Crazy Leveling System - ตอนที่ 557: หายนะมาเยือน
ตอนที่ 557: หายนะมาเยือน
“หลีกไปซะ!”
ไข่มุกสมบัติเทียนเหลยในมือเทียนหยุนเกือบที่จะเต็มความจุแล้ว ดังนั้น เมื่อสายฟ้า เส้นเขื่องเตรียมจะฟาดลงมา เขาก็ได้ทําการโยนไข่มุกสมบัติเทียนเหลยออกไปปะทะในทันที จนก่อให้เกิดเสียงดังสนั่น
“เปรี้ยง!”
เมื่อทั้งสองเข้าปะทะกัน สายฟ้าที่ตกลงมาก็ได้ถูกดูดกลืนเข้าไปในพริบตา ส่วนสายฟ้าที่เหลือก็หายไปในกลุ่มเมฆดํารอบๆ สลายไปไม่เหลือแม้เงา โดยที่ไม่ส่งผลใดใด
สายฟ้าที่ผ่าลงมานี้ไม่มีจํากัด หากจํากัด ระดับราชาวิญญาณคงเข้ามาเองแล้ว ไม่ถูกตรึงไว้ข้างล่างนั้นหรอก ยังไงก็ตาม แม้ว่าสายฟ้ารอบๆ จะมีมากมายขนาดไหน ก็ไม่สามารถทําอะไรเขาได้แม้แต่น้อย
และตอนนี้ ใกล้ๆ นั้นก็ได้มีผู้ฝึกตนอยู่นิดหน่อย ที่กําลังต้านทานสายฟ้าที่ฟาดลงมาไม่หยุดเมื่อเห็นพวกเขาพากันผ่านอย่างสบายในขณะที่นั่งอยู่บนหลังฟีนิกซ์ ก็ให้รู้สึกอิจฉาอย่างมาก
สายฟ้าที่ผ่าลงมานี้ไม่ได้เพิ่มขึ้นตามความเร็ว เพราะยิ่งเร็วเท่าไหร่ สายฟ้าที่จะพบก็จะลดลง เท่านั้นหากว่าเร็วมากพอ ก็จะสามารถออกไปจากที่นี่ได้ง่ายกว่า ไม่ต้องทนรับสายฟ้าที่ผ่าลงมาอย่างต่อเนื่อง
ความเร็วจากการขี่ฟินิกซ์บินไปนั้นเร็วกว่ามากมายนัก พริบตาก็บินไปได้ไกล โดยที่ไม่ต้องใช้เวลานานหากเป็นอย่างนี้ต่อไป ก็จะสามารถผ่านทางนี้ไปได้อย่างง่ายดาย
“เตรียมตัวไว้ พวกเราจะผ่านกันแล้ว!”
อี้เทียนหยุนเงยหน้ามองไปข้างหน้า ยิ่งบินไปข้างหน้าไกลเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งมองเห็นลําแสงสายหนึ่งชัดขึ้นเท่านั้น คิดว่าเมื่อเข้าไปในลําแสงนี้ ก็จะสามารถไปถึงโลกมนุษย์ได้อย่างง่ายดาย
กระบวนการผ่านไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด อย่างน้อยก็สําหรับพวกเขา นอกจากจะเพราะมีไข่มุกสมบัติเทียนเหลยอยู่แล้ว ยังเป็นเพราะระดับของพวกเขาไม่สูงมากด้วย เมื่อรวมกับความเร็วของฟีนิกซ์ ทําให้สายฟ้าที่ตกลงมาเป็นระยะไม่ได้อันตรายอย่างที่คิด สามารถผ่านมันไปได้อย่างง่ายดาย
อึดใจต่อมา พวกเขาก็หายเข้าไปในลําแสงนี้ พร้อมกับผ่านม่านน้ําตกเข้าไป แต่ตัวพวกเขาก็ไม่ได้เปียกแม้แต่น้อย พริบตา ก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า!
และในตอนนี้เอง ที่ปรากฏต่อสายตาของพวกเขาก็คือปาที่กว้างใหญ่ คราวนี้พวกเขาไม่ได้ถูกส่งตัวแยกกันไป แต่ยังคงนั่งอยู่บนฟีนิกซ์น้ําแข็ง สภาพแวดล้อมรอบๆ ก็ไม่มีอะไรผิดแปลก พื้นที่ด้านล่างก็เหมือนกับเป็นพื้นที่เปิดโล่ง ไม่เห็นร่องรอยของค่ายกลเคลื่อนย้ายแม้แต่น้อย
หากสามารถกลับจากที่นี่ได้ แน่นอนว่าจะต้องมีค่ายกลเคลื่อนย้ายตั้งอยู่ ยังไงก็ตาม ที่นี่กลับไม่มีค่ายกลเคลื่อนย้าย ดังนั้น หากคิดจะกลับไป ก็จําเป็นต้องผ่านทางผ่านใต้พิภพเสียก่อน
หากเทียบกันแล้ว ทางผ่านใต้พิภพนั้นง่ายกว่ามาก หากว่าระดับมากพอ ก็จะสามารถผ่านไปได้อย่างง่ายดาย โดยที่ไร้ซึ่งแรงกดดัน เพราะต่อให้จะแข็งแกร่งแค่ไหน สภาพแวดล้อมก็จะไม่มีทางเปลี่ยน
“พวกเรากลับมาแล้ว…” เริ่นเหลียงเฉินสูดหายใจเข้าเต็มปอด แล้วก็พบว่าที่นี่ไม่มีอะไรต่างพลังวิญญาณยังคงน้อยอยู่มาก หากเมื่อเทียบกับโลกวิญญาณ
แม้ว่าจะแย่เล็กน้อย แต่สําหรับพวกเขาแล้วก็ถือว่าคุ้นเคย ที่สําคัญคือด้วยระดับของพวกเขาสามารถหยั่งเท้าอยู่ที่นี่ได้อย่างมั่นคง โดยที่ไม่ต้องกังวลเลยว่าจะมีศัตรูหน้าไหนมาหาเรื่อง
ผู้เชี่ยวชาญระดับวิญญาณเที่ยงแท้ที่นี่มีอยู่น้อยมาก ดังนั้นจึงไม่จําเป็นต้องกังวลเลยว่าจะเป็นอันตราย
“อืม พวกเรากลับมาแล้ว” จากนั้น อี้เทียนหยุนก็ควบคุมฟีนิกซ์น้ําแข็งบินไปยังวังเทียนหยุนของตนอย่างรวดเร็ว
ทวีปเทียนหยุน หรือชื่อเดิมคือทวีปใต้พิภพ ตอนนี้ได้เริ่มทําการก่อสร้างเมืองหลวงและเมืองใต้ปกครองอื่นๆ แล้ว ส่วนกองทัพกบฏ หรือ พวกกลุ่มโจร ต่างก็พากันถูกกําจัดจนหมด
พวกเขาต้องการให้ทั้งทวีปกลายเป็นที่ปลอดภัย ไม่ต้องการให้มีการขัดแย้งเกิดขึ้น ต้องการสร้างความสมานฉันท์ให้กับทวีปเทียนหยุน พวกเขาอยากจะทําสิ่งนี้ให้เสร็จ ก่อนที่อี้เทียนหยุนจะกลับมา
ดังนั้น จึงทําให้อี้เทียนหยุนได้รับค่าประสบการณ์จํานวนมาก จากการที่ที่นี่ได้ทําการกําจัดกลุ่มอิทธิพลต่างๆ ไปมากมาย พวกเขาคิดว่าอี้เทียนหยุนจะไม่รู้เรื่องนี้ แต่ว่าเขากลับรู้เป็นอย่างดี
วันนี้ เมืองหลวงยังคงอยู่ในการก่อสร้าง โดยที่มีเผ่าภูตเป็นคนลงมือด้วยตัวเอง พวกเขาต้องการให้เมืองหลวงเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุด ต่อให้เป็นระดับราชาวิญญาณมาก็ต้องถูกฆ่า พวกเขาอยากจะสร้างเมืองที่สามารถทนต่อการโจมตีระดับนี้ นี่คือสิ่งที่พวกเขาต้องการ
“ท่านบรรพชนยังไม่พักอีกเหรอ?” คนของเผ่าภูตมองดูบรรพชนเผ่าภูตทําการวาดอาคมด้วยความเป็นห่วง
บรรพชนเผ่าภูตกําลังวาดอาคมอยู่บนกําแพงเมือง กําลังสร้างค่ายกลอยู่ ทําการเสริมกําลังอย่างบ้าคลั่ง หากเทียบกับคุกใต้พิภพแล้ว ความแข็งแกร่งถือว่ามากกว่ากันหลายเท่า ทุ่มพลังทุกอย่างเพื่อสร้างมันขึ้นมา
“มีอะไรต้องพักกัน ข้ายังไหวอยู่” บรรพชนเผ่าภูตพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ “อย่าคิดว่าข้าแก่แล้วจะไม่ไหวสิ ข้ายังอดทนได้มากกว่าคนหนุ่มอย่างพวกเจ้าอีก!”
เผ่าภูตพากันมองเขาอย่างช่วยไม่ได้ ในเมื่อบรรพชนเผ่าภูตไม่ยอมฟัง ก็คงได้แต่ปล่อยเขาไป
ยังไงก็ตาม เผ่าภูตคนอื่นก็ยังคงวาดอาคมไม่หยุดเช่นกัน พวกเขาพากันลงมือวาดอาคมด้วยตัวเอง กระทั่งเชิงเสวียนก็ไม่เว้น ตราบเท่าที่เป็นนักสลักอาคมที่ไม่ต่ํากว่าขั้นที่ 5 ต่างก็พากันลงมือสร้างค่ายกลที่นี่ และไม่ใช่แต่เพียงกําแพงเมืองเท่านั้น กระทั่งบนพื้น ยังมีค่ายกลขนาดใหญ่ถูกสร้างขึ้น
เพราะอี้เทียนหยุนทิ้งทรัพยากรจํานวนมากไว้ให้พวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถใช้พวกมันได้ตามต้องการ
ขณะที่พวกเขาคิดว่ากําลังทํางานไปได้อย่างราบรื่นอยู่นั้น อยู่ๆ ก็มีเสียงร้องเตือนดังขึ้นทั่วทั้งเมืองหลวงต่างก็มีเสียงแจ้งเตือน กระทั่งอยู่ห่างหลายก็ยังได้ยินเสียงแจ้งเตือนนี้
ผู้คนพากันแหงนหน้าขึ้นไปดู บรรพชนเผ่าภูตก็บินขึ้นไป บินไปตรงกําแพงเมือง เชิงเสวียนกับพวกก็พากันหยุดมือเช่นกัน พร้อมกับพากันไปที่กําแพงเมืองอย่างรวดเร็ว อยากจะไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทําไมถึงได้มีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้น
แม้จะไม่กล้าบอกว่าพวกเขาเป็นขุมอํานาจที่แข็งแกร่งที่สุด แต่อย่างน้อยก็มีอาณาจักรนับไม่ถ้วนที่ไม่กล้าลงมือกับพวกเขาตามใจ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะเป็นขุมอํานาจที่ไม่อ่อนแอเท่านั้นแต่พวกเขายังเป็นพันธมิตรกับอาณาจักรเทียนหลงอีกด้วย ดังนั้น ทวีปเทียนหยุนแห่งนี้จึงมีความปลอดภัยมากที่สุด ไม่มีใครกล้าลงมือกับพวกเขาอย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้อยู่ๆ ก็มีคนบุกเข้ามา ดังนั้นพวกเขาจึงพากันไปดู ว่าเป็นใครหน้าไหนที่บุกเข้ามาอย่าไม่กลัวตายกัน!
“เรือเหาะ”
และเมื่อบรรพชนเผ่าภูตมาถึง ที่ปรากฏต่อสายตาของเขาก็คือเรือเหาะขนาดใหญ่อย่างไม่น่าเชื่อที่กําลังบินมาทางนี้อย่างรวดเร็ว บนนั้นมีผู้เชี่ยวชาญอยู่มากมาย แต่ละคนต่างก็ส่งกลิ่นอายที่ น่ากลัวออกมา โดยเฉพาะผู้เชี่ยวชาญที่ยืนอยู่ด้านหน้า พลังที่เปล่งออกมาของเขาทําให้บรรพชน เผ่าภูตถึงกับตัวสั้น
แล้วยังจะเรือเหาะที่ดูแพงนี่อีก ระดับของมันเป็นถึงระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นต่ํา! เรือเหาะระ ดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นต่ําเป็นสิ่งที่ขุมอํานาจระดับอาณาจักรส่วนมากไม่สามารถมีได้
หากให้เทียบเป็นราคาแล้วล่ะก็ เรือเหาะลํานี้ อย่างน้อยก็มีราคาเทียบได้กับอุปกรณ์ระดับศัก ดิ์สิทธิ์ขั้นกลางไม่ใช่ระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นต่ํา
“ไม่ทราบว่าสหายที่มาเป็นใคร ได้โปรดหยุดไว้!” บรรพชนเผ่าภูตตะโกนออกไปด้วยเสียงดังฟังชัดบอกให้พวกเขาหยุด
อยู่ๆ ก็มีเรือเหาะเข้ามา ทั้งบนนั้นยังมากไปด้วยผู้เชี่ยวชาญ เป็นใครก็ไม่ยอมให้พวกเขาเข้ามาเป็นธรรมดา
“ฮ่าๆๆ อย่าพูดมาก พวกเจ้าจงยอมจํานนซะดีๆ ไม่อย่างนั้น ตาย!” ชายวัยกลางคนที่เหมือนเป็นหัวหน้าพูดอย่างดูถูก ไม่เพียงไม่หยุดเท่านั้น แต่ยังบินตรงเข้ามาต่อ “เมืองหลวงของพวกเจ้าดีมากจากนี้ไป มันจะเป็นเมืองหลวงของแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงเรา เป็นที่ตั้งต้นสําหรับการยึดครองโลกมนุษย์!”
คําพูดเพิ่งจะจบ เขาก็ปลดปล่อยพลังระดับราชาวิญญาณออกมาทันที ทําให้แรงกดดันมหาศาลตกลงมาจากฟ้า ผู้ฝึกตนจํานวนมากที่มีระดับต่ํา ต่างก็ถูกทําให้คุกเข่าลงกับพื้นไม่สามารถขยับได้
กระทั่งผู้ฝึกตนระดับผันแปรวิญญาณยังอดไม่ได้ต้องขาสั้น ไม่สามารถต้านทานได้!