Crazy Leveling System - ตอนที่ 401
CLS ตอนที่ 401: เจอคนคุ้นเคย!
“ลูกของข้า ขอฝากเจ้าด้วย…..”
ต้นฟีนิกซ์เพลิงค่อยๆ สลายกลายเป็นขี้เถ้า ก่อนที่จะกระจัดกระจายไปรอบๆ พร้อมกับจิตวิญญาณที่หายไปอย่างรวดเร็ว โดยที่มีบางส่วนหายเข้าไปในร่างของลูกฟีนิกซ์ พร้อมกับการตื่นขึ้นมาอย่างช้าๆ ทำการมองไปยังต้นฟีนิกซ์เพลิงที่คอยปกป้องกลายเป็นความว่างเปล่า เมื่อเห็นต้นไม้ที่อยู่กับต้นมาตั้งแต่ลืมตาตื่นหายไป มันก็รีบลุกขึ้นยืน
แต่เพราะว่ายังอ่อนแอ ทำให้ร่างน้อยๆ ของมันซวนเซ แทบจะล้มลง
“กรี๊ด……”
มันทำการกรีดร้องออกมา พร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลอาบน้ำ ต้นฟีนิกซ์เพลิงนี้อยู่กับมันมาตั้งแต่ลืมตาตื่น เปรียบได้กับแม่ผู้ให้กำเนิด ตอนนี้ต้นฟีนิกซ์เพลิงต้องมาสลายไป หมายความว่าแม่ผู้ปกป้องมันต้องจากมันไปแล้ว
“ลูกเอ๋ย ลาก่อน…..” มันทำการแสดงรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้า ก่อนที่จะสลายไปโดยสมบูรณ์
มองดูร่างนั้นสลายไป อี้เทียนหยุนก็ได้แต่ถอนหายใจ จริงๆ แล้ว ฟีนิกซ์เพลิงไม่ได้ตายที่นี่ เพียงแต่ได้รับบาดเจ็บหนัก จึงเลือกที่จะมาซ่อนยังที่แห่งนี้
อี้เทียนหยุนยอบตัวลงไป พร้อมกับยื่นมือเข้าไปกอด แต่ลูกฟีนิกซ์ก็พยายามดิ้น พร้อมกับจะงอยปากที่จิกเข้ามา เต็มไปด้วยความดื้อรั้น เขายิ้มบางๆ ออกมา ก่อนที่โคจรเพลิงนิรันดร์ขึ้นในร่าง ทำให้มันสัมผัสได้ถึงเปลวเพลิงที่คุ้นเคย พร้อมกับค่อยๆ สงบลง ก่อนที่จะอิงแอบในอ้อมกอดของเขา
หลังจากดูดกลืนเพลิงฟีนิกซ์เข้าไป เปลวเพลิงนิรันดร์ของเขาย่อมต้องมีกลิ่นอายของมันผสมอยู่เป็นธรรมดา ทำให้ลูกฟีนิกซ์ตัวน้อยรู้สึกวางใจ เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคย
ด้วยอุณหภูมิความร้อนสูง ทำให้ความชื้นในผืนดินรอบๆ เริ่มแห้งผาก แต่ว่านี่ไม่ส่งผลต่อลูกฟีนิกซ์แม้แต่น้อย เหตุผลหลักเพราะว่าเขาไม่ได้แสดงพลังออกมาเต็มที่ ไม่อย่างนั้น ฟีนิกซ์น้อยตัวนี้คงกลายเป็นนกย่างไป
พลังของเพลิงนิรันดร์นั้นแข็งแกร่งมาก ทั้งระดับของฟีนิกซ์น้อยตัวนี้ยังอ่อนแอเกินไป ย่อมไม่สามารถต้านทานเปลวเพลิงที่แข็งแกร่งนี้ได้
“ข้าไม่คิดทำร้ายเจ้า แม่ของเจ้าฝากเจ้าไว้กับข้า ให้ข้าดูแลเจ้าให้ดี นี่เป็นสิ่งที่แม่ของเจ้ามอบมันให้กับข้า” อี้เทียนหยุนพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น เมื่อฟีนิกซ์น้อยตัวนี้สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคย จึงได้วางความดื้อรั้นลง
ขณะเดียวกัน อี้เทียนหยุนก็ฉวยโอกาสนี้ยื่นมือไปคว้ามันเข้ามากอด พร้อมกับลูบขนของมันอย่างอ่อนโยน ฟีนิกซ์ที่งดงามยังคงงดงามไม่แปรเปลี่ยน ถูกเขารับเอามาได้อย่างง่ายดาย
ฟีนิกซ์น้อยปรือตา พร้อมกับเพลิดเพลินไปกับความรู้สึกที่อ่อนโยน ตัวมันเพิ่งจะถือกำเนิด ทั้งต้องอยู่ในที่แห่งนี้เพียงลำพัง ดังนั้นจึงย่อมรู้สึกเหงาเป็นธรรมดา
จากนั้น อี้เทียนหยุนก็หยิบเม็ดยาบางอย่างออกมา เหล่านี้ล้วนแต่เป็นยาฟื้นฟู เขาทำการส่งเม็ดยาให้กับมัน เมื่อมันได้กลิ่นหอมของเม็ดยา ก็พลันมีท่าทางกระตือรือร้น พร้อมกับกินเข้าไปไม่หยุด ราวกับขนมหวาน หลังจากกินเข้าไป ตัวมันก็พลันกระปรี้กระเปร่าขึ้นในทันที
เม็ดยาพวกนี้ไม่ใช่ตัวยาล้ำค่าอะไร เป็นแค่เม็ดยาปรับแต่งกายาเท่านั้น เพียงแต่มันมีพลังวิญญาณที่บริสุทธิ์ ซึ่งนี่ก็ถือว่าเพียงพอต่อความต้องการของฟีนิกซ์น้อยตัวนี้แล้ว
ทันใดนั้น ยาที่อี้เทียนหยุนเอาออกมาก็ถูกฟีนิกซ์ตัวน้อยกินจนหมด ตัวมันแสดงสีหน้าว่ายังกินไม่อิ่ม หวังว่าอี้เทียนหยุนจะเอายาออกมาให้มันกินอีกหน่อย
“ระดับของเจ้ายังต่ำเกินไป เอาไว้ให้เจ้าเลื่อนระดับขึ้นก่อน แล้วข้าค่อยให้เม็ดยาที่ดีกว่านี้กับเจ้า หากว่าเจ้ากินยาเข้าไปมากเกินไป ตัวเจ้าอาจจะทนไม่ไหวเอาได้” อี้เทียนหยุนยิ้ม ไม่เสียทีที่เป็นถึงสัตว์เทวะ ตัวแค่นี้แต่ราวกับจะเติมไม่ยอมเต็ม ทำราวกับเม็ดยาสูงค่าเป็นดั่งขนมหวานไปได้
ตัวมันระดับต่ำเกินไป อยู่เพียงระดับปรับแต่งวิญญาณขั้นที่ 7 ที่ 8 ซึ่งนี่เป็นเพียงระดับแรกฟักตัวเท่านั้น ไม่เสียทีที่เป็นถึงสัตว์เทวะ หากเป็นสัตว์อสูรทั่วไป หากกินยาที่มีระดับสูงเกินไป ร่างกายย่อมรับไม่ได้อย่างแน่นอน แต่กับสัตว์เทวะแล้ว ต่อให้เป็นยาระดับสูง ก็ยังกินเข้าไปได้อย่างไร้ปัญหา
ฟีนิกซ์น้อยส่งเสียง “กรี๊ด” ออกมาคำหนึ่ง ก่อนที่จะซุกเข้ากับฝ่ามือของเขาอย่างมีความสุข ดูเหมือนจะติดเขามาก ภายใต้การให้อาหารพร้อมกับเปลวเพลิงที่คุ้นเคย ทำให้ค่าความชอบของมันที่มีต่อเขาพุ่งทะยาน
หลังจากเขาให้มันได้พักสักครู่แล้ว เขาก็พูดขึ้นว่า “เจ้าตัวน้อย ข้าจะพาเจ้าไปที่แห่งหนึ่ง ที่นั่นเจ้าจะต้องชอบอย่างแน่นอน”
พูดจบ เขาก็นำฟีนิกซ์น้อยตัวนี้เข้าไปยังช่องเก็บสัตว์เลี้ยง เขาแน่นอนว่าไม่สามารถปล่อยให้ฟีนิกซ์น้อยตัวนี้อยู่ข้างนอกได้ ทำได้เพียงเก็บมันไว้ในช่องเก็บของ หากให้อยู่ข้างนอก ไม่จำเป็นต้องรอถึงวันพรุ่งนี้ เพียงแค่วันเดียว มันก็สามารถนำหายนะเข้ามาสู่ตัวได้แล้ว
ยิ่งค่าความชั่วของเขายังสูงมากด้วย ย่อมดึงดูดความเกลียดชังเข้ามาหาตัวอย่างที่คาดไม่ถึงอย่างแน่นอน แม้ว่าเขาจะไม่กลัว แต่ตอนนี้เขามีเรื่องราวมากมายให้ต้องจัดการ มีปัญหาน้อยลงหน่อยย่อมดีกว่า
“เอาล่ะ ได้เวลาออกไปเสียที”
อี้เทียนหยุนมองดูรอบๆ อย่างคร่าวๆ คราหนึ่ง รอบๆ ไม่มีอะไรแปลก ไม่มีสมบัติ หรือว่าโครงกระดูกของฟีนิกซ์ ทั้งหมดล้วนแต่เปลี่ยนเป็นส่วนหนึ่งของต้นฟีนิกซ์เพลิงไปแล้ว ดังนั้นที่นี่จึงไม่มีอะไรเหลือ
แต่ในขณะที่เขากำลังจะออกไปนั้น หูของเขาก็พลันได้ยินเสียง “ตูม ตาม” ดังไล่หลังมา พร้อมกับผนังถ้ำที่อยู่ใกล้ๆ แตกออกเป็นรูขนาดใหญ่
“ในที่สุดก็ทำลายค่ายกลนี้ได้สักที ทั้งที่เก่าขนาดนั้น แต่กลับทำลายยากมาก ยังไงก็ตาม อุตส่าห์ฝ่าด่านตามหาที่ซ่อนมาตั้งขนาดนี้ หากว่าข้างในไม่มีสมบัติล่ะ….”
“จะต้องมีสมบัติอย่างแน่นอน ข้าเจอผลึกภาคีฟีนิกซ์ที่ด้านนอก ในนี้มีความเป็นไปได้ว่าจะมีฟีนิกซ์อยู่!”
ตามมาด้วยหลายร่างที่ลงมาจากด้านบน ท่าทางของพวกเขาเต็มไปด้วยความเหน็ดเหนื่อย ยามมองเข้ามา และเมื่อเห็นว่าอี้เทียนหยุนยืนอยู่ที่นี่ ก็พากันแสดงสีหน้าตกใจออกมา
อี้เทียนหยุนมองไปยังพวกเขา จากนั้นก็พลันแสดงสีหน้ามีความสุขออกมา ไม่คิดว่ามายังที่แห่งนี้ยังพบเข้ากับคนคุ้นเคยเข้า ในจำนวนพวกเขาที่ตกลงมา มีคนหนึ่งที่เขาเคยเจอในถ้ำมังกรขด นั่นก็คือสวี่เจี้ยน ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอเขาที่นี่
“เป็นเจ้า!” และเมื่อสวี่เจี้ยนเห็นอี้เทียนหยุน เขาก็พลันแสดงความโกรธออกมาทันที พวกเขาขุดเข้ามาที่นี่อย่างเหนื่อยยากเป็นเวลานาน แต่เมื่อลงมาถึง ไม่เพียงแต่จะไม่เจอสมบัติเท่านั้น แต่กลับเห็นคนเป็นๆ อยู่ที่นี่แทน!
อี้เทียนหยุนส่ายหัว โชคดีที่เขาเจอก่อน ไม่อย่างนั้น ลูกฟีนิกซ์ตัวนี้จะต้องถูกเอาตัวไปอย่างแน่นอน การจัดการกับต้นฟีนิกซ์เพลิงนั้นง่ายมาก แต่ต่อให้จะจัดการไม่ได้ ก็ยังสามารถหาคนมาช่วยได้ นี่คงเป็นเพราะพวกเขาเจอผลึกภาคีฟีนิกซ์เหมือนกัน ดังนั้นจึงได้มีความคิดที่จะออกค้นหายังที่แห่งนี้
ดูเหมือนว่าดวงของพวกเขาจะดีมาก แต่ว่าน่าเสียดายที่ดวงของเขานั้นดีกว่า
“ไม่ได้เจอกันนานเลย ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าไปที่ถ้ำมังกรขดกันหรอกเหรอ?” อี้เทียนหยุนยิ้มยียวน
นอกจากสวี่เจี้ยนแล้ว ผู้ฝึกฝนอีกสองคนนั้นมีระดับที่ไม่ธรรมดาเลย กระทั่งมีคนที่มีพลังระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 6 ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่สูงที่สุดในหมู่พวกเขา เห็นได้ชัดว่ามาเพื่อผลึกภาคีฟีนิกซ์นี้
เพื่อให้ได้รับลูกฟีนิกซ์ แน่นอนว่าเขาย่อมยินดีหาคนช่วย แต่ใครจะรู้ว่าที่นี่กลับว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลย
“เจ้ารู้จักเขา?” เลี่ยวหยุนกวงสายตาหรี่ลง พร้อมกับหันไปมองทางสวี่เจี้ยน พร้อมกับถามเขาอย่างชั่วร้าย
“ต้องรู้จักอยู่แล้ว ต่อให้มันจะเหลือเพียงเถ้ากระดูก ข้าก็จำมันได้!” สวี่เจี้ยนกัดฟันพูด พร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า “ก่อนหน้านี้เป็นเจ้าสารเลวนี่ที่หักขาของข้าและน้องชายของพี่เลี่ยวท่าน!”
“เป็นเจ้าที่หักขาน้องชายข้า?” หลังจากเลี่ยวหยุนกวงได้ฟัง สายตาก็กลายเป็นเย็นชาถึงขีดสุด ราวกับจะเข้ามาจบเรื่องนี้ให้ได้ “ตอนแรกว่าจะไปคิดบัญชีกับเจ้า แต่ดูเหมือนว่าเจ้าจะเป็นคนเอาตัวมาส่งถึงที่!”
อี้เทียนหยุนยักไหล่ ดูเหมือนจะคุ้นเคยกับเรื่องนี้เป็นอย่างดี