Crazy Leveling System - ตอนที่ 445: เปลวเพลิงระดับปฐพีขั้นสูง
CLS ตอนที่ 445: เปลวเพลิงระดับปฐพีขั้นสูง
หลังจากมหาค่ายกลใต้พิภพถูกทำลาย เปลวเพลิงใต้พิภพที่ล้อมรอบอยู่ก็ได้ถอยกลับไปอย่างรวดเร็ว ไม่ได้ค่อยๆ เข้ามารวมตัวกันอีก เมื่อไม่ได้รับการเสริมพลังจากมหาค่ายกลใต้พิภพ พลังรบของหมิงเฉินก็ตกลงอย่างเห็นได้ชัด ราวกับใบมีดหดสั้นลง พลังรบลดลงไป 45 ล้านในพริบตา เห็นได้ชัดว่ามหาค่ายกลใต้พิภพมีผลน่าสะพรึงขนาดไหน
“มหาค่ายกลใต้พิภพของข้า…..”
ขณะที่หมิงเฉินตกใจ อี้เทียนหยุนก็ฉวยโอกาสแทงกระบี่เข้าใส่ ลำแสงกระบี่เปล่งประกายวาบ สะบั้นเข้าที่ลำคออีกฝ่ายในทันที!
ในพริบตานี้เอง หมิงเฉินก็พลันตอบสนองอย่างทันท่วงที ทำการถอยหลบออกไปอย่างรวดเร็ว พยายามจะหลบกระบี่ที่แสนป่าเถื่อนนี้ พูดได้ว่า แม้จะไม่มีมหาค่ายกลมังกรมืดคอยช่วย หมิงเฉินก็ยังแข็งแกร่งอยู่ดี เขาทำการถีบเท้าลงกับพื้นอย่างแรง เพื่อใช้เป็นแรงส่งหนีออกไป
แม้ว่าเขาจะเร็ว แต่ว่าอี้เทียนหยุนเร็วกว่า!
“แหลกไปซะ!”
อี้เทียนหยุนสีหน้าเย็นชา ทำการสับกระบี่จากบนลงล่าง ลำแสงกระบี่ไหลผ่านที่ไหล่ของเขา ทำการทำลายเกล็ดมังกรที่แข็งแกร่งออกไป พร้อมกับตัดแขนซ้ายของเขาจนขาดสะบั้นออก ทำให้เลือดฉีดพุ่งออกมา
“บัดซบ!” หมิงเฉินสีหน้าซีดขาว พร้อมกับเผยสีหน้าเจ็บปวดออกมา หลังจากสิงร่างจักรพรรดิใต้พิภพ อาการบาดเจ็บ แน่นอนว่าย่อมส่งผ่านไปยังวิญญาณของเขา
จากนั้น ไข่มุกสมบัติใต้พิภพในหัวของเขาก็ปล่อยลำแสงออกมาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเริ่มทำการรักษาอาการบาดเจ็บ ทันใดนั้นเลือดก็หยุดไหลในทันที แม้จะดูเหมือนท้าทายสวรรค์ แต่ก็ไม่สามารถงอกแขนที่ขาดกลับคืนมาได้
ไข่มุกสมบัติใต้พิภพ อย่างมากก็ฟื้นฟูได้แค่แผลที่บาดเจ็บ แต่กับแขนที่ถูกตัดขาดไป แน่นอนว่าไม่สามารถเอากลับคืนมาได้
“จงขาดเป็นชิ้นๆ ซะ!”
อี้เทียนหยุนไม่หยุดโจมตี พริบตาก็เรียกใช้วิชาโคลน ทำการเรียกร่างโคลนสามร่างออกมาโอบล้อมอีกฝ่ายไว้ในพริบตา กระบี่มังกรสวรรค์ในมือของเขาทำการฟันออกไปอีกครั้ง ไม่ยอมให้หมิงเฉินได้มีโอกาสหนี หมิงเฉินหน้าเปลี่ยนสี ไม่คิดว่าอี้เทียนหยุนจะยังมีวิชาที่ไม่ธรรมดาอย่างนี้อยู่อีก ทำไมถึงได้มีร่างแยกออกมากัน?
ต่อสู้อย่างยากเย็นกว่าจะได้โอกาสนี้มา อี้เทียนหยุนแน่นอนว่าไม่ยอมปล่อยมันไปอย่างเด็ดขาด เขาฉวยโอกาสที่อีกฝ่ายบาดเจ็บ ทำการรุกไล่อย่างรวดเร็ว ทำการโอบล้อม พร้อมกับกวัดแกร่งกระบี่มังกรสวรรค์ในมือเข้าใส่ พลังของร่างโคลนนั้นค่อนข้างอ่อนแอ แต่อี้เทียนหยุนมีเป้าหมายเพื่อให้พวกมันพัวพันเขาไม่ให้หนีไปได้เท่านั้น ไม่ได้ต้องการให้พวกมันสังหารเขา เพราะพลังของร่างโคลนไม่มีทางสังหารเขาได้
“ตายซะ!”
หมิงเฉินคำรามอย่างเดือดดาล ไข่มุกสมบัติใต้พิภพในหัวก็เปล่งแสงสีฟ้าออกมา จากนั้นก็บินออกมาจากปากของเขา พร้อมกับปลดปล่อยเปลวเพลิงใต้พิภพออกมาจากไข่มุกสมบัติใต้พิภพอย่างบ้าคลั่ง เปลวเพลิงใต้พิภพถั่งโถมออกมาราวกับไม่มีมันหมด ก่อนที่ทำการพุ่งออกไปรอบๆ กลืนร่างโคลนทั้งสามของเขาเข้าไปในทันที
“ฟรึบ” ร่างโคลนทั้งสามไม่ได้อยู่ใกล้เขา ทำให้พวกมันถูกเผาเป็นเถ้าในทันที
จากนั้น เปลวเพลิงใต้พิภพนี้ก็ทำการกลืนร่างอี้เทียนหยุนเข้าไป พริบตาที่เปลวเพลิงใต้พิภพปกคลุมร่างของเขา มันก็พยายามบุกเข้าไปในร่างของเขาอย่างบ้าคลั่ง ราวกับจะทำโทษเขา ให้เขาได้รับบาดเจ็บ ทันใดนั้น ผิดด้านนอกของเขาก็ถูกเผาจนแดงไปแถบหนึ่ง เปลวเพลิงจากไข่มุกสมบัติใต้พิภพนี้ช่างน่าสะพรึงจริงๆ เทียบกับเปลวเพลิงใต้พิภพแล้วแข็งแกร่งกว่ามาก เรียกได้ว่าอยู่คนละระดับเลยทีเดียว
อี้เทียนหยุนถอยหลบออกมาจากเปลวเพลิงใต้พิภพอย่างรวดเร็ว ร่างกายถูกเผาไปแถบหนึ่ง แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเปลวเพลิงใต้พิภพนี้
“เปลวเพลิงนี้แข็งแกร่งมาก ไม่ใช่ระดับเดียวกับที่ปล่อยออกมาเมื่อก่อนหน้า…..”
ในใจอี้เทียนหยุนรู้สึกเย็นยะเยือก แรงปะทะเมื่อครู่นี้ มีพลังรบถึง 980 ล้าน แม้พลังป้องกันของเขาจะน่าสะพรึง แต่ก็ไม่อาจทนพลังนี้ได้ จะต้องถูกเผาจนไม่เหลือแม้แต่เถ้าอย่างแน่นอน
เขาทำการโคจรเปลวเพลิงนิรันดร์ในร่างอย่างรวดเร็ว ทำการขับไล่เปลวเพลิงใต้พิภพที่บุกเข้ามาในร่างของเขาออกไป เปลวเพลิงนิรันดร์นั้นสามารถยับยั้งได้หลายอย่าง แต่การบุกรุกของเปลวเพลิงใต้พิภพในคราวนี้ ความยากกลับมากขึ้นอีกขั้นหากเทียบกับคราวก่อน
ยังไงก็ตาม โชคดีที่พอใช้เวลาสักพัก ก็สามารถสลายเปลวเพลิงใต้พิภพนี้ออกไปได้ทีละน้อย แต่ในร่างกายยังมีส่วนที่ถูกเผาอยู่ เขาจึงหยิบเม็ดยาฟื้นฟูออกมายัดใส่ปาก พร้อมกับเริ่มทำการรักษา นัยน์ตาของเขาจับจ้องไปยังหมิงเฉินที่ถูกเปลวเพลิงใต้พิภพคลุมอยู่ ไม่กล้าบุกเข้าไปเข้าอีก
ภายใต้สายตาประเมิน ทำให้เขารู้ว่าเปลวเพลิงนี้ได้รับการปรับปรุงใหม่ เป็นเปลวเพลิงใต้พิภพระดับปฐพีขั้นสูง!
ไม่แปลกที่พลังของมันจะเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งขนาดนั้น แม้ระดับความหายากจะด้อยกว่าเปลวเพลิงนิรันดร์ แต่หลังจากยกระดับ มันก็สามารถสะกดเปลวเพลิงนิรันดร์เอาไว้ได้
นี่ก็เหมือนน้ำกับไฟ หากว่าไฟมีจำนวนมากกว่าน้ำมาก มันย่อมสามารถทำให้น้ำระเหยออกไปได้อย่างง่ายดาย
หลังจากนั้นสักพัก เปลวเพลิงใต้พิภพก็ถูกเก็บกลับไป หมิงเฉินมองมาที่เขาอย่างเย็นชา แขนที่ขาดไม่ได้งอกขึ้นมาใหม่ ขณะที่สีหน้าดูเหมือนว่าจะซีดยิ่งกว่าเดิม
“ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะมีพลังระดับนี้ เป็นข้าประเมินเจ้าต่ำเกินไป…..” หมิงเฉินจับกระบี่เทพใต้พิภพแน่น มองมาที่เขาอย่างเย็นชาแล้วพูดขึ้นว่า “เป็นแค่หนอนแมลงแต่กลับรุกข้าได้ขนาดนี้ ช่างน่าขายหน้าจริงๆ หากว่าร่างหลักของข้าอยู่นี้ มดปลวกอย่างเจ้า คงทำได้เพียงหนีตายเท่านั้น! แต่ยังไงทุกอย่างก็ต้องจบ แม้เจ้าจะแข็งแกร่ง แต่จะสามารถต้านทานไข่มุกสมบัติใต้พิภพของข้าได้อย่างงั้นเหรอ?”
ไข่มุกสมบัติใต้พิภพลอยมาตรงหน้าเขา พร้อมกับเปล่งแสงเปลวเพลิงที่ไม่ธรรมดาออกมา ตราบเท่าที่มันสามารถปลดปล่อยเปลวเพลิงใต้พิภพออกมาได้ต่อ เขาก็ไม่สามารถสังหารหมิงเฉินได้จริงๆ
ยังไงก็ตาม หากว่าเขาสังหารหมิงเฉินผู้นี้ทิ้งเสีย ไข่มุกสมบัติใต้พิภพก็จะเป็นของเขา นี่คืออุปกรณ์ระดับเทวะ อุปกรณ์ระดับเทวะชั้นดีด้วย
อี้เทียนหยุนทำการปรับระเบียบพลังวิญญาณในร่าง พูดได้ว่าสถานการณ์ในตอนนี้ค่อนข้างเสี่ยง หมิงเฉินผู้นี้ร้ายกาจมากจริงๆ ไม่เพียงแต่ระดับที่แท้จริงจะเหนือกว่าเขามาก อีกฝ่ายยังมีสมบัติมากมาย ทำให้การจะจัดการกับเขานั้นทำได้ไม่ง่ายนัก
“เป็นอะไรไป กลัวจนพูดไม่ออกอย่างงั้นเหรอ?” หมิงเฉินหัวเราะเยาะ “วางใจเถอะ เจ้าจะเจ็บแค่แปบเดียวเท่านั้น จากนั้น เจ้าจะเห็นสมาชิกในครอบครัวของเข้า สหายของเจ้า ตามลงไปอยู่ด้วยกันกับเจ้า!”
คำพูดเพิ่งจบ ไข่มุกสมบัติใต้พิภพในมือหมิงเฉินก็เปล่งแสงออกมาอย่างบ้าคลั่ง พร้อมกับมังกรมืดสามตัวที่ควบแน่นมาจากเปลวเพลิงใต้พิภพทะยานเข้าใส่เขาจากสี่ทิศแปดทางราวกับหอกที่พุ่งตรงมา ต่อให้คิดจะหนีก็เป็นไปไม่ได้ เพราะมันทำการติดตามกลิ่นอายของเขาโดยสมบูรณ์
มังกรมืดแต่ละตัวอัดแน่นไปด้วยเปลวเพลิงใต้พิภพอันน่าสะพรึง ต่อให้เขาจะใช้ออกด้วยเคล็ดวิชากลืนสวรรค์ ก็ไม่สามารถดูดวับเปลวเพลิงที่น่าสะพรึงนี้ได้ เนื่องจากเปลวเพลิงนี้เหนือไปกว่าขีดจำกัดที่เขาจะนับได้ แล้วจะให้ดูดกลืนได้ยังไง?
อี้เทียนหยุนยืนเฉย ไม่ทำอะไร รอให้มังกรมืดจู่โจมเข้ามาหา ราวกับยอมแพ้ไปแล้วอย่างไงอย่างงั้น
“ยอมแพ้แล้วอย่างงั้นเหรอ? นี่จึงเรียกว่ารู้ถึงขีดจำกัดของตน เพราะต่อให้เจ้าดิ้นรนยังไงไปก็เปล่าประโยชน์!” สีหน้าของหมิงเฉินดุร้าย ราวกับกำลังเห็นอนาคตที่อี้เทียนหยุนถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน
และในพริบตาที่มังกรมืดไปถึงนั้น ดวงตาของอี้เทียนหยุนก็เป็นประกายวาบ พร้อมกับหายไปจากจุดที่ยืนอยู่ในพริบตา ทำให้การติดตามกลิ่นอายของมังกรมืดทั้งสามหายไปโดยสมบูรณ์ เมื่อไม่มีเป้าหมาย พวกมันก็ไม่รู้ว่าจะต้องจู่โจมไปทางไหนดี
“อะไรกัน หายไปแล้ว?” หมิงเฉินแตกตื่น
แต่ในขณะที่เขากำลังตกใจอยู่นั้น เขาก็พลันสัมผัสได้ถึงอันตรายที่ส่งผ่านมาจากข้างหลัง ทำให้เขารีบโถมไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เพื่อหลบการโจมตีนี้ แต่ทุกอย่างก็สายเกินไป เพราะกระบี่ที่บ้าคลั่งได้ตัดผ่านกลางร่างของเขา คลื่นกระบี่กระทั่งทำให้บรรยากาศสั่นสะท้าน มีเพียงเสียง “ฉวะ” แล่นผ่านเอวของหมิงเฉินไป!
เป็นการบอกว่าทุกอย่างได้มาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว!