Crazy Leveling System - ตอนที่ 382
CLS ตอนที่ 382: เลือก
หลังจากตัดสินใจ เขาก็รู้แล้วว่าตัวเองจะเลือกประตูตรงหน้า
“ไปกันเถอะ” อี้เทียนหยุนยกเท้าเดินเข้าไป สวี่เฟยพยักหน้า ยังไงพวกนั้นก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเขา แค่ทำเรื่องของตัวเองไปก็พอ
และเมื่อสวี่เฟยเดินไปตรงหน้าประตูปฐพี หลังจากที่หวังเมิ่งหลงเห็น เขาก็พูดออกมาด้วยความดูถูก “เลือกระดับปฐพีจริงๆ ด้วย ระดับอย่างเจ้า คงทำได้เพียงเลือกประตูระดับนี้เท่านั้น”
ภายใต้สายตานับไม่ถ้วน หวังเมิ่งหลงก็ได้ก้าวเท้าเดินมายังตรงหน้าประตูสวรรค์ พร้อมกับส่งสายตาหาเรื่องไปทางสวี่เฟย พร้อมกับปรายหางตาไปทางฮัวซีอิ่ง อยากจะเห็นว่าเธอจะทำสีหน้ายังไง แต่เขาก็ได้แต่ผิดหวัง เพราะว่าฮัวซีอิ่งไม่ได้แสดงสีหน้าอะไร สีหน้าของเธอยังคงเฉยชา ไม่สนใจว่าหวังเมิ่งหลงจะเลือกประตูไหน
ระดับสวรรค์มีความยากค่อนข้างสูง หากไม่ระวังแม้แต่น้อย อาจมีสิทธิ์ตายอยู่ในนั้นได้ หวังเมิ่งหลงอยากจะให้ฮัวซีอิ่งรู้ถึงพลังอำนาจของตน แต่ใครจะรู้ว่าฮัวซีอิ่งกลับไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย
“ข้าจะเลือกระดับสวรรค์ สำหรับข้าแล้ว ระดับนี้ไม่ถือว่ายากแม้แต่น้อย” หวังเมิ่งหลงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างดัง จากนั้นก็มองมายังสวี่เฟยแล้วพูดขึ้นว่า “มีเพียงคนที่มีพรสวรรค์สุดยอดเท่านั้นถึงจะกล้าเลือกระดับสวรรค์ ส่วนคนที่มีพรสวรรค์ทั่วไป ทำได้เพียงเลือกระดับต่ำๆ อย่างระดับปฐพีเท่านั้น”
สวี่เฟยกำหมัดแน่น แต่เขาก็ไม่มีอะไรให้เถียง เขาไม่ได้โกรธจนสูญเสียเหตุผล แล้วหันไปเลือกระดับสวรรค์อย่างคนเสียสติ หากทำอย่างนั้น เขาคงมีโอกาสตายอยู่ด้านในสูง
“ต้องใจเย็น ใจเย็นไว้ แต่ไม่รู้ว่าพี่ใหญ่อี้จะเลือกประตูไหน?” และเมื่อเขาหันไป เขาก็เห็นร่างของอี้เทียนหยุนยืนอยู่ตรงหน้าระดับที่ยากที่สุด ตรงหน้าประตูบานที่เล็กที่สุดบานนั้น!
การตัดสินใจของเขาพลันดึงดูดความสนใจของผู้คนในทันที คนส่วนใหญ่เมื่อเห็นการเลือกของเขาแล้วก็พากันแสดงสีหน้าตกใจ มีคำกล่าวว่าประตูบานนั้นไม่เคยมีใครเข้าไปแล้วได้กลับออกมา การเลือกที่จะเข้าไปในนั้น ย่อมต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ใครจะรู้ว่าเขากลับเลือกประตูบานนั้น? มีเพียงคนที่ถูกลาถีบใส่หัวเท่านั้น นอกนั้น ไม่มีใครที่จะเลือกประตูบานที่เล็กที่สุด
ในประวัติศาสตร์มีบันทึกเอาไว้มากมาย ไม่ว่าจะมีระดับต่ำหรือสูงแค่ไหน เมื่อก้าวเข้าไปแล้ว ก็ไม่เคยมีใครได้ออกมาอีก สูงสุดคือผู้มีระดับวิญญาณเที่ยงแท้ ต่ำสุดคือระดับปรับแต่งวิญญาณ ไม่เคยมีสักคนที่ได้กลับออกมา พูดได้ว่าเป็นบททดสอบแห่งความตาย ดังนั้นจึงมีผู้คนจำนวนมากจับจ้องมาที่ด้านหลังของเขา
ระดับสวรรค์มีความยากไม่ใช่น้อยๆ คนที่กลับออกมาบอกว่ามันมีความยากมาก แต่อย่างน้อยก็มีคนได้กลับออกมา ส่วนประตูบานที่ไม่บอกอะไรนั้น กลับไม่เคยมีใครกลับออกมา ดังนั้นสถานการณ์ด้านในจึงไม่มีใครรู้มาก่อน
บ่อยครั้งที่ผู้คนหวาดกลัว ไม่ใช่เพราะพลังที่แข็งแกร่ง แต่เป็นความไม่รู้ต่างหาก!
“ฮ่าๆ สวี่เฟย นี่เป็นสหายของเจ้าอย่างงั้นเหรอ? สมองของเขาถูกลาถีบหรือไง ถึงได้คิดจะท้าทายประตูนั้น?” หลังจากหวังเมิ่งหลงได้สติ เขาก็ได้หัวเราะออกมา คิดว่าการเลือกของอี้เทียนหยุนเป็นอะไรที่น่าขำมาก
“ใช่ การที่บางคนเลือกประตูบานที่เล็กที่สุด เหมือนกับว่าต้องการตายอย่างไงอย่างงั้น”
“นี่ บางทีอาจจะเพราะต้องการเรียกร้องความสนใจของฮัวซีอิ่งก็ได้ ถึงได้เลือกประตูบานนั้น!”
“เป็นไปได้ ดูสิ ฮัวซีอิ่งกำลังมองอยู่จริงๆ นี่นับว่าสำเร็จแล้ว ข้าว่า เดี๋ยวเขาก็ต้องถอยออกมา?”
ฮัวซีอิ่งถูกอี้เทียนหยุนดึงดูดความสนใจไปจริง แต่ในนัยน์ตาคู่งามของเธอยังคงความเฉยชาอยู่ ดังนั้นจึงเผยเพียงใบหน้าที่ไม่แยแส นอกจากจะเข้าไป หากเลือกที่จะยืนอยู่ด้านนอก ใครก็จะกล้ายืน นี่ไม่มีความหมายอะไรเลย
“พี่ใหญ่อี้ ท่านอย่างเลือกประตูบานนั้นเลยนะ” สวี่เฟยรีบพูดออกมา “ประตูบานนั้นอันตรายมาก หากเข้าไปแล้วจะไม่สามารถกลับออกมาได้อีก”
“เจ้าหนู หากเก่งจริงก็เดินเข้าไปเลย ให้ข้าดูสิว่าเจ้าใจกล้าแค่ไหน? แค่ยืนอยู่ด้านนอกจะมีความสามารถอะไร เก่งจริงก็เข้าไปเลยสิ?” หวังเมิ่งหลงพยายามยั่วยุให้อี้เทียนหยุนเดินเข้าไป
อี้เทียนหยุนไม่สนใจหวังเมิ่งหลง แต่พูดกับสวี่เฟยว่า “หากออกมาแล้วให้รอข้าอยู่ที่นี่ บางทีข้าอาจจะออกมาช้าสักหน่อย”
พูดจบ อี้เทียนหยุนก็ยกเท้าก้าวเข้าไป หายไปต่อหน้าแสงของประตูอย่างรวดเร็ว ทำให้ทุกคนพากันตกตะลึง กระทั่วฮัวซีอิ่งก็ด้วย นี่เขาไม่ต้องการชีวิตแล้วจริงๆ
“ฮ่าๆๆ สวี่เฟย สหายของเจ้าช่างใจกล้าจริงๆ นอกจากจะกล้าเข้าไปแล้ว ยังมีหน้าบอกให้เจ้ารอเขาอีก ข้าว่า ต่อให้เจ้ารอทั้งชีวิตเขาก็ไม่ออกมา” หวังเมิ่งหลงหัว ในตาเต็มไปด้วยความดูถูก “สมกับเป็นนกรังเดียวกันจริงๆ เขาก็เหมือนกับเจ้า ไม่รู้ว่าปากตัวเองสามารถกลืนได้แค่ไหน คุณหนูตระกูลฉินไม่ใช่คนที่ไม่สำคัญอย่างเจ้าจะแต่งงานด้วยได้ ข้าว่าเจ้ากลับไปเป็นคุณชายสามของเจ้าดีกว่า!”
พูดจบ หวังเมิ่งหลงก็หันไปมองฮัวซีอิ่งที่อยู่อีกด้าน จากนั้นก็ก้าวเข้าไปยังประตูระดับสวรรค์ ไม่รั้งอยู่ที่นี่ต่อ
สวี่เฟยสีหน้าจมลง พูดเสียงลอดไรฟันออกมาว่า “พี่ใหญ่อี้จะต้องออกมาได้แน่ ต่อให้ไม่ออกมา ข้าก็จะรอเขาอยู่ที่นี่!”
จากนั้น สวี่เฟยก็ไม่ลังเล เดินเข้าไปยังประตูระดับปฐพี กลืนหายเข้าไปกับแสงของประตู
“คุณหนู เจ้าหนูที่มาด้วยกันกับสวี่เฟย ช่างทำตัวเอาแต่ใจจริงๆ ถึงกับเลือกประตูที่ไม่รู้จัก ขนาดมองดูยังไม่เข้าใจ ยังกล้าเดินเข้าไปอีก”
“ฮี่ฮี่ ข้าว่าเขาคงต้องการดึงดูดความสนใจของคุณหนู? ทั้งยังมาถูกยั่วยุด้วยแล้ว เขาคงต้องการรักษาหน้าตัวเอง”
คนรับใช้สองนางของฮัวซีอิ่งพากันคุยกัน ราวกับไม่สามารถอดทนต่อคำพูดนั้นของอี้เทียนหยุนได้
“เอาล่ะ ผู้อื่นจะเลือกอะไรก็เป็นเรื่องของเขา ไม่มีอะไรเกี่ยวกับพวกเรา ตอนนี้ข้าต้องการช่วยองค์หญิงตามหาร่องรอยของจักรพรรดิเริ่น ดังนั้นจึงได้ดั้นด้นมาที่นี่” ฮัวซีอิ่งพูดอย่างไม่ใส่ใจ “พวกเจ้าสองคนเข้าไปยังระดับปฐพี เดี๋ยวข้าจะไปยังระดับสวรรค์”
พูดจบเธอก็ไม่สนใจสายตาของผู้คนรอบๆ ทำการก้าวเข้าไปยังแสงที่ฉายส่องมาจากประตู
ผู้ฝึกตนคนอื่นต่างก็มองหน้ากัน รู้สึกเหมือนกับถูกการตัดสินใจของอี้เทียนหยุนกระตุ้น แต่ว่าก็ไม่มีใครคิดสงสารเขา หากเขาจะตายก็ให้ตายไป ใครให้เขาเลือกประตูบานนั้นกันล่ะ?
ขณะเดียวกัน หลังจากที่อี้เทียนหยุนเดินผ่านลำแสงของประตูเข้ามาแล้ว ที่ปรากฏต่อสายตาของเขาก็คือถนนที่ปูไว้ด้วยผลึกสีฟ้า ยืดยาวไปข้างหน้าจนสุดสายตา อี้เทียนหยุนที่มองไปก็รู้ว่าทางด้านนั้นเป็นมิติพิเศษ หากหลุดจากเส้นทางหินฟ้าเส้นนี้ จะต้องตกลงไปสู่ความว่างเปล่า แต่ว่าจะตายไหมนั้น ไม่แน่ใจนัก
ในแผนที่สมบัติมังกรขดไม่ได้มีการบันทึกเรื่องที่นี่ไว้มากนัก แต่ก็บอกว่าต้องเลือกเส้นทางนี้ ไม่อย่างนั้นจะไม่สามารถไปถึงจุดสุดท้ายที่แสดงอยู่บนแผนที่สมบัติมังกรขด ซึ่งไม่รู้ว่าสมบัติที่อยู่ตรงนั้นคืออะไร
ดังนั้น ที่เขาเลือกเส้นทางนี้ไม่ใช่เพราะต้องการท้าทายความยาก แต่ที่เลือกเส้นทางนี้เพราะแผนที่สมบัติมังกรขดบอกให้เขาเลือก ไม่อย่างนั้นจะไม่สามารถไปถึงจุดสุดท้าย ซึ่งเขาต้องทำตามเป็นเรื่องธรรมดา
“ให้ข้าดูหน่อยสิว่าเส้นทางที่หลายปีไม่มีใครเคยผ่าน จะยากสักแค่ไหน!” ดวงตาของอี้เทียนหยุนเป็นประกายอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในขณะที่ระมัดระวังถึงขีดสุด!