวนี้เขาปีนขึ้นไปได้ง่ายกว่าก่อนมาก หากดูจากความเร็วในตอนนี้ เทียบกันแล้วกลับเร็วกว่าก่อนหน้านี้อยู่หนึ่งขั้น
เขาฉวยโอกาสนี้ ใช้แรงกดดันของที่นี่เพื่อทำให้พลังในกายเขามั่นคง พูดได้ว่าเป็นการยิงนกนัดเดียวด้วยหินหนึ่งนัด
อย่างรวดเร็ว พวกเขาก็มาถึงจุดหมายอย่างราบรื่น ในจุดสูงสุดนี้ แรงกดดันไม่ได้มากอย่างที่คิด หากคิดจะบินขึ้นมา อย่างมากก็บินได้สูงแค่ไม่กี่สิบเมตรเท่านั้น แต่ความยากในการปีนนั้น แรงกดดันไม่หนักเท่า
หากเทียบแรงกดดันจากตอนบินแล้ว ณ จุดสูงสุดนี้ แรงกดดันอย่างน้อยต้องหนักระดับหลายพันจิน ผู้มีพลังระดับก่อแกนวิญญาณย่อมต้องถูกบดขยี้ในทันที กลัวว่าคงมีแต่ผู้เชี่ยวชาญระดับวิญญาณเที่ยงแท้เท่านั้นที่จะสามารถบินขึ้นมาถึงตรงหน้าได้อย่างพอกล้อมแกล้ม
“ถึงแล้ว ในที่สุดข้าก็ขึ้นมาถึงแล้ว!” สวี่เฟยร้องออกมาอย่างตื่นเต้น ราวกับการปีนขึ้นมาถึงยอดนี้เป็นการประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่
“ยินดีด้วย ในที่สุดเจ้าก็ปีนขึ้นมาถึงปากถ้ำแล้ว” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ “นี่เพิ่งแค่จะเริ่มเท่านั้น เจ้าพร้อมแล้วหรือยัง?”
การปีนเขาเป็นแค่กระบวนการหนึ่งเท่านั้น อันตรายที่แท้จริงคือถ้ำมังกรขดต่างหาก ข้างในนั้นอันตรายกว่าข้างนอกนี้มากนัก ในนั้นไม่สามารถประมาทได้แม้แต่นิดเดียว
“พร้อมแล้ว!” สวี่เฟยพยักหน้าอย่างแรง
“งั้นพวกเราไป!” อี้เทียนหยุนเป็นผู้นำไปข้างใน และในขณะที่เหยียบย่างเข้าไปด้านใน แรงกดดันที่สัมผัสได้กลับอ่อนลงเล็กน้อย พูดไปแล้วก็ไม่ได้อ่อนลงมากนัก แต่อย่างน้อยสำหรับสวี่เฟยแล้ว มันถือว่าลดลงมากทีเดียว
ในถ้ำไม่ได้มีฉากอะไรเป็นพิเศษ มีแต่ทางที่ทอดลงต่ำ และเมื่อพวกเขาเดินตามทางนี้ไป ทันใดนั้นก็พลันเห็นแสงสว่างปรากฏขึ้นตรงหน้าอย่างรวดเร็ว ตรงหน้าพวกเขาในตอนนี้เป็นที่ที่โล่งกว้าง ที่นี่เต็มไปด้วยผู้ฝึกตนที่กำลังนั่งพักผ่อนกันอยู่ ระดับของพวกเขานั้นมีทั้งต่ำและสูง ทั้งยังมีผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณอยู่เป็นจำนวนมาก
ที่นี่นั้นไม่ได้มีสมบัติอะไร เพียงแต่มีทางแยกอยู่นับไม่ถ้วน ไม่รู้ว่าทางไหนคือปากทางเข้าที่แท้จริง ซึ่งนี่สร้างความสับสนให้กับคนที่อยู่ที่นี่ เพราะไม่รู้ว่าเส้นทางไหนคือปากทางเข้าที่แท้จริง เพราะบางทางพาทะลุไปข้างหน้า ขณะที่บางทางพาดิ่งลงข้างล่าง เป็นเส้นทางที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ทางลงเหมือนกับเหวที่ไร้ก้น คนส่วนมากล้วนแต่ไม่มีใครเลือกเส้นทางนี้ คงมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าทางลงนี้จะไปสิ้นสุดลงที่ไหน หากว่าตกลงไปยังชั้นหินหนืด นั้นก็เท่ากับตาย
“นี่คือถ้ำมังกรขด ดูแล้วเหมือนกับที่ได้ยินมาเลย ว่าเต็มไปด้วยทางเข้านับไม่ถ้วน ไม่รู้ว่าแต่ละทางจะพาไปที่ไหน เป็นการสุ่มเส้นทางอย่างแท้จริง” สวี่เฟยเห็นทางเข้านับไม่ถ้วนก็มีความรู้สึกไร้สิ้นสุด
นี่มันต้องพึ่งโชคอย่างแท้จริง หากเลือกเส้นทางผิด ก็จำเป็นต้องพึ่งความแข็งแกร่ง หากปราศจากความแข็งแกร่ง ก็ไม่สามารถหนีพ้น ทำได้เพียงตายอยู่ข้างใน ดังนั้น ที่นี่จึงจำเป็นต้องพึ่งโชคและความแข็งแกร่งอย่างมาก จะขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไปไม่ได้
ยังไงก็ตาม คนที่ทั้งแข็งแกร่งแล้วยังมีโชคด้วยนั้นมีอยู่จริง
“ใช่แล้ว ความยากนี้ไม่ใช่น้อยๆ เลย” อี้เทียนหยุนกวาดตามองรอบๆ หากเป็นคนทั่วไป ความยากของมันย่อมไม่ใช่น้อยๆ แต่สำหรับเขามันไม่ใช่เรื่องใหญ่
เขาสามารถไปถึงจุดหมายที่เป็นถ้ำมังกรขดที่แท้จริงได้อย่างง่ายดาย แต่เรื่องที่เป็นปัญหาก็คือ เริ่นหลงนั้นเข้าไปยังเส้นทางไหนนั่นต่างหากถึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด
“โอ้ นี่ไม่ใช่สวี่เฟยหรอกเหรอ ไม่คิดเลยว่าจะมาอยู่ที่นี่ หรือว่าเจ้าหนีงานแต่งงานมาที่นี่อย่างงั้นเหรอ?”
“ใช่ ได้ยินมาว่าคิดแต่งงานกับคุณหนูตระกูลฉิน จึงเลือกที่จะหนีงานแต่งมาที่นี่ คิดแล้วตระกูลฉินคงไม่เห็นดีด้วย เนื่องเพราะระดับที่ต่ำเกินไป แต่ไม่คิดว่าจะมาฝึกอยู่ที่นี่”
“หึหึ น้ำหน้าอย่างเขายังคิดจะแต่งกับคุณหนูตระกูลฉินอีก? ช่างไม่ดูศักยภาพของตนเลยว่ามีอยู่แค่ไหน”
“ข้าว่าเจ้ารีบกลับไปแต่งกับผู้หญิงคนนั้นที่ทางตระกูลหาให้จะดีกว่า จะได้ไม่เสียหน้า เจ้าโง่!”
ผู้ฝึกตนจำนวนมากที่นี่รู้เรื่องของสวี่เฟย เห็นได้ชัดว่าตระกูลของสวี่เฟยมีอิทธิพลค่อนข้างดี ไม่อย่างนั้นหลายคนคงไม่รู้เรื่องของเขามากขนาดนี้
สีหน้าของสวี่เฟยแดงก่ำ คิดอยากจะลงมือกับคนพวกนั้นอย่างมาก แต่ก็รู้ดีว่าพลังของตนนั้นยังอ่อนด้อยนัก
อี้เทียนหยุนยื่นมือตบลงที่บ่าของเขาเบาๆ แล้วพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “ไม่ต้องไปสนใจพวกเขา พวกเราไปกันเถอะ”
“ครับ พี่ใหญ่อี้!” สวี่เฟยกัดฟันแน่น ข่มความโกรธในใจ พยายามไม่สนใจเสียงนกเสียงกาที่ไหนอีก
“โอ้ ที่แท้ก็มีผู้หนุนหลังอยู่ แต่ไม่รู้ว่าเจ้าหนูนี่จะแน่สักแค่ไหน ถึงขนาดเรียกว่าพี่ใหญ่อี้เลยทีเดียว?”
“เอาล่ะ ไม่ต้องไปสนใจพวกเขา พวกเราไปกันดีกว่า ดูเหมือนว่าทางเข้าข้างหน้าจะเป็นเส้นทางที่ถูกต้อง”
“ใช่แล้ว คนที่ถูกเรียกว่าพี่ใหญ่อี้นี้ ดูแล้วก็คงไม่ต่างกัน คนสองคนที่เป็นแบบเดียวกัน ย่อมต้องอยู่ด้วยกันเป็นธรรมดา”
ในตอนนี้ สวี่เฟยพลันปะทุความโกรธออกมา ชักกระบี่ออกมาด้วยความโกรธ “เจ้าจะพูดถึงข้ายังไงก็ตาม แต่อย่าได้คิดมาดูถูกพี่ใหญ่อี้!”
เขาในตอนนี้ได้โกรธโดยสมบูรณ์ จะพูดถึงเขายังไงเขาไม่ว่า แต่การที่เอาอี้เทียนหยุนเข้ามาเกี่ยวด้วยนั้น มันทำให้เขาโกรธอย่างมาก
“เป็นอะไรไป ข้าพูดผิดอย่างงั้นเหรอ! หากร้ายกาจจริง ก็ให้คนที่เรียกว่าพี่ใหญ่อี้ของเจ้านำเจ้าไปแต่งกับคุณหนูตระกูลฉินดูสิ?”
“ฮ่าๆ นั่นเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน หากว่าคุณหนูตระกูลฉินยอมแต่งงานด้วย เขาคงไม่มายังถ้ำมังกรขดอย่างนี้หรอก!”
“หากจะลงมือก็เข้ามา! ให้พวกเราดูหน่อยว่าแข็งแกร่งขึ้นแค่ไหนแล้ว”
พวกเขาไม่สนใจความโกรธของสวี่เฟย เนื่องเพราะระดับของพวกเขาต่างกับสวี่เฟยมาก แล้วอย่างนี้พวกเขาจะไปกลัวเขาได้ยังไง
“เข้ามา ใครจะสู้กับข้า!” สวี่เฟยโกรธสุดๆ ชักกระบี่พร้อมกับมองไปยังพวกเขาอย่างเย็นชา “ใครจะเข้ามาก่อน!”
เขาเป็นผู้ชายที่มีจิตใจแข็งแกร่ง ต่อให้ถูกพูดใส่มากแค่ไหน ก็ไม่สามารถทรมานเขาได้อีก
อี้เทียนหยุนอยากจะลงมือ แต่เมื่อเห็นว่าสวี่เฟยทำอย่างนี้ เขาก็ได้แต่เผยรอยยิ้มบางๆ ออกมา แล้วไม่พูดอะไร เขาอยากจะดูว่าสวี่เฟยนั้นมีความสามารถแค่ไหน