Crazy Leveling System - ตอนที่ 420
CLS ตอนที่ 420: บินเต็มกำลังไปยังทวีปเทียนจิ่ง!
ระบบนี้มีกระทั่งรางวัลแม่ทัพ ช่างเป็นอะไรที่ลึกลับจริงๆ แม้แต่การสังหารของคนใต้สังกัดยังได้รับค่าประสบการณ์ เรื่องนี้เป็นอะไรที่เขาคิดไม่ถึง ต้องรู้ว่าเมื่อขุมอำนาจของเขายิ่งก้าวหน้าไปเท่าไหร่ ค่าประสบการณ์ที่ได้รับมาก็จะยิ่งมากเป็นเท่าทวี
ตอนนี้ระบบแม่ทัพก็เปรียบเสมือนกับสัตว์เลี้ยง สามารถแบ่งค่าประสบการณ์ได้ และหลังจากที่เลื่อนระดับได้สำเร็จ ก็จะได้รับค่าประสบการณ์เป็นของรางวัลอีก ช่างเป็นอะไรที่เหนือคาดจริงๆ และก็ดีกว่าสัตว์เลี้ยงด้วย
เมื่อสัตว์เลี้ยงเลื่อนระดับ ตัวเขาก็จะไม่ได้รับอะไร ตัวมันไม่มีความนึกคิด จำต้องให้เขาออกคำสั่ง ทั้งนอนเฉยๆ ยังได้เลื่อนระดับ มีแต่แม่ทัพนี้เท่านั้นถึงจะเป็นผู้ช่วยที่พึ่งได้
เขามองไปยังค่าความชอบที่สวี่เฟยมีต่อตน มันปรากฏเครื่องหมายอินฟินิตี้ขึ้นมา จากนั้นก็หายไป หมายความว่าไม่จำเป็นต้องใช้ค่าความชอบอะไรอีก เพราะสวี่เฟยนั้นจงรักต่อตัวเขาอย่างสมบูรณ์ แบบนั้นยังจำเป็นต้องใช้ค่าความชอบด้วยเหรอ? คนที่เชื่อฟังคำสั่งของเขาโดยสมบูรณ์ ไม่ว่าเขาจะชี้ไปทางไหน ไม่ว่าจะภูเขาดาบหรือทะเลเพลิง ล้วนแต่ไม่มีปัญหา
ชิเสวี่ยอวิ๋นกับพวกแม้ว่าจะเต็มใจมอบชีวิตให้กับเขา แต่ว่าเธอก็ไม่ใช่ลูกน้อง ฉะนั้นสถานการณ์จึงต่างกัน สวี่เฟยเป็นลูกน้องคนแรกของเขา ดังนั้นจึงทำให้เขารู้ว่ามีระบบนี้อยู่
“ดูเหมือนว่าหากสะสมลูกน้องเพิ่มขึ้น ก็จะช่วยให้ข้าเลื่อนระดับได้เร็วขึ้นสินะ….” อี้เทียนหยุนตาเป็นประกาย โดยเฉพาะรางวัลหลังเลื่อนระดับ นี่เปรียบเสมือนระบบเลี้ยงดูอย่างไงอย่างงั้น รางวัลจะถูกมอบให้ทุกครั้งที่มีการเลื่อนระดับ ทั้งยังไม่มีขีดจำกัดอีกด้วย
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่ารางวัลที่ได้จะมากมายขนาดไหน แต่เขาก็เชื่อว่าไม่น้อยอย่างแน่นอน เพราะการได้รับลูกน้องที่จงรักมา ก็ยากไม่ใช่น้อยเช่นกัน
จากนั้นอี้เทียนหยุนก็ยิ้มออกมา พร้อมกับบอกให้พวกเขาลุกขึ้น “เอาล่ะ ตอนนี้ตระกูลฉินและตระกูลสวี่ไม่ใช่ป้อมปราการของพวกเจ้าอีกต่อไป ในเมื่อพวกกล่าวว่าจะติดตามข้า งั้นจากนี้ไป พวกเจ้าต้องเข้าร่วมกับวังเทียนหยุน”
“วังเทียนหยุน?” “พวกเขาพากันสงสัย เพราะว่าไม่เคยได้ยินชื่อวังเทียนหยุนนี้มาก่อน
“ใช่แล้ว วังเทียนหยุน” อี้เทียนหยุนถอดหน้ากากออกพร้อมกับยิ้มออกมา เขาเผยใบหน้าที่แท้จริงให้กับทั้งสองได้ดู หลังจากนั้นก็สวมหน้ากากกลับเหมือนเดิม เมื่อพวกเขาได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขา ก็พากันแสดงสีหน้าตกใจออกมา “วังเทียนหยุนเป็นสำนักที่ข้าสร้างขึ้น เทียนหยุนก็มาจากชื่อของข้า ชื่อที่แท้จริงของข้าคืออี้เทียนหยุน ใบหน้าเมื่อกี้นี้คือใบหน้าที่แท้จริงของข้า”
“นี่ นี่…. พี่ใหญ่อี้ ท่านเด็กขนาดนี้เชียว กระทั่งยังเด็กกว่าข้าอีก” สวี่เฟยเผยรอยยิ้มเฝื่อนๆ ออกมา ไม่คิดว่าอี้เทียนหยุนที่จริงแล้วจะเด็กกว่าเขา ทำให้เขารู้สึกตกใจ ไม่คิดว่าจะเป็นไปได้
“ใบหน้าที่แท้จริงของข้า น้อยคนนักที่จะรู้ แต่ว่าข้าก็เตรียมที่จะไม่ใช้หน้ากากนี้แล้วล่ะ” อี้เทียนหยุนยิ้มบางๆ ออกมา เมื่อความแข็งแกร่งของเขามากพอ แน่นอนว่าย่อมไม่จำเป็นต้องใช้ใบหน้าปลอมอีก
หลังจากนั้น ภายใต้การนำของเขา พวกเขาก็ได้กลับมาถึงพระราชวัง เขาทำการสารภาพเรื่องนี้กับเริ่นหลง พร้อมกับบอกแผนการที่วางไว้ก่อนหน้า พวกเริ่นหลงพากันเห็นด้วยกับแผนการของอี้เทียนหยุน ที่จะร่วมกันกำจัดอาณาจักรใต้พิภพ!
เพื่อที่จะจัดการอาณาจักรใต้พิภพ ตอนนี้คงได้แต่หาขุมอำนาจอื่นเข้าร่วม ยิ่งมากเท่าไหร่ยิ่งดี
หลังจากคุยเรื่องนี้จนเข้าใจกันดีแล้ว อี้เทียนหยุนก็ขี่มังกรยักษ์ พาพวกสวี่เฟยบินกลับไปยังวังเทียนหยุน เริ่นหลงกับพวกจะเตรียมกำลังทหารรออยู่ที่นี่ เขาให้พวกเริ่นหลงเตรียมพร้อมเอาไว้ก่อน เพราะการเริ่มสงครามไม่จำเป็นต้องส่งคนจำนวนมากออกไป แค่ส่งพวกหัวกะทิออกไปก็พอแล้ว ทหารคนอื่นๆ ไม่จำเป็นต้องส่งออกไป
สำหรับเขาแล้วต้องการเพียงผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากเท่านั้น ส่วนเหล่าทหารนั้น มีไว้เพื่อคอยต้านรับเหล่าศัตรูที่จะบุกเข้ามาเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องเข้าสู่แนวหน้า เพราะกองกำลังที่แท้จริงที่จะบุกเข้าไปสังหารศัตรูนั้น คือคนของวังเทียนหยุนของเขา
อย่างรวดเร็ว พวกเขาก็กลับมาถึงวังเทียนหยุน หลังจากบินลงมา เขาก็ถอดหน้ากากออก เพราะไม่จำเป็นต้องปลอมตัวอีกต่อไป
เมื่อคนของวังเทียนหยุนเห็นมังกรยักษ์บินลงมาก็พากันมองไปที่มังกรนั้นด้วยความตกใจ อยู่ๆ มังกรก็โผล่ออกมา ใครบ้างจะไม่ตกใจ แต่เมื่อพวกเธอได้เห็นอี้เทียนหยุน ก็พลันแสดงสีหน้าโล่งอกออกมา
“ท่านน้า ข้ากลับมาแล้ว” อี้เทียนหยุนพาพวกสวี่เฟยเดินเข้าไป
“หือ ครั้งนี้พามาแค่ชายหนึ่งหญิงหนึ่งเท่านั้นเหรอ ข้าก็คิดว่าจะพาคนกลับมาเป็นกองทัพซะอีก” เมื่อชิเสวี่ยอวิ๋นเห็นอี้เทียนหยุนกลับมา ก็พลันแสดงรอยยิ้มอบอุ่นออกมา
“ข้าก็อยากจะพาคนกลับมาเป็นกองทัพเหมือนกัน แต่ว่าคราวนี้ไม่มีกลุ่มคนที่ข้าพอจะพากลับมาได้ด้วย” อี้เทียนหยุนตาเป็นประกาย จากนั้นก็พูดต่อว่า “เขาคือสวี่เฟย จากนี้ไปเขาจะเป็นแม่ทัพคนแรกของวังเทียนหยุน มีหน้าที่นำเหล่าศิษย์เป็นทัพหน้าออกโจมตี!”
เพิ่งจะมาถึง เขาก็มอบหมายหน้าที่แม่ทัพอันดับหนึ่งให้กับสวี่เฟยแล้ว นี่เป็นการยกยอเขามากจริงๆ แต่ว่าเขาก็ไม่ปฏิเสธ พร้อมกับแสดงสีหน้าจริงจังออกมา เขายินดีรับตำแหน่งนี้ พร้อมกับจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
“เรื่องนี้ไม่มีปัญหา แต่ว่าตอนนี้พวกเราต้องทำอะไรบ้าง?” ชิเสวี่ยอวิ๋นถามขึ้น
“เรียกศิษย์ทุกคนกลับมา พร้อมกับเตรียมตัวนำซากโบราณสถานเทียนเฉินบินไปยังทวีปเทียนจิ่ง!” อี้เทียนหยุนพูดอย่างจริงจัง “เมื่อไปถึงทวีปเทียนจิ่ง จากนั้นก็รวมวังเทียนจี๋เข้ามา!”
“หากทำอย่างนี้ ไม่เท่ากับเป็นการเปิดเผยตัวตนของพวกเราหรอกเหรอ?” ชิเสวี่ยอวิ๋นพูดอย่างตกใจ
นอกจากเหล่าผู้อาวุโส เมื่อได้ยินข่าวนี้ ก็พากันแสดงความตกใจออกมา
“ไม่จำเป็นต้องเป็นห่วง เรื่องนี้ไม่เร็วไม่ช้าก็ต้องถูกจับได้อยู่ดี!” อี้เทียนหยุนเผยรอยยิ้มคลุมเครือออกมา “ตอนนี้ให้บรรพชนเผ่าภูตเตรียมเปิดใช้งานมหาค่ายกลบินได้!”
“ไม่มีปัญหา!” ชิเสวี่ยอวิ๋นกับพวกไม่มีการลังเล พร้อมทำตามสิ่งที่เขาบอกในทันที
หลังจากนั้นไม่นาน บรรพชนเผ่าภูตกับพวกก็ได้รับข้อความที่ส่งไป พวกเขาไม่ลังเลแม้แต่น้อย ทันใดนั้นก็เปิดใช้งานมหาค่ายกลบิน ทำให้ทั่วทั้งภูเขากระจายแสงออกมา ตามมาด้วยเสียงดังสนั่น ราวกับอีกไม่นานจะเกิดแผ่นดินไหว
จากนั้น ผิวนอกของภูเขาก็มีรอยแตกเกิดขึ้น ตามมาด้วยตัววิหารที่บินขึ้นจากภูเขาเสียงดัง เป็นฉากที่ไม่น่าเชื่อ ตัววิหารขนาดใหญ่กลับลอยอยู่กลางอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิหารที่หลังจากขยับขยายแล้ว ดังนั้นจึงดูไม่น่าเชื่ออย่างมาก
“ดีมาก ในเมื่อไม่มีเรื่องอะไรแล้ว งั้นตอนนี้ก็บินไปยังทวีปเทียนจิ่งกันเลย!” อี้เทียนหยุนออกคำสั่ง คนของเผ่าภูตก็ทำการขับเคลื่อนมหาค่ายกลบินในทันที ตัวค่ายกลเปล่งแสงออกมาอย่างบ้าคลั่ง จากนั้น ทั่วทั้งวิหารก็เปล่งแสงออกมา จนกลายเป็นดวงตะวัน พร้อมกับบินไปยังทวีปเทียนจิ่ง
ดูแล้วไม่เร็วแต่ก็ไม่ช้า เพียงแค่ไม่กี่วัน ก็จะไปถึงทวีปเทียนจิ่งได้อย่างราบรื่น
ตลอดทางที่บินผ่าน ล้วนแต่เป็นที่ดึงดูดสายตา หลายคนพากันสงสัย ทำไมถึงได้มีวิหารบินอยู่บนฟ้ากัน? พวกเขาเคยเห็นแต่สัตว์อสูรบินอยู่บนฟ้า ไม่เคยเห็นวิหารบินได้แบบนี้มาก่อน ความจริงวิหารที่บินได้นั้นไม่ได้พิเศษอะไร ในขุมอำนาจชั้น 4 นั้นถือเป็นเรื่องที่ธรรมดามาก เพียงแต่โดยทั่วไปแล้วจะไม่มีการเคลื่อนย้ายตำหนัก นอกเสียจากว่าตัวตำหนักจะถูกทำลาย หรือว่าเส้นชีพจรวิญญาณถูกเผ่าผลาญจนหมด ไม่อย่างนั้นจะไม่มีการเคลื่อนย้ายโดยเด็ดขาด
การกระทำนี้ของพวกเขา แน่นอนว่าย่อมต้องทำให้วังเทียนหยุนเป็นที่รู้จักโดยสมบูรณ์ แต่ว่าเขาไม่ได้กังวลกับมันเลยแม้แต่น้อย เพราะตราบเท่าที่เขาบินไปถึงทวีปเทียนจิ่ง เขาก็จะทำภารกิจหลักสำเร็จ เมื่อถึงตอนนั้น ตัวเขาก็จะเลื่อนเข้าสู่ระดับวิญญาณเที่ยงแท้ พร้อมกับมีค่าความคลั่งมากพอที่จะยกระดับโหมดคลั่ง เมื่อถึงตอนนั้น ใครหน้าไหนที่จะขวางเขาได้?