Crazy Leveling System - ตอนที่ 508: เงื่อนไขในการเป็นทูตศักดิ์สิทธิ์
CLS ตอนที่ 508: เงื่อนไขในการเป็นทูตศักดิ์สิทธิ์
สีหน้าปู๋เยี่ยนมั่นใจอย่างมาก คิดว่าอี้เทียนหยุนจะต้องผ่านการทดสอบอย่างแน่นอน ขนาดสะกดวิญญาณร้ายยังผ่านมาได้ นับประสาอะไรกับการทดสอบแค่นี้
“งั้นข้าคงต้องยืมคำอวยพรนี้เพื่อผ่านการทดสอบแล้วล่ะ” อี้เทียนหยุนยิ้ม และไม่พูดอะไรอีก
“ต่อให้ไม่ต้องยืมคำอวยพรของข้า ด้วยความแข็งแกร่งของท่านก็สามารถผ่านบททดสอบไปได้อย่างแน่นอน ทั้งถือครองเปลวเพลิงนิรันดร์ แล้วยังจะเป็นปรมาจารย์สลักอาคมอีก…..” ปู๋เยี่ยนพูดอย่างอิจฉา “ไม่รู้ว่าข้าจะสามารถครอบครองเปลวเพลิงนิรันดร์ได้หรือเปล่า หากว่าท่านเป็นคนของเผ่าฟีนิกซ์นะ หัวหน้าเผ่าคนต่อไปจะต้องเป็นท่านอย่างแน่นอน!”
“จริงสิ?” อี้เทียนหยุนถามอย่างสงสัย
“ใช่แล้ว เปลวเพลิงนิรันดร์สำหรับเผ่าฟีนิกซ์เรานั้น ถือว่าเป็นเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ ตราบเท่าที่คนในเผ่าถือครองเปลวเพลิงนิรันดร์ คนผู้นั้นก็จะมีสิทธิ์เป็นผู้ถูกเลือกเป็นหัวหน้าเผ่าอย่างแน่นอน! ขอแค่ไม่ทำความผิด ก็จะมีต้องกลายเป็นผู้รับตำแหน่งหัวหน้าเผ่าคนต่อไปอย่างแน่นอน” ปู๋เยี่ยนพูดด้วยรอยยิ้ม “ที่พี่สาวไป๋ปกครองเผ่าด้วยความราบรื่นขนาดนี้ แน่นอนว่าเพราะพรสวรรค์ที่น่าแตกตื่นของเธอ ทั้งยังเข้าใจวิธีจัดการเผ่า
ด้วยการนำของเธอ เธอจะต้องพาเผ่าฟีนิกซ์มุ่งสู่ความรุ่งโรจน์ได้อย่างแน่นอน!”
ในสายตาของเขาเต็มไปด้วยประกายแห่งความชื่นชม เคารพนับถือต่อไป๋สุ่ยหวง
อี้เทียนหยุนพยักหน้า ดูเหมือนว่าชื่อเสียงของไป๋สุ่ยหวงจะไม่ใช่น้อยๆ เลย พูดได้ว่ามีชื่อเสียงตั้งแต่เด็กๆ
“หะ หัวหน้าเผ่า!” ปู๋เยี่ยนพลันลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับมองไปยังด้านหน้าด้วยความเคารพ
อี้เทียนหยุนหันไปมอง แล้วก็เห็นว่าไป๋สุ่ยหวงกำลังเดินมาจากที่ไกลๆ พร้อมกับพวกเถ้าแก่เย่ ทั้งยังดูเหมือนกำลังคุยเรื่องดีๆ กันด้วย
ปู๋เยี่ยนยืนตรงอย่างประหม่า ทำให้เขายิ้มออกมา นี่มันออกจะกังวลเกินไป เทียบกับเถ้าแก่เย่แล้ว ปู๋เยี่ยนดูท่าจะให้ความเคารพไป๋สุ่ยหวงมากกว่า
“เสี่ยวเยี่ยน เป็นเพราะถูกบังคับให้ออกไปด้านนอกหรือเปล่า ก่อนหน้านี้เจ้ามักจะตามติดหลังข้าเป็นประจำ แค่ไม่เจอกันปีกว่า ตอนนี้กลายเป็นประหม่าแล้ว” ไป๋สุ่ยหวงยื่นมือออกมาตบบ่าเขา บอกเขาว่าอย่าวิตกเกินไป
ปู๋เยี่ยนเอามือถูจมูกด้วยท่าทางอายๆ แล้วพูดขึ้นว่า “มะ ไม่ใช่….”
พูดติดอ่างอย่างนี้ แล้วยังมีหน้ามาบอกว่าไม่ใช่อีก?
“ก็บอกว่าอย่าประหม่าไง ได้ยินไหม?” ไป๋สุ่ยหวงถลึงตาใส่เขา
“ครับ หัวหน้าเผ่า!” ปู๋เยี่ยนพลันพูดโพล่งออกไปโดยไม่ติดอ่าง แต่ก็คงยังไม่ได้สติชั่วคราว
ไป๋สุ่ยหวงยิ้ม แต่ก็ไม่พูดอะไร จากนั้นก็หันมาพูดกับอี้เทียนหยุนว่า “อย่างแรกคงต้องให้เจ้าพักก่อน พักผ่อนสัก 2-3 วัน ไว้พลังกลับมาแล้ว ค่อยเริ่มการทดสอบ การทดสอบนี้ไม่ใช่ง่ายๆ ต่อให้มีเปลวเพลิงนิรันดร์ ความยากก็ไม่ได้ลดน้อยลงแต่อย่างใด”
อี้เทียนหยุนพยักหน้า ในเมื่อตำแหน่งทูตศักดิ์สิทธิ์เทียบได้กับระดับผู้อาวุโส อย่างงั้นการทดสอบย่อมไม่ง่ายอย่างแน่นอน
ที่เหลือก็แค่ต้องพักผ่อนให้ดีในช่วง 2-3 วันนี้ ถึงยังไงหลังจากจัดการวิญญาณร้าย ก็จำเป็นต้องพักผ่อนสัก 2-3 วันอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นคงยากที่ฟื้นตัวเต็มที่
และเวลา 2-3 วันก็ได้ผ่านไปในพริบตา อี้เทียนหยุนก็ได้ฟื้นคืนสู่สภาพสมบูรณ์ที่สุด และก็พบว่าไป๋สุ่ยหวงนั้น กำลังเล่นอยู่กับเหยียนเอ๋อ ดูแล้วท่าทางมีความสุขมาก
นัยน์ตาคู่งามของไป๋สุ่ยหวงหยีจนเป็นรูปจันทร์เสี้ยว จะไปเหมือนหัวหน้าเผ่าที่เคร่งเครียดได้ยังไง กลับเหมือนพี่สาวคนงามมากกว่า
ซึ่งนี่ก็ทำให้เขานึกถึงชิเสวี่ยอวิ๋นในทันใด ยามจริงจังทำให้เธอดูเหมือนเจ้าตำหนัก และเมื่อผ่อนคลาย เธอกลับคล้ายพี่สาวของตน
“ท่านน้า….” ในใจอี้เทียนหยุนรู้สึกอบอุ่น ไว้เรื่องราวจบลง เขาจะต้องแต่งงานกับชิเสวี่ยอวิ๋นอย่างแน่นอน
หลายปีที่ผ่านมาเธอดูแลเขาเป็นอย่างดี และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาก็จะไม่มีทางปล่อยชิเสวี่ยอวิ๋นให้กับใครหน้าไหนเด็ดขาด!
“เจ้าฟื้นตัวดีแล้ว?” ไป๋สุ่ยหวงลุกขึ้น
“อืม พร้อมที่จะเข้ารับการทดสอบได้ทุกเมื่อ” อี้เทียนหยุนพยักหน้าแล้วตอบกลับ
“ดี เจ้าตามข้ามา” ไป๋สุ่ยหวงไม่ลืมพาเหยียนเอ๋อไปด้วย พร้อมกับบินไปยังเขาฟีนิกซ์ด้วยกัน โดยที่มีอี้เทียนหยุนบินตามไปติดๆ
“หัวหน้าเผ่าไป๋ ไม่ทราบว่าอะไรทำให้ท่านเชื่อใจข้า จนสนับสนุนให้ข้าเป็นทูตศักดิ์สิทธิ์ ทั้งที่เป็นการพบกันครั้งแรก?”
ก่อนหน้านี้เขาอยากจะถามเรื่องนี้ เพียงแต่ว่าไม่มีเวลาได้ถาม
“ง่ายมาก เพราะว่าเจ้าช่วยเผ่าฟีนิกซ์ เป็นผู้ครอบครองเปลวเพลิงนิรันดร์และยังเป็นคนพาเหยียนเอ๋อกลับมา เรื่องก็ง่ายๆ แค่นี้” ไป๋สุ่ยหวงตอบกลับมาตรงๆ
“ถึงยังไงการให้ข้าเป็นทูตศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าฟีนิกซ์เลยก็ ไม่ใช่ว่าประมาทเกินไปหรอกเหรอ?” อี้เทียนหยุนเห็นว่าการตัดสินใจของเธอนั้นเร็วเกินไป เพิ่งจะเคยพบกันครั้งแรก แต่ก็ด่วนตัดสินใจเรื่องสำคัญไปซะแล้ว
“ไม่ประมาทเกินไปหรอก การปล่อยเจ้าไปต่างหาก ถึงจะเป็นการสูญเสียของเผ่าฟีนิกซ์เรา” ไป๋สุ่ยหวงพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ “เผ่าฟีนิกซ์เรานั้นเชื่อในเปลวเพลิงนิรันดร์ ใครก็ตามที่มีเปลวเพลิงนิรันดร์ ก็เท่ากับเป็นอนาคตของเผ่าฟีนิกซ์ เป็นตัวแทนของความถูกต้อง แม้ว่านี่อาจจะเหมือนเป็นคำพูดที่ไม่น่าเชื่อถือ แต่ว่าข้าก็เชื่ออย่างนั้น”
“แต่สุดท้ายแล้ว เพราะข้าถูกใจเจ้า แค่นี้ก็พอ ส่วนจะผิดหรือถูกนั้น ถือเป็นความรับผิดชอบของข้า มันก็แค่นั้นเอง” ไป๋สุ่ยหวงเผยรอยยิ้มออกมา พร้อมกับบีบแก้มเล็กๆ ของเหยียนเอ๋อแล้วพูดว่า “เจ้าคิดว่าพ่อของเจ้าเป็นคนแบบไหน?”
“ท่านพ่อเป็นคนดีมาก ให้เปลวเพลิงและโอสถข้ากินมากมาย ดีมาก…..” เหยียนเอ๋อยิ้มให้กับเธอ จากนั้นก็หันมายิ้มให้กับอี้เทียนหยุน
“น่าสนใจ ช่างเป็นหัวหน้าเผ่าที่น่าสนใจมาก…..” อี้เทียนหยุนส่ายหัวด้วยความจนด้วยเกล้า จะยังไงก็ดี เพราะเขาก็ไม่ได้มีความคิดไม่ดีอะไรอยู่แล้ว
อย่างรวดเร็ว พวกเขาก็ได้มาถึงภูเขา เขาฟีนิกซ์ลูกนี้เหมือนเป็นที่พักของเผ่าฟีนิกซ์ เพราะว่าเขาลูกนี้เป็นภูเขาไฟ ซึ่งพ่นไอร้อนออกมาจากข้างในไม่หยุด
พวกเขาพากันร่อนลงตรงปากปล่อง อี้เทียนหยุนเพิ่งจะลงไป ก็สัมผัสได้ถึงความร้อนลวกที่ส่งมาจากด้านล่าง แต่ผลลัพธ์ของมันมีอยู่เพียงเล็กน้อย ไม่ได้ร้อนจนเกินไป
เขาที่ครอบครองเปลวเพลิงนิรันดร์อันร้ายกาจ กับอุณหภูมิแค่นี้ ไม่ได้มีผลอะไรต่อเขาแม้แต่น้อย ยิ่งกว่านั้น ระดับของเขาก็ใช่ว่าจะต่ำ แล้วอย่างนี้จะให้ได้รับอันตรายจากมันได้ยังไง
เมื่อเขามองลงไปก็พบว่าที่นี่เป็นสถานที่ที่น่าตกใจเป็นอย่างมาก เพราะที่อยู่ด้านล่างไม่ใช่ลาวา ไม่ลาวาที่มีอุณหภูมิสูง แต่เป็นต้นอู่ถงเพลิงที่เติบโตอยู่เต็มปล่องภูเขาไฟแห่งนี้
และบนต้นอู่ถงเพลิงพวกนี้ ก็ได้มีนกฟีนิกซ์มากมายเกาะอยู่ ทำรังอยู่ด้านบน
“ฟีนิกซ์พวกนี้ พวกเขาไม่เปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์เหรอ?” อี้เทียนหยุนถามอย่างสงสัย
“ใช่แล้ว พวกเขาเป็นฟีนิกซ์ยุคแรกเริ่ม ที่ไม่ได้วิวัฒนาการ ทั้งยังมีแก่นโลหิตของฟีนิกซ์ที่บริสุทธิ์ที่สุด การทดสอบของเจ้าก็ง่ายมาก นั่นก็คือการทำให้ฟีนิกซ์เหล่านี้ยอมรับเจ้า หากว่าฟีนิกซ์เหล่านี้ยอมรับเจ้า เจ้าก็จะกลายเป็นทูตศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรา” ไป๋สุ่ยหวงพูดด้วยรอยยิ้ม “พร้อมกันนั้นเจ้าก็ต้องอดทนต่อการโจมตีจากเปลวเพลิงของฟีนิกซ์ในเขาลูกนี้ เพราะงั้นก็ระวังตัวด้วยล่ะ”
“แค่นี้ก็สามารถเป็นทูตศักดิ์สิทธิ์ได้แล้วเหรอ?” อี้เทียนหยุนตกใจ เขาคิดว่าจะต้องผ่านด่านอะไรต่างๆ มากมาย หรือไม่ก็ต้องจัดการกับเหล่าผู้อาวุโสที่รุมเข้ามา แต่ใครจะคิดว่าจะเป็นการทำให้สัตว์เทวะเหล่านี้ยอมรับในตัวเขา!
ถ้าอย่างนั้น ไม่เพียงแต่เขาจะได้เป็นทูตศักดิ์สิทธิ์ แต่ยังจะได้สัตว์เลี้ยงจำนวนมากด้วยหรือไง?