Crazy Leveling System - ตอนที่ 505: มอบตำแหน่งทูตศักดิ์สิทธิ์!
CLS ตอนที่ 505: มอบตำแหน่งทูตศักดิ์สิทธิ์!
ภายใต้การนำของไป๋สุ่ยหวง พวกเขาก็กลับขึ้นมาที่พื้น บนนี้มีเผ่าฟีนิกซ์หลายคนกำลังรออยู่ด้วยท่าทางกังวล เมื่อเห็นว่าพวกเขาขึ้นมา หินที่ถ่วงในใจก็เบาลงในที่สุด
“ท่านพ่อ!”
ในตอนนี้เอง เหยียนเอ๋อก็ได้วิ่งเข้ามา พร้อมกับกระโดดเข้าใส่อ้อมอกของอี้เทียนหยุน พร้อมกับพูดด้วยน้ำตานองหน้าว่า “ท่านพ่อ ท่านไปไหนมา ผู้อื่นคิดว่าท่านจะไม่ต้องการผู้อื่นแล้ว…..”
ผู้คุ้มกันที่อยู่ด้านข้างรีบเข้ามา พร้อมกับพูดด้วยใบหน้ารู้สึกผิดว่า “ผู้อาวุโสลั่ว เธอเอาแต่ร้องไห้อยู่ที่นั่น ข้าจึงทำได้เพียงพาเธอมา แต่ใครจะรู้…..”
ผู้คุ้มกันคนนี้ไม่รู้จักอี้เทียนหยุน ไม่อย่างนั้น เขาคงไม่พาเหยียนเอ๋อมาที่นี่
“นี่คือลูกของท่านน้าอย่างงั้นเหรอ…..” เมื่อไป๋สุ่ยหวงเห็นใบหน้าของเหยียนเอ๋อก็พลันอ้าปากค้าง เพราะเธอนั้นคล้ายกับลั่วหวงจริงๆ
“ใช่ เป็นลูกของหวงเอ๋อ….” ผู้อาวุโสลั่วถอนหายใจ
“ท่านน้ากับเจ้า….” ไป๋สุ่ยหวงมองมาที่อี้เทียนหยุนด้วยสายตาตกใจ
“เข้าใจผิด เข้าใจผิดแล้ว….. ข้าบังเอิญไปเจอเธอเข้า จากนั้นแม่ของเธอจึงได้ฝากข้าให้พาเธอมาส่งที่นี่” อี้เทียนหยุนรีบตอบ
“ข้าก็ว่าแล้ว เด็กไม่เห็นคล้ายกับเจ้าเลย จะเป็นลูกเจ้าไปได้ยังไงกัน” ไป๋สุ่ยหวงกรอกตาใส่เขา
“เจ้าพูดตั้งแต่เมื่อไหร่….” อี้เทียนหยุนก็กรอกตาใส่เธอเช่นกัน
“มา พี่สาวจะพาเจ้าไปเล่น” เมื่อไป๋สุ่ยหวงยื่นมือจะมาอุ้มเหยียนเอ๋อ เหยียนเอ๋อก็รีบเข้าไปหลบหลังอี้เทียนหยุน พร้อมกับโผล่หัวเล็กๆ ออกมามองเธอ
“ไม่เอา ข้าจะเล่นกับท่านพ่อ….” เหยียนเอ๋อไม่อยากจะเล่นกับเธอ
ไป๋สุ่ยหวงถลึงตาใส่อี้เทียนหยุนแล้วพูดว่า “เจ้าสอนอะไรเธอ ทำไมเธอถึงไม่อยากเล่นกับข้า!”
“ข้าจะไปสอนอะไรเธอได้?” อี้เทียนหยุนกรอกตาใส่เธอ แล้วพูดว่า “เป็นเพราะเธอไม่อยากเล่นกับเจ้า เจ้าก็อย่ามาโทษข้าสิ”
นัยน์ตาคู่งามของไป๋สุ่ยหวงตาเป็นประกาย จากนั้นก็หยิบเอาโอสถชั้น 4 ออกมา พร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เหยียนเอ๋อ ดูสิว่านี่อะไร?”
กลิ่นหอมๆ ของโอสถโชยมา ทำให้เหยียนเอ๋ออดไม่ได้ต้องโผล่หน้ามา พร้อมกับพูดด้วยสายตาเป็นประกายว่า “ข้าจะกินอันนี้!” พูดจบก็วิ่งออกมาย่างโอสถเม็ดนี้ทันที พร้อมกับยัดเข้าไปในปาก
ไป๋สุ่ยหวงฉวยโอกาสนี้จับเธอไว้ พร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ดูสิว่าคราวนี้เจ้าจะหนีข้าไปได้ยังไง!”
“ปล่อยข้านะ ปล่อยข้า…..” เหยียนเอ๋อดิ้นขณะที่ยายังอยู่ในปาก ไม่รู้เลยว่าตัวเองได้ตกลงสู่กับดักเรียบร้อยแล้ว
“หัวหน้าเผ่า….” ผู้อาวุโสลั่วกับพวกที่ดูอยู่ข้างๆ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี พวกเราต้องคุยธุระกันก่อนสิ แต่นี่เธอกลับเอาแต่เล่นกับเด็ก
“พอดีเห็นลูกของท่านน้า ก็เลยอดไม่ได้อยากจะกอดขึ้นมา….” ไป๋สุ่ยหวงลูบหัวน้อยๆ นั้น พร้อมกับถอนหายใจ “คิดว่าจะมีโอกาสได้เจอกันอีกครั้ง แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ากลับต้องแยกจากกันเหมือนหยินและหยาง…..”
ไป๋สุ่ยหวงสนิทกับลั่วหวงเมื่อยังเด็ก พวกเธอมักจะเล่นด้วยกันบ่อยๆ แต่ใครจะรู้…..
นัยน์ตาคู่งามของเธอเผยร่องรอยแห่งความเสียใจออกมา คิดว่าช่างกะทันหันจริงๆ จากนั้นก็มองมาที่พวกเขาพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเฉยชา “ตกลงแล้วเรื่องเป็นมายังไงกันแน่นั้น ข้าจะต้องหารายละเอียดให้ได้ในอนาคต!”
ในตาของเธอเต็มไปด้วยจิตสังหาร เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเธอเป็นผู้ฝึกตนธาตุไฟ แต่ตอนนี้เมื่อมองเข้าไปในตาของเธอ กลับเหมือนกับตกลงไปท่ามกลางพายุหิมะ
“รายละเอียดเรื่องนี้ต้องมีการขุดคุ้ยอย่างแน่นอน ตอนนี้เราต้องเปิดประชุมเหล่าผู้อาวุโสทุกคนของเผ่าฟีนิกซ์ เพื่อหารือกันเรื่องของแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิง” ผู้อาวุโสลั่วพูดอย่างจริงจัง “เพราะการตายของหวงเอ๋อ อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงก็เป็นได้!”
ในสายตาของเขาฉายประกายเย็นชาออกมา จากการคาดการณ์ เพราะความเป็นปฏิปักษ์ระหว่างพวกเขาและแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิง ทำให้ลั่วหวงมีโอกาสถูกโจมตีโดยพวกเขา จนต้องหนีไปยังโลกมนุษย์
“อืม เรียกประชุดผู้อาวุโสทุกคน เรื่องที่ข้าสืบหามาได้ในช่วงปีที่ออกไปข้างนอก จำต้องรายงานให้พวกท่านฟัง รวมถึงวิธีจัดการกับวิญญาณร้ายนี้ด้วย!” ไป๋สุ่ยหวงพูดอย่างจริงจัง
ผู้อาวุโสทั้งหลายตาเป็นประกาย สามารถหาวิธีจัดการกับวิญญาณร้ายนี้ได้ ถือว่าเป็นข่าวดีทีเดียว
“งั้นข้าขอพอเหยียนเอ๋อกลับก่อนแล้วกัน….” อี้เทียนหยุนคิดว่าตัวเองควรหลบออกมา แม้ว่าเขาจะเป็นคนช่วยผนึกวิญญาณร้าย แต่ก็ยังคงเป็นคนนอกอยู่ดี
“ไม่ เจ้าก็ต้องเตรียมตัวเข้าประชุมเช่นกัน ยิ่งกว่านั้น ตอนนี้เจ้ายังเป็นผู้กล้าของพวกเรา การประชุมนี้จะขาดเจ้าไปได้ยังไง” ไป๋สุ่ยหวงมองมาที่อี้เทียนหยุน พร้อมกับสีหน้าที่เปลี่ยนไปโดยสมบูรณ์ ไม่เหมือนกับก่อนหน้าที่ยังคงท่วงท่าของหัวหน้าเผ่าอยู่
“ตกลง แล้วเหยียนเอ๋อล่ะ…..” อี้เทียนหยุนมองเหยียนเอ๋อที่อยู่ในอ้อมแขนของเธอ จะพาเธอเข้าประชุมด้วยอย่างงั้นเหรอ?
“ก็ต้องไปด้วยกันแน่นอนอยู่แล้ว” ไป๋สุ่ยหวงเผยรอยยิ้มออกมา พร้อมกับมอบโอสถทั้งหลายให้กับเหยียนเอ๋อ แล้วพูดขึ้นว่า “มา กินอีก พี่สาวมีโอสถอยู่มากมาย ตราบเท่าที่เจ้ามาเล่นกับพี่สาว พี่สาวก็จะให้โอสถพวกนี้กับเจ้า”
“ข้าจะกิน ข้าจะกิน…..”
มีนมถึงจะเรียกว่าแม่ แต่ตอนนี้มีโอสถก็เป็นแม่ได้เช่นกัน ทั้งยังมีกลิ่นอายที่คุ้นเคยอีก แม้ว่าจะแปลกไปบ้าง แต่ก็เป็นกลิ่นอายจากเผ่าเดียวกัน ไม่อย่างนั้น เหยียนเอ๋อคงไม่มีทางรับโอสถของไป๋สุ่ยหวงอย่างแน่นอน
ตัวอย่างเช่น เธอมักจะออกมาจากช่องเก็บสัตว์เลี้ยงบ่อยๆ แต่ต่อหน้าเผ่ามนุษย์เธอกลับไม่ทำ เพราะกลิ่นอายแตกต่างเกินไป ทั้งยังไม่ใช่เผ่าเดียวกันอีก ดังนั้นจึงไม่ยอมออกมา
อี้เทียนหยุนกรอกตา คิดว่าไป๋สุ่ยหวงผู้นี้ช่างรู้วิธีหลอกเด็กจริงๆ
จากนั้น ผู้อาวุโสลั่วกับพวกก็เรียกรวมตัวผู้อาวุโสทุกคนในทันที พร้อมกับไปยังตำหนักของผู้อาวุโสใหญ่ด้วยกัน
อี้เทียนหยุนก็ไปยังตำหนักของผู้อาวุโสใหญ่พร้อมกันกับพวกเขา โดยไม่ต้องรอนาน ผู้อาวุโสจำนวนมากก็ค่อยๆ ทยอยกันมาทีละคน กระทั่งผู้จัดการหลายคนที่รีบมาจากด้านนอก แต่ละคนต่างก็มีพลังสูงถึงระดับวิญญาณเที่ยงแท้
ที่ตำหนักผู้อาวุโสใหญ่ยืนเต็มไปด้วยผู้คน อี้เทียนหยุนกวาดตามองรอบๆ ก็พบว่ามีผู้เชี่ยวชาญระดับราชาวิญญาณมากมายจริงๆ รวมถึงผู้มีตำแหน่งต่างๆ อย่างน้อย 20-30 คน ที่มีระดับวิญญาณเที่ยงแท้ขึ้นไป
นี่คือขุมอำนาจระดับแดนศักดิ์สิทธิ์! ผู้เชี่ยวชาญมีอยู่มากมายจริงๆ ไม่รู้ว่ามีระดับสุดยอดอย่างระดับราชาเซียนอยู่หรือเปล่า?
“หัวหน้าเผ่าจะให้เรียกเหล่าผู้อาวุโสไท่ซ่างมาด้วยหรือเปล่า?” ผู้อาวุโสลั่วกระซิบถามเสียงเบา
“ไม่ต้องหรอก พวกท่านอยู่ระหว่างเก็บตัว ไม่จำเป็นต้องไปรบกวน ไว้พวกเราตกลงกันแล้วเสร็จ ค่อยไปบอกสถานการณ์กับพวกท่านอีกทีก็ได้” ไป๋สุ่ยหวงพูด
ผู้อาวุโสลั่วพยักหน้า พร้อมกับเริ่มจัดการอย่างรวดเร็ว จากนั้นไม่นาน เมื่อคนมาถึงกันเกือบหมด ไป๋สุ่ยหวงก็ได้ยืนขึ้น พร้อมกับมองที่ผู้คนแล้วพูดขึ้นว่า “ผู้อาวุโสทั้งหลาย ปีนี้ที่ข้าออกไปสืบข่าวข้างนอก ก็ได้มีหลายเรื่องที่อยากจะแจ้งให้ทุกคนทราบโดยทั่วกัน”
“เรื่องแรก เผ่าวิญญาณร้ายมีส่วนเกี่ยวข้องกับแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิง เรื่องนี้ได้รับการยืนยันแน่นอนแล้ว สามารถตัดสินได้ว่า แดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงคือผู้สืบเชื้อสายของเผ่าวิญญาณร้ายจริงๆ!”
“เรื่องที่สอง คือเรื่องกำจัดวิญญาณร้ายให้สิ้นซาก วิญญาณร้ายเป็นปัญหาที่อยู่ในใจพวกเรามาช้านาน กระทั่งเหล่าผู้อาวุโสไท่ซ่างก็ไม่สามารถกำจัดมันได้ ตอนนี้ข้ามีวิธีที่จะกำจัดพวกมัน นั่นก็คือเปลวเพลิงนิรันดร์! แต่ว่าเปลวเพลิงนิรันดร์ของข้ามีระดับต่ำเกินไป ดังนั้นจึงต้องรอให้ข้าแข็งแกร่งขึ้น เมื่อถึงตอนนั้น การจะกำจัดวิญญาณร้ายจึงไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป จึงขอให้ทุกคนโปรดวางใจ”
“เรื่องที่สาม นี่ก็คือเผ่ามนุษย์ที่ช่วยพวกเราผนึกวิญญาณร้ายลงอีกครั้ง จนเกือบจะปล่อยให้แดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงเข้ามา! ดังนั้น ข้าคิดว่าเขาเหมาะที่จะเป็นตัวแทนของพวกเราในฐานะทูตศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าฟีนิกซ์ ข้าจึงอยากจะแต่งตั้งให้เขาเป็นทูตศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าฟีนิกซ์!”
ทั้งสามเรื่องที่แจ้งออกมานี้ล้วนแต่น่าตกใจด้วยกันทั้งนั้น โดยเฉพาะเรื่องสุดท้ายที่จะให้อี้เทียนหยุนเป็นทูตศักดิ์สิทธิ์
เผ่าฟีนิกซ์ไม่เคยให้เผ่ามนุษย์เป็นทูตศักดิ์สิทธิ์มาก่อน เพราะสถานะของทูตศักดิ์สิทธิ์เทียบได้กับตำแหน่งผู้อาวุโส ซึ่งมีตำแหน่งสูงมาก อี้เทียนหยุนช่วยพวกเขานั้นก็ใช่ แต่จะให้เป็นทูตศักดิ์สิทธิ์เลยก็ยังไงอยู่ เรื่องนี้จึงสร้างความตกใจอย่างใหญ่หลวงให้กับทุกคน
อี้เทียนหยุนเองก็ตกใจเช่นกัน อี้เทียนหยุนยังไม่ทันได้คุยอะไรกับไป๋สุ่ยหวงเท่าไหร่ พูดตรงๆ เลยก็เพิ่งจะเจอหน้ากันเมื่อกี้เอง อยู่ๆ ก็มอบตำแหน่งทูตศักดิ์สิทธิ์ให้ นี่มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ?