Crazy Leveling System - ตอนที่ 455: ความจำเสื่อม
CLS ตอนที่ 455: ความจำเสื่อม
ในขณะที่เสียงระบบกำลังรายงานอยู่นั้น ตรงที่ป้ายศิลาหลุมศพตั้งอยู่ก็พลันมีแสงเปล่งออกมา พร้อมกับฉายขึ้นไปบนฟ้า แต่ว่าแสงนี้ดูอ่อนโยนมาก ไม่ได้แสบตาแต่อย่างใด
มันดูคล้ายกับวิญญาณขึ้นสวรรค์ แต่กลับไม่เห็นวิญญาณเลยสักตน และพร้อมกับลำแสงที่ฉายขึ้นฟ้า ก็ได้ปรากฏสายรุ้งที่พาดผ่านท้องฟ้า เหมือนกับเป็นการแสดงการขอบคุณต่อเขา พร้อมกับเอ่ยคำอำลา
ยามที่อยู่รอบๆ ต่างก็มองขึ้นไปบนฟ้า พวกเขารู้สึกประหลาดใจอย่างมาก ดูแล้วเหมือนกับมีสมบัติอะไรสักอย่างปรากฏขึ้นบนโลก แต่ในความจริงกลับไม่เห็นสมบัติอะไรเลยแม้แต่น้อย เห็นแต่เพียงลำแสงที่ฉายออกมาจากป้ายหลุมศพ ดูแล้วผิดปกติอย่างมาก
หลังจากนั้นสักพัก แสงนี้ก็ได้หายไป พร้อมกับกลับสู่สภาพปกติ ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากแต่ก่อน
มองดูลำแสงแห่งปาฏิหาริย์หายไป ในใจอี้เทียนหยุนก็ได้รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก ไม่คิดว่าการกระทำที่ไม่น่าสนใจของเขาจะทำให้ได้รับฉายาพิเศษ ผู้ส่งวิญญาณ ได้!”
ผู้ส่งวิญญาณ : ได้รับเมื่อทำการส่งวิญญาณไปสู่สุขติ, สามารถขับไล่สิ่งชั่วร้ายได้ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นสิ่งชั่วร้ายอะไรก็ไม่สามารถเข้าใกล้ร่างกายได้ง่ายๆ และสามารถส่งมันไปสู่สุขติได้, สามารถมองเห็นวิญญาณที่คนปกติไม่สามารถเห็นได้
“ติ๊ง เพราะส่งวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนไปสู่สุขติ ทำให้ได้รับรางวัลพิเศษเพิ่มเติม “วิญญาณนำทาง” 1 ครั้ง, สามารถพาท่านไปที่ไหนก็ได้(สามารถใช้กับภารกิจ หรือ แผนที่สมบัติไหนก็ได้)!”
“วิญญาณนำทาง, ไม่ใช่ว่านี่เท่ากับไปถึงที่หมายได้ในทันทีอย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนตกใจ ก่อนหน้านี้เหมือนเขาจะได้แผนที่สมบัติโลกวิญญาณมาด้วย ซึ่งจากที่ดูก็ไม่รู้ว่ามันอยู่ที่มุมไหนของโลก มีเพียงแต่ต้องค้นหาไปทีละขั้นเท่านั้น
นี่ก็เหมือนกับแผนที่สมบัติมังกรขดเมื่อก่อนหน้า นอกจากจะรู้ว่าถ้ำมังกรขดอยู่ที่ไหน ไม่อย่างนั้นคงไม่รู้ว่าจะไปเอาสมบัติมาได้ยังไง
แต่ตอนนี้เขามีวิญญาณนำทางแล้ว ซึ่งมันสามารถพาเขาไปที่ไหนก็ได้ตามที่เขาต้องการ เพียงแต่มีจำนวนครั้งจำกัดไว้ที่ 1 ครั้ง เท่านั้น ยังไงนี่ก็เป็นรางวัลที่ได้มาเพิ่มเติม ซึ่งเขาก็ไม่สามารถเรียกร้องอะไรได้ แต่กลับรู้สึกพอใจอย่างมากแทน
“หากเป็นอย่างนี้ ข้าก็สามารถ…..” อี้เทียนหยุนมองลงไปยังฟีนิกซ์น้อยของเขา เขาสามารถใช้สิ่งนี้ช่วยทำภารกิจรองนี้ให้สำเร็จเพื่อรับการสนับสนุนจากเผ่าฟีนิกซ์ นี่จะทำให้อาณาจักรที่เขาก่อตั้งมั่นคงขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ว่ารังฟีนิกซ์อยู่ที่ไหน แต่เมื่อมีวิญญาณนำทางนี้แล้วมันต่างมัน เพราะมันสามารถพาเขาไปยังรังฟีนิกซ์นี้ได้อย่างง่ายดาย
“ท่านพ่อ เมื่อกี้นี้มีแสงอะไรก็ไม่รู้ ดูแล้วงดงามมากเลย….” ฟีนิกซ์น้อยดึงสายตากลับมา แล้วพูดกับเขาด้วยรอยยิ้มหวาน
“นั่นเป็นแสงแห่งการขอบคุณ…..” อี้เทียนหยุนถอนหายใจออกมา รู้สึกว่าการที่ตัวเองทำลายอาณาจักรใต้พิภพไปนั้น เป็นตัวเลือกที่ถูกต้องแล้ว กับขุมอำนาจที่โหดเหี้ยมอย่างนั้น ทำลายไปแต่เนิ่นๆ เพื่อเป็นการผดุงความยุติธรรมแทนฟ้าน่ะดีแล้ว
ไม่ว่าอาณาจักรใต้พิภพจะพัฒนาไปในทิศทางไหน ก็ต้องก่อให้เกิดซากศพกองสุมเป็นวงกว้างอย่างแน่นอน แล้วยังจะเพิ่มโครงกระดูกขึ้นในหลุมยักษ์นั้นขั้นไปอีก แค่คิดก็น่ากลัวแล้ว ความโหดเหี้ยมของพวกเขานั้น ไม่ใช่เรื่องที่คนธรรมดาจะสามารถจินตนาการได้
ท่านพ่ออย่างงั้นเหรอ?
เมื่อยามรอบๆ ได้ยินคำนี้ ก็พากันตกใจในทันที ประมุขของพวกเขาเป็นพ่อคนแล้ว? เรื่องนี้พวกเขาไม่เห็นได้ยินมาก่อน นี่มันเรื่องสำคัญเชียวนะ!
อี้เทียนหยุนไม่สนใจสายตาของพวกเขา พร้อมกับพาฟีนิกซ์น้อยบินไปยังปราสาทเทียนหยุน เรื่องในที่แห่งนี้จัดการจนหมดสิ้นแล้ว คงได้เวลากลับไปดูสถานการณ์ทางด้านนั้นบ้าง
อย่างรวดเร็ว เขาก็พาฟีนิกซ์น้อยกลับมาถึงปราสาทเทียนหยุน ที่นี่วุ่นวายอยู่เสมอ เมื่อเขามาถึง ยามก็เข้ามารายงานว่า “ท่านประมุข ท่านบรรพชนเผ่าภูตบอกข้าว่า หากท่านกลับมาแล้วให้ท่านไปหาเขาด้วย เขามีเรื่องจะหารือกับท่าน”
“เข้าใจแล้ว” อี้เทียนหยุนพยักหน้า พร้อมกับพาฟีนิกซ์น้อยเดินเข้าไปด้านใน
เขาที่จูงมือฟีนิกซ์น้อยเดินไปตลอดทาง ทำให้คนที่อยู่รอบๆ ต่างก็พากันมองมาด้วยสีหน้าสงสัย ไม่รู้ว่าท่านเอาเด็กที่ไหนกลับมาด้วย? ก่อนหน้านี้กลับมาแต่ละครั้งก็นำคนกลับมาด้วย แต่คราวนี้กลับนำเด็กกลับมา
“ที่นี่คือที่ไหนเหรอท่านพ่อ น่าสนุกหรือเปล่า?” ฟีนิกซ์น้อยมองดูรอบๆ ด้วยความสงสัย กับโลกที่ไม่รู้จักนี้ เธอรู้สึกสงสัยอย่างมาก
ก่อนหน้านี้เธออาศัยอยู่แต่ในช่องเก็บสัตว์เลี้ยง ดังนั้นด้านนอกเป็นยังไง เธอไม่ค่อยเข้าใจนัก
“นี่คือบ้านของข้า หลังจากนี้เจ้าก็จะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่เช่นกัน” อี้เทียนหยุนยิ้มให้กับเธอ
เดินเข้ามาได้ไม่ทันไรเขาก็เจอเข้ากับพวกอี้อวี่เหว่ย เมื่อพวกเขาเห็นอี้เทียนหยุนนำเด็กเข้ามา นัยน์ตาของพวกเธอก็พลันเป็นประกาย “ท่านประมุข ท่านไปเอาเด็กน้อยคนนี้มาจากไหน ดูแล้วน่ารักอย่างมาก มาให้พี่สาวกอดหน่อย…..”
อี้อวี่เหว่ยเดินเข้ามากอด แต่ฟีนิกซ์น้อยกลับหลบอยู่หลังอี้เทียนหยุน พร้อมกับถลึงตาใส่เธอแล้วพูดว่า “อย่าเข้ามา ข้าไม่กอดกับเจ้า!”
“ขอกอดหน่อย แล้วพี่สาวจะให้ของอร่อยกินดีไหม” อี้อวี่เหว่ยเริ่มใช้ของมาล่อ
“ไม่กิน ไม่กินอะไรทั้งนั้น….. ข้าจะอยู่กับท่านพ่อ” ฟีนิกซ์น้อยปฏิเสธคนอื่นโดยสมบูรณ์
“ท่านพ่อ…. เขาคือพ่อของหนู?” อี้อวี่เหว่ยชี้ไปที่อี้เทียนหยุนแล้วถามอย่างตกใจ
“ใช่แล้ว เขาคือพ่อของข้า!” ฟีนิกซ์น้อยกอดแขนอี้เทียนหยุนแล้วพูดขึ้น
“ท่านประมุข…. ข้าก็คิดว่าท่านยังโสด ไม่คิดเลยว่าจะมีลูกแล้ว….” อี้อวี่เหว่ยก้าวถอยหลังไปหลายก้าวด้วยความตกใจ
“อย่าพูดเหลวไหล เรื่องนี้ถ้าให้เล่าแล้วมันยาว” อี้เทียนหยุนรู้สึกหมดหนทาง ชื่อเรียกนี้ช่างทำให้ผู้คนเข้าใจผิดกันจริงๆ
ในตอนนี้เอง ชิเสวี่ยอวิ๋นก็ได้เดินเข้ามา เมื่อเธอเห็นฟีนิกซ์น้อย เธอก็ถามออกมาด้วยความสงสัยเช่นกัน “เทียนหยุน เจ้าเอาเวลาที่ไหนไปรับเด็กน้อยน่ารักคนนี้มา? ทุกทีเจ้ามักจะพาผู้ฝึกตนมาด้วย แต่คราวนี้แม้แต่เด็กน้อยก็ไม่ยอมปล่อยไปอย่างงั้นเหรอ?” ชิเสวี่ยอวิ๋นมองเขาด้วยสีหน้าแปลกๆ
เมื่อฟีนิกซ์น้อยเห็นชิเสวี่ยอวิ๋น ตาก็พลันเป็นประกาย จากนั้นก็กระโดดออกไป แล้วตะโกนขึ้นว่า “ท่านแม่!”
“หา!?”
ผู้คนที่ผ่านไปมาพากันตกตะลึง ไม่ใช่ว่าเจ้าตำหนักมีข้อตกลงว่าจะไม่มีคู่บำเพ็ญเต๋าอย่างงั้นเหรอ? แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นหลัก หลักฐานก็คือเด็กที่อยู่กับอี้เทียนหยุน หากว่าดูดีๆ แล้ว ดูเหมือนว่าเธอจะคล้ายกับชิเสวี่ยอวิ๋นอย่างมาก…..
“เด็กของเจ้าคนนี้พูดเหลวไหลอะไร…..” ใบหน้าที่งดงามของชิเสวี่ยอวิ๋นแดงก่ำ พร้อมกับอุทานออกมาด้วยความตกใจ
“นี่เป็นกลิ่นของท่านแม่ กลิ่นนี้ข้าได้มาจากตัวท่านพ่อ….” ฟีนิกซ์น้อยพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มเป็นประกาย “ข้าจำไม่ผิดอย่างแน่นอน!”
อี้เทียนหยุนที่ได้ฟังเธอบอกว่าบนตัวเขามีกลิ่นของชิเสวี่ยอวิ๋นติดอยู่ก็ได้รู้สึกกระอักกระอ่วน ไม่คิดว่าฟีนิกซ์น้อยจะตัดสินใจเลือกแม่ตัวเองด้วยสิ่งนี้ หรือว่าเธอจะความจำเสื่อม?
เมื่อคำพูดนี้โพล่งออกมา ก็ทำให้หลายคนทำสีหน้าตกตะลึง นี่ถือเป็นข่าวใหญ่ แต่ก็มีหลายคนที่ยอมรับได้ พวกเธอรู้ว่าอี้เทียนหยุนและชิเสวี่ยอวิ๋นมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นมาก แต่ถึงยังไงทั้งสองก็ไม่ได้มีสายเลือดเดียวกัน ดังนั้น หากทั้งคู่จะกลายเป็นคู่บำเพ็ญเต๋าก็ไม่ใช่จะเป็นไปไม่ได้
แต่การที่อยู่ๆ ก็มีเด็กปรากฏออกมา เรื่องนี้ออกจะกะทันหันเกินไปจริงๆ….
“เข้าใจผิดแล้ว เข้าใจผิดแล้ว…..”
อี้เทียนหยุนรู้สึกหมดหนทาง ไม่คิดว่าเรื่องจะกลายเป็นวุ่นวายอย่างนี้