Crazy Leveling System - ตอนที่ 478: ดูดกลืนไม่เหลือ
CLS ตอนที่ 478: ดูดกลืนไม่เหลือ
พร้อมๆ กับพลังงานที่เบาบางลง ผู้ฝึกตนที่อยู่ด้านล่างประตูโลกวิญญาณก็เริ่มเห็นร่างในที่สูง ที่กำลังหลอมรวมเมฆดำเข้าไปในร่างอย่างต่อเนื่อง
หลังจากพลังงานเบาบางลง พวกเขาก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีคนกำลังดูดกลืนพลังงานสีดำเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง เมื่อเห็นอย่างนี้แล้ว พวกเขาก็พากันตกใจ
พวกเขาคิดว่าเมฆดำอยู่ๆ ก็เบาบางลง แต่ไม่คิดว่าอี้เทียนหยุนจะเป็นคนที่ดูดกลืนมันเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง นี่เขาไม่ต้องการมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้วอย่างงั้นเหรอ ทำไมถึงได้ดูดกลืนพลังงานเข้าไปในร่างอย่างต่อเนื่องอย่างนั้นล่ะ
“นี่มันอะไรกัน เขากำลังดูดกลืนเมฆดำเข้าไปอย่างงั้นเหรอ? ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้ไม่สามารถผ่านเมฆดำไปได้หรอกเหรอ หรือว่าตอนนี้จะผ่านไปได้แล้ว?”
“สามคนนั้นหายไป ดูท่าคงจะผ่านไปได้สำเร็จ แล้วทำไมเขายังคงดูดกลืนเมฆดำอย่างนั้นล่ะ?”
“นี่เขากำลังทำอะไร ดูดเมฆดำเข้าไปมากขนาดนั้น ตกลงแล้วมันเรื่องอะไรกัน?”
พวกเขาพากันตกใจกับคลื่นระลอกแล้วระลอกเล่าที่ถาโถมเข้ามา เพิ่งจะพื้นสติจากความตกใจ ก็ต้องมาตกใจกับอีกเรื่องไม่ได้หยุดได้หย่อน กระทั่งว่าความเร็วในการดูดกลืนยิ่งมายิ่งเร็ว
ตอนที่พวกเขาเข้าไปในเมฆดำนั้น ความรู้สึกเดียวที่พวกเขาสัมผัสได้คือความบ้าคลั่ง แต่อี้เทียนหยุนกลับดูดกลืนมันเข้าไปไม่หยุด ราวกับว่าไม่ใช่มนุษย์
อี้เทียนหยุนไม่สนใจสายตาของพวกเขา พร้อมกับดูดกลืนพลังงานต่ออย่างบ้าคลั่ง เมฆดำรอบๆ ถูกดูดเข้ามาจนเบาบางลงไปทุกที เขาทำไปโดยที่ไม่สนใจต่อสายตาของคนอื่น นี่เป็นโอกาสดีที่จะได้เพิ่มระดับของตน ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางพลาดอย่างเด็ดขาด
“เจ้าเด็กนี่…..” ลู่เฟิงปีนขึ้นมาได้มากกว่าครึ่งทางแล้ว เมื่อเห็นอี้เทียนหยุนกำลังดูดกลืนเมฆดำเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง ก็ทำให้เขาต้องสั่นสะท้านขึ้นในใจ
ยังไงก็ตาม เขาก็ยังไม่ลดความเร็วลง ยังคงปีนขึ้นไปด้วยความรวดเร็ว โดยเฉพาะเมื่อเห็นว่าเมฆดำได้สลายไป เขาก็สามารถผ่านประตูโลกวิญญาณนี้ได้อย่างง่ายดาย
“พวกเราก็ขึ้นไปกัน อีกไม่นานเมฆดำก็จะหายไปแล้ว!”
ในตอนนี้ ก็ได้มีผู้ฝึกตนที่ตอบสนองอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นก็พากันวิ่งไปไต่หน้าผา พวกเขาอยากจะไปโลกวิญญาณ ตอนนี้เมื่อเมฆดำกำลังจะสลายไปแล้ว จึงเป็นโอกาสดีที่พวกเขาจะได้ออกไปจากที่นี่
พวกเขาไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เมฆดำจะมารวมตัวกันอีก แต่ตอนนี้รู้แค่ว่าเมฆดำกำลังจะสลายไปก็พอ
พวกเขาพากันปีนขึ้นไปอย่างรวดเร็ว แต่ละคนต่างก็ปีนขึ้นไปด้วยความเร็วสูงสุด พวกเขากังวลว่าเมฆดำจะรวมตัวกันอีก เมื่อถึงตอนนั้น พวกเขาคงไม่มีทางทนไหว
สภาพนี้ไม่ได้คงอยู่นานนัก อี้เทียนหยุนก็ได้ดูดกลืนเมฆดำรอบๆ จนแห้งผาก ทำให้ค่าความชำนาญของเปลวเพลิงใต้พิภพเพิ่มขึ้นอีกหลายแสนแต้ม แต่ตอนนี้ พลังงานสีดำรอบๆ ก็ไม่มีเหลือแล้ว
กระทั่งพลังงานที่ส่งออกมาจากหน้าผายังไม่มี ทำให้เขาไม่มีค่าประสบการณ์ให้ดูดซับเช่นกัน
“อะไรกัน ไม่มีแล้วเหรอ?” อี้เทียนหยุนตกใจ เขาคิดว่าเมฆดำสามารถหมดไปได้ แต่ไม่คิดว่ากระทั่งพลังงานในหน้าผาก็หมดไปด้วย?
“หรือว่าเมฆดำจะเกี่ยวข้องกับพลังที่ทะลักออกมาจากด้านใน?”
อี้เทียนหยุนขมวดคิ้ว นี่หมายความว่าเขาดูดกลืนจนไม่มีอะไรเหลือแล้ว ต่อให้อยู่ที่นี่ต่อก็เปล่าประโยชน์
ผู้ฝึกตนทั้งหลายที่อยู่ด้านล่างเขาพลันลดความเร็วในการปีนลง พร้อมกับเผยแววตาแห่งความสงสัยออกมา
“แปลกจัง ทำไมข้าไม่รู้สึกถึงพลังงานสีดำที่กัดกินร่างกายของข้าโถมออกมาเลย?”
“เจ้าก็ด้วยเหรอ? ข้าก็คิดว่าเป็นแค่ข้าคนเดียว ที่แท้เจ้าเองก็เป็นด้วย?”
“ใช่ ข้าสัมผัสอะไรไม่ได้นอกจากแรงกดดัน พลังงานสีดำที่กัดกินร่างได้หายไปแล้ว!”
พวกเขาทั้งแปลกใจและดีใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ตอนนี้เหลือแค่เพียงแรงกดดันเท่านั้น เป็นแรงกดดันที่ทำให้ไม่สามารถบินบนท้องฟ้าได้ แต่แค่นี้สำหรับพวกเขาแล้วทนได้ ถึงยังไงก็ดีกว่าความรู้สึกที่ร่างกายต้องถูกกัดกินด้วยพลังงานสีดำมาก
อี้เทียนหยุนมองลงไปข้างล่างพร้อมกับพูดพลางส่ายหัวว่า “ดูเหมือนว่าพลังงานข้างในจะถูกข้าดูดกลืนจนหมดแล้ว ก็คิดว่าจะสามารถเพิ่มระดับได้สัก 2-3 ขั้นเสียหน่อย…..”
เขารู้สึกหมดหนทาง อยู่ๆ พลังงานสีดำของที่นี่ก็มาถูกดูดไปจนหมด ทำให้ความยากในระดับที่เป็นไปไม่ได้กลายเป็นง่ายไปเลย ตอนนี้ ผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณต่างก็สามารถผ่านกันได้ตามใจ!
หากว่าคนพวกนี้รู้ว่าเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้ยังไง พวกเขาต้องพากันกระอักเลือดออกมาอย่างแน่นอน พวกเขาพากันทุ่มสุดตัวยังผ่านกันไม่ได้ แต่ตอนนี้กลับสามารถผ่านได้ง่ายๆ ราวกับดื่มน้ำ
อี้เทียนหยุนคิดว่า เมื่อไม่มีค่าประสบการณ์ให้ดูดกลืนแล้ว จากนั้นจึงได้ปีนขึ้นไปอย่างรวดเร็ว จนขึ้นไปถึงยอดผาอีกครั้ง ในตอนนี้ พวกเริ่นเหลียงเฉินต่างก็ฟื้นตัวกันมากแล้ว เมื่อเห็นอี้เทียนหยุนขึ้นมา ก็ถามด้วยความประหลาดใจว่า “น้องอี้ ตกลงแล้วเรื่องนี้มันยังไงกันแน่ เจ้าดูดกลืนพลังงานสีดำนั้นเข้าไปหมดจริงๆ?”
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต่างก็มองดูจากข้างบน เห็นอี้เทียนหยุนลงไป แน่นอนว่าพวกเขาต้องดูว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ใครจะรู้ว่าอี้เทียนหยุนจะดูดกลืนเมฆดำเข้าไป!
“จะมีเรื่องอะไรได้ หากว่ามีเรื่องจริง ข้าคงไม่มายืนพูดกับท่านที่นี่?” อี้เทียนหยุนเผยรอยยิ้มคลุมเครือออกมา แม้ว่าจะไม่มีอะไรให้ดูดกลืนอีก แต่แค่นี้เขาก็เก็บเกี่ยวได้ไม่น้อยแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นระดับของเขาหรือระดับของเปลวเพลิงใต้พิภพ ต่างก็เพิ่มขึ้นไม่น้อยเลย
อย่างรวดเร็ว ลู่เฟิงก็ปีนขึ้นมาจากด้านล่าง พร้อมกับมองสำรวจอี้เทียนหยุน แล้วถามขึ้นว่า “น้องอี้ เจ้าเป็นคนทำเหรอ?”
“ท่านคิดว่าไงล่ะ?” อี้เทียนหยุนยักไหล่
“ไม่น่าเชื่อ ไม่น่าเชื่อจริงๆ….. เจ้าดูดกลืนเมฆดำเข้าไปตั้งมากขนาดนั้น แต่กลับไม่เป็นอะไรเลย การกระทำในครั้งนี้ของเจ้า ทำให้พวกเราผ่านที่นี่ได้อย่างง่ายดาย ดูเหมือนว่าจากนี้ไป ผู้ที่ต้องผ่านประตูโลกวิญญาณนี้ คงต้องขอบคุณเจ้าอย่างมาก” ลู่เฟิงยิ้ม คิดว่านี่ช่างไม่น่าเชื่ออย่างมาก
“อืม แต่ข้าไม่คิดว่าพวกเขาจะขอบคุณข้าหรอกนะ” อี้เทียนหยุนมีสีหน้าไม่แยแส และตอนนี้เอง ผู้ฝึกตนคนอื่นก็ปีนขึ้นมาถึง เมื่อไม่มีเมฆดำคอยขัดขวาง พวกเขาก็สามารถปีนขึ้นมาถึงที่นี่ได้อย่างง่ายดายไร้ปัญหา
พวกเขาบังเอิญขึ้นมาได้ยินคำพูดของอี้เทียนหยุนพอดี ดังนั้นจึงได้ทำสีหน้ากระอักกระอ่วน ก่อนหน้านี้พวกเขาต่างวางท่าหาเรื่อง ตอนนี้กลับเป็นฝ่ายได้ประโยชน์ จึงไม่รู้ว่าจะกล่าวยังไงดี
“ตะ ต้องขอบคุณสหายท่านนี้ที่ให้การช่วยเหลือ ก่อนหน้านี้เป็นพวกเราทำไม่ถูก ขอสหายได้โปรดอย่าใส่ใจเลย…..”
“ใช่ ใช่…. พวกเราคิดว่าเจ้ามั่นใจในตัวเองเกินไป พวกเราไม่เคยเห็นคนที่มั่นใจแบบนี้มาก่อน ดังนั้นจึงได้พูดจาบาดหูไปบ้าง…..”
“พวกเราขอขอบคุณเจ้า ไม่อย่างนั้นพวกเราคงไม่มีทางขึ้นมาถึงที่นี่…..”
ทั้งกระอักกระอ่วน แต่ก็มากไปด้วยความหวาดกลัวและความเลื่อมใส ดังนั้น พวกเขาจึงทำได้เพียงเผชิญหน้า พร้อมกับเอ่ยขอโทษอี้เทียนหยุนไม่หยุด หากว่าเขาคิดจะสังหาร ใครบ้างจะหยุดเขาได้? ก่อนหน้าก็มีผู้ต่อต้านถูกสังหารไป เมื่อคิดก็ให้รู้สึกหวาดกลัว นี่เป็นข้อพิสูจน์ว่า ใครที่หาเรื่องอี้เทียนหยุนต้องตาย
“ไม่ต้องขอบคุณข้า ข้าก็แค่ทำเรื่องของข้า หากว่าไม่มีอะไรแล้วก็ไปเถอะ ข้าไม่ใช่ปีศาจร้ายที่เสพติดการฆ่าฟันเสียหน่อย!” อี้เทียนหยุนคร้านที่จะสนใจคนพวกนี้ เปล่าประโยชน์ที่จะมาประจบเขา ดีแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ตบพวกเขาสักสองสามฉาด
“ขอบคุณ ขอบคุณท่านมาก ขอบคุณท่านมาก……”
คนแล้วคนเล่าต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกัน จากนั้นก็รีบต่อแถวกันเข้าไปยังค่ายกลเคลื่อนย้าย พร้อมกับส่งพลังวิญญาณเข้าไป ก่อนที่จะหายไปจากสายตาอี้เทียนหยุนอย่างรวดเร็ว พวกเขากลัวจริงๆ ว่าอี้เทียนหยุนจะอดใจไม่ไหวแล้วลงมือฆ่าพวกเขาในทันที หากเป็นอย่างนั้น คงไม่มีใครในพวกเขาที่รับมือกับเขาได้
เมื่อตอนนี้อี้เทียนหยุนปล่อยพวกเขาไป แน่นอนว่าพวกเขาต้องหมุนตัวจากไปอย่างไม่รีรอ