Crazy Leveling System - ตอนที่ 403
CLS ตอนที่ 403: อัญเชิญสัตว์เทวะ
“เจ้าเป็นคนที่ไม่ควรยั่วยุจริงๆ แต่ตอนนี้เจ้าได้ยั่วยุข้าแล้ว เพราะฉะนั้นจงตายซะ!” เลี่ยวหยุนกวงอารมณ์เสียโดยสิ้นเชิง เส้นเลือดทั่วร่างเริ่มโปร่งพอง ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมาถึงขีดสุด
สามารถจัดการกับจี้หลงได้ แน่นอนว่าระดับย่อมไม่ต่ำ เขาต้องจัดการอย่างจริงจัง ไม่อย่างนั้นจะเป็นตัวเขาที่ถูกจัดการแทน
“จะฆ่าข้า? อย่างเจ้ามีคุณสมบัติพออย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนพูดอย่างดูถูก “ตีตัวเล็กไป ตัวใหญ่มา ข้าก็แค่ให้บทเรียนพวกมัน สอนให้พวกมันรู้ว่าผู้ฝึกตนควรจะมีนิสัยยังไง ไม่อย่างงั้น ถ้าเกิดวันหนึ่งมันไปยั่วยุคนอื่นเข้า มันจะไม่เพียงแค่ถูกหักขาอย่างที่ข้าทำ”
“คิดจะสั่งสอนผู้ฝึกตนของพวกเราอย่างงั้นเหรอ งั้นข้าก็จะสอนเจ้า ว่าอะไรที่เรียกว่ากฎ!” เลี่ยวหยุนกวงโมโห “เข้าไปพร้อมกัน!”
เขาบอกให้สวี่เจี้ยนลงมือร่วมกันกับเขา แม้ระดับของสวี่เจี้ยนจะไม่สูง แต่สองคนร่วมแรงย่อมดีกว่า อย่างน้อยก็น่าจะมีผลอะไรบ้าง
“สองต่อหนึ่ง แบบนี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยยุติธรรมเลยนะ” อี้เทียนหยุนมองไปยังคนทั้งสองพร้อมกับพูดออกมาอย่างดูถูก
“มีอะไรไม่ยุติธรรม ในสนามรบไม่มีใครถามหาความยุติธรรมหรอก นอกจากพวกอ่อนแอ!” เลี่ยวหยุนกวงพูดเยาะ
พวกเขาพากันหยิบอาวุธออกมาอย่างรวดเร็ว เตรียมที่จะโถมเข้าใส่อีกฝ่าย
“ก็ถูก งั้นข้าก็จะหาผู้ช่วยมาเล่นกับพวกเจ้าเหมือนกัน” สายตาอี้เทียนหยุนเป็นประกายวาบ พร้อมกับโบกมืออกไป “ออกมา เหล่าทหารของข้า!”
จากนั้น ร่างเงามหึมาสองร่างก็ได้ถูกอัญเชิญออกมา ท่วงท่าสุดอหังการยามเมื่อลงมาจากชั้นเมฆ ยามเมื่อตกถึงพื้น เสียง “ตูม” ก็พลันสาดกระจายไปทั่วทั้งถ้ำแห่งนี้
พวกเขาทั้งสองถูกท่วงท่าที่แสนอหังการทำให้หวาดกลัวจนต้องถอยออกไปหลายก้าว พร้อมกับเบิกตาโพลงจ้องมองมายังมังกรยักษ์ทั้งสอง!
หนึ่งแดง หนึ่งดำ!
หากเทียบว่าตัวไหนแข็งแกร่งกว่า ย่อมต้องเป็นมังกรแดง เพราะมันมีพลังระดับผันแปรวิญญาณขั้นสูงสุด ส่วนมังกรดำก็ใช่ว่าจะอ่อนแอ ตัวมันได้มาถึงระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 7 ที่ 8 แล้ว ภายใต้การฝึกฝนเช่นนี้ หากเป็นอย่างนี้ต่อไป อีกไม่นานมันจะต้องกลายเป็นสัตว์เทวะระดับวิญญาณเที่ยงแท้ได้อย่างแน่นอน
“สะ สัตว์เทวะ!?”
พวกเขาพากันตกใจอย่างหนัก ไม่คิดว่าฝั่งตรงข้ามจะมีสัตว์เทวะถึงสองตัว โดยทั่วไปหากมีใครสักคนมีสัตว์เทวะได้สักตัวก็ราวกับเป็นความฝันแล้ว ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงไม่ออกมาตามหาฟีนิกซ์อย่างนี้หรอก แต่ใครจะรู้ว่าพวกเขาจะไม่เจอฟีนิกซ์ แต่กลับต้องมาเจอกับมังกรยักษ์ทั้งสองแทน แถมทั้งสองยังไม่ใช่พวกของพวกเขาอีกด้วย!
“พวกเจ้าคิดจะใช้สองรุมหนึ่ง ข้าก็ขอเรียกสัตว์เทวะสองตัวมาเป็นผู้ช่วย นี่จึงจะยุติธรรมขึ้นมาหน่อย” อี้เทียนหยุนยิ้มบางๆ ออกมา เขาก็ไม่ได้มีเหตุผลอะไร ก็แค่อยากจะให้สัตว์เลี้ยงของเขาออกมา พร้อมกับจัดการพวกเขาอย่างหนักก็แค่นั้น
เลี่ยวหยุนกวงถูกคำพูดของเขาทำเอาพูดไม่ออก นี่เรียกว่ายุติธรรมขึ้นมาหน่อยอย่างงั้นเหรอ? มันไม่ยุติธรรมสักนิด! เรียกสัตว์เทวะออกมาสองตัวง่ายๆ แค่ตัวเดียวก็จัดการพวกเขาได้อยู่หมัดแล้ว แล้วทีนี้จะให้พวกเขาทำยังไง จะให้สู้อย่างงั้นเหรอ?
จากนั้น พวกเขาก็ไม่รีรอ รีบหันหลังหนีไปทันที แต่อี้เทียนหยุนจะให้พวกเขาหนีไปได้ยังไง เขาจึงออกคำสั่งกับพวกมันว่า “กระทืบพวกมันซะ!”
มังกรทั้งสองบินไปอย่างรวดเร็ว พริบตาก็ปิดกั้นทางออกเอาไว้ ก่อนที่จะตวัดหางมังกรตรงเข้าใส่ ทิ้งไว้แต่ภาพติดตา! พวกเขารีบยกอาวุธขึ้นมาต้านอย่างรวดเร็ว “เคร้ง” ทั้งสองถูกแรงปะทะจนปลิวกระเด็นกลับมา หลังจากกลิ้งอยู่หลายตลบ จึงจะหยุดลงได้
ส่วนอาวุธของพวกเขาต่างก็หลุดกระเด็นออกไป พร้อมกับง่ามมือที่ฉีกขาดจนเลือดอาบ พลังสุดร้ายกาจนี้ พวกเขาแบกรับไม่ไหวจริงๆ หากอี้เทียนหยุนไม่ได้สั่งให้มังกรทั้งสองนี้ออมมือ พวกเขาคงตายไปแล้ว
อี้เทียนหยุนยิ้ม พร้อมกับพูดขึ้นว่า “คิดหนี เจ้าคิดว่าจะเป็นไปได้อย่างงั้นเหรอ?”
เลี่ยวหยุนกวงลุกขึ้นจากพื้นอย่างยากลำบาก แขนของเขาบิดงอผิดรูป เผชิญกับพลังที่น่าสะพรึงอย่างนี้ เขาไม่สามารถต้านทานได้ ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ขณะที่ลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าแตกตื่น พร้อมกับคุกเข่าลงตรงหน้าอี้เทียนหยุนด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทา พร้อมกับกล่าวอ้อนวอนอี้เทียนหยุนว่า “พะ พี่ใหญ่ท่านนี้ ได้โปรดปล่อยข้าไปเถอะ ข้า ข้าไม่ได้ตั้งใจจะหาเรื่องท่าน ที่ขาข้างนั้นของน้องชายข้าหักถือเป็นเรื่องสมควรแล้ว…. ตราบเท่าที่ท่านปล่อยข้าไป ข้าจะไปหักขาอีกข้างของมัน จะต้องทำให้มันรู้สำนึกได้อย่างแน่นอน!”
เขากลัวว่าอี้เทียนหยุนจะสังหารเขา เขายังไม่อยากตาย ต่อให้ต้องหักขาน้องชายของตนอีกข้างก็ต้องยอม เพราะยังไงอีกฝ่ายก็ไม่ตาย ในใจของเขาตอนนี้กำลังสบถด่าน้องชายของตนอย่างโกรธเกรี้ยว ไม่รู้ว่ากี่ครั้งแล้ว ที่น้องชายของตนไปหาเรื่องคนอื่น แต่คราวนี้กลับมาหาเรื่องผิดคนเข้าจนได้!
แล้วยังมีเจ้ามังกรทั้งสองตัวนี้อีก จะให้เขาแก้แค้นได้ยังไง? นี่มันเท่ากับรนหาที่ตายชัดๆ!
“ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าเจ้าประกาศว่าจะจัดการข้าอย่างงั้นเหรอ แล้วเจ้าคิดว่าข้ายังจะปล่อยเจ้าไป?” อี้เทียนหยุนหรี่ตาจ้องไปที่เขา
“งั้นเจ้าก็ตายซะ!”
เลี่ยวหยุนกวงกู่ร้องอย่างบ้าคลั่ง พร้อมกับกระโดดผึงขึ้นจากพื้น ทุ่มแรงทั้งหมดออกมา จนก่อให้เกิดคลื่นอัดอากาศตลบอบอวล กลายเป็นลำแสงพุ่งเข้ามา!
ในฝ่ามือของอี้เทียนหยุนผุดเปลวเพลิงที่ร้อนลวกขึ้นมา พร้อมกับปะทะกับฝ่ามือของอีกฝ่ายอย่างถนัดถนี่ “เปรี้ยง” อี้เทียนหยุนยังคงยืนได้อย่างมั่นคง ขณะที่เลี่ยวหยุนกวงกลับปลิวกระเด็นกลับไปแทน การปะทะด้านพลังกันในครั้งนี้ เลี่ยวหยุนกวงไม่ใช่คู่ต่อกรของเขาโดยสมบูรณ์
“อ๊ากกกก……”
ทันใดนั้น เลี่ยวหยุนกวงก็กรีดร้องโหยหวนออกมา เห็นเพียงแขนข้างที่เข้าปะทะกับอี้เทียนหยุนปรากฏเปลวเพลิงขึ้น พร้อมกับกำลังเผาไหม้แขนข้างนั้นของเขาอย่างบ้าคลั่ง และไม่ว่าเลี่ยวหยุนกวงจะทำยังไง ก็ไม่สามารถดับเปลวเพลิงนี้ได้ นี่คือเปลวเพลิงนิรันดร์ แม้ว่าจะไม่ได้นิรันดร์สมดังชื่อ แต่ก็ไม่ได้ธรรมดาจนสามารถที่จะดับได้ด้วยวิธีทั่วไป
จากนั้นเขาก็ดิ้นกระเสือกกระสนตรงไปที่บ่อน้ำ ในขณะที่ตัวคนได้กลายเป็นมนุษย์เพลิง “ตูม” เขาก็ได้กระโจนลงบ่อ แต่แม้ว่าจะจมลงไปในบ่อ เปลวเพลิงก็ยังคงแผดเผาตัวเขาอยู่ดี ทำให้เขายังคงต้องแหกปากกรีดร้องออกมา พร้อมกับเสียง “ซ่า” ที่เกิดจากน้ำปะทะเข้ากับเปลวไฟ
หลังจากนั้นสักพัก ตัวเขาก็ได้กลายเป็นตอตะโก ไร้ซึ่งสัญญาณชีวิตไป
“ติ๊ง ท่านสังหารเลี่ยวหยุนกวงสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 390,000, ค่าความคลั่ง 4,600, ค่าความชั่ว 150, ได้รับวิชายุทธ์ ฝ่ามือตัดอากาศ, เพลงเตะกำราบเทพ, ได้รับไอเทม เม็ดยาฟื้นฟู, เม็ดยาค่าประสบการณ์ 100,000, บัตรค่าประสบการณ์ 5 เท่า”
“หลังจากเปลวเพลิงนิรันดร์ยกระดับ ก็รุนแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด…..” อี้เทียนหยุนรู้สึกพอใจกับเปลวเพลิงนี้อย่างมาก หลังจากที่เลื่อนระดับ พลังของมันก็เพิ่มขึ้นขั้นใหญ่ ขนาดระดับผันแปรวิญญาณยังถูกเผาจนกลายเป็นตอตะโกได้อย่างง่ายดาย
ตอนนี้ก็เหลือเพียงสวี่เจี้ยนแล้ว หลังจากที่ถูกซัดจนปลิว เขาก็นอนชักกระตุกอยู่บนพื้น พร้อมกับพยายามลุกขึ้นอย่างยากลำบาก ในสายตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“ไม่ อย่าฆ่าข้า ข้า ข้ายอมเป็นวัวเป็นม้า ข้า ข้าจะไม่ทรยศท่าน….” สวี่เจี้ยนร้องขอความเมตตาออกมาไม่หยุด กับคนเสเพลอย่างเขา แน่นอนว่าย่อมไม่อยากตาย ยิ่งกว่านั้น เขายังเป็นนายน้อยของตระกูลสวี่ ฐานะของเขานับว่าไม่ต่ำเลย
“เจ้าคิดว่าข้ายังจะปล่อยเจ้าไปอยู่เหรอ?” อี้เทียนหยุนเดินเข้าไปพร้อมกับเอ่ยปาก
“ข้า ข้ามีความลับที่ท่านต้องการรู้ ข้า ข้าเจอผลึกภาคีฟีนิกซ์นี้ ใกล้ๆ นี้มีความเป็นไปได้ว่าจะมีฟีนิกซ์อยู่!” เขาตะโกนออกมา เอ่ยปากบอกความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
“ฟีนิกซ์?” อี้เทียนหยุนโบกมือ จากนั้น ฟีนิกซ์ตัวน้อยก็ปรากฏขึ้นบนมือของเขา “เจ้าหมายถึงนี่อย่างงั้นเหรอ? แต่ว่าน่าเสียดาย นี่ไม่ใช่ความลับ ข้าได้มันมาแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าบอก”
“นี่ นี่….” สวี่เจี้ยนตาเบิกโพลง มีฟีนิกซ์อยู่จริงๆ
คนๆ นี้ไม่เพียงแต่มีมังกรยักษ์สองตัวเท่านั้น แต่ยังมีฟีนิกซ์ด้วย นี่มันปีศาจชัดๆ! ไม่ว่าจะเป็นนักฝึกสัตว์คนไหน หากเทียบกับเขาแล้ว ไม่ต่างไปจากอาจม