Crazy Leveling System - ตอนที่ 561: ชิเสวี่ยอวิ๋นจากไป
ตอนที่ 561: ชิเสวี่ยอวิ๋นจากไป
“นะ นี่ข้ายังไม่ตาย?”
บรรพชนเผ่าภูตตกใจ เขาจําได้ว่าก่อนหน้านี้ตัวเองได้ตายไปแล้ว ยิ่งกว่านั้นยังสัมผัสได้ถึงตอนที่สิ้นสติไป แต่ไม่คิดว่าเพียงพริบตาก็กลับมามีชีวิตใหม่ หลังจากนั้นเขาก็ได้ตรวจตัวเองดูแล้วก็พบว่าตนยังมีชีวิตอยู่ กระทั่งยังดูหนุ่มขึ้นอีกหลายปี ช่างเป็นเรื่องที่เกินคาดนัก
เทียนหยุนก็คิดว่าผลลัพธ์นี้ช่างมหัศจรรย์มากเช่นกัน ไม่คิดว่าไม่เพียงแต่จะฟื้นชีวิตคนกลับมาได้เท่านั้น แต่ยังมอบความอ่อนเยาว์ให้อีกหลายปี ช่างไม่น่าเชื่อจริงๆ
“ใช่แล้ว ท่านยังมีชีวิตอยู่” อี้เทียนหยุนยิ้ม
“ขอบคุณ ขอบคุณราชาภูตมาก!” เยชิงเสวียนปาดน้ําตา พร้อมกับหลั่งน้ําตาแห่งความสุขออกมาแทน คิดไม่ถึงว่าบรรพชนเผ่าภูตของพวกเธอจะสามารถมีชีวิตคืนกลับมาได้อีก เผ่าภูตคนอื่นๆต่างก็มองมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
อยู่ๆ ก็มีเรื่องน่ายินดีเกิดขึ้น ทําเอาทุกคนรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ แต่พวกเขาก็คิดว่าอี้เทียนหยุนน่าจะใช้โอสถระดับสูงสุดอะไรสักอย่าง ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถคืนชีพให้กับท่านบรรพชนได้
พวกเขาเห็นท่านบรรพชนสิ้นใจไปกับตา การจะคืนชีพให้อีกฝ่าย แน่นอนว่าต้องยอมจ่ายไปมากอย่างแน่นอน
ทันใดนั้น ชื่อเสียงของอี้เทียนหยุนก็พุ่งขึ้นไปยังจุดสูงสุด เต็มแต้มยิ่งกว่าก่อนหน้านี้ซะอีก
“ราชาภูต ไม่รู้ว่าท่านใช้โอสถอะไรกับข้า แต่นี่มันช่างเสียเปล่าจริงๆ…” บรรพชนเผ่าภูตส่ายหัว แน่นอนว่าการมีชีวิตอยู่ย่อมดีกว่าตาย แต่เขาสามารถจินตนาการได้ว่าของที่ใช้เพื่อคืนชีพให้กับตนนั้นต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน นี่มันช่างเสียเปล่ายิ่งนัก
หากว่าเก็บไว้ใช้กับตัวเอง นั่นก็เท่ากับมีหลายชีวิตไว้สํารอง!
ที่พวกเขาคิดก็ถูก นี่เป็นของหายากมากจริงๆ แต่อี้เทียนหยุนยังมีอีกสองชีวิต เขาเชื่อว่ามันจะต้องมีเพิ่มมาอีกอย่างแน่นอน ตราบเท่าที่เขายังทําภารกิจต่อไป
“ไม่มีอะไรให้ต้องรู้สึกเสียเปล่าสักหน่อย ท่านก็ทําอะไรมามากเพื่อสํานัก หากว่าแค่นี้ยังให้ท่านไม่ได้ นั่นก็ออกจะเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังเกินไป” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้ม “ยิ่งกว่านั้น โอสถก็เป็นของนอกกาย ชีวิตคนต่างหากที่สําคัญกว่า ยิ่งกว่านั้น อาณาจักรเทียนหยุนยังต้องให้ท่านบรรพชนเป็นผู้ดูแลอยู่!”
บรรพชนเผ่าภูตลุกขึ้น รู้สึกเต็มตื้นต่อคําพูดของอี้เทียนหยุน พร้อมกับพูดด้วยความตื่นเต้นว่า“ราชาภูตตราบเท่าที่ท่านไม่รังเกียจที่ข้าคนนี้กระดูกผุ ข้าก็เต็มใจที่จะบุกน้ําลุยไฟเพื่อท่าน!”
“ติ้ง ท่านพิชิตบรรพชนเผ่าภูตเป็นขุนพลเทพสําเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 50 ล้าน, ค่าความคลั่ง 100,000, ค่าบัญชาการ 100!”
ข้อความใหม่จากระบบประกาศออกมา บอกว่าเขาได้พิชิตบรรพชนเผ่าภูตเป็นขุนพลเทพได้สําเร็จ พร้อมกับค่าประสบการณ์กองโต นี่ช่างเป็นเรื่องที่น่าตกใจจริงๆ ดูเหมือนว่าการพิชิตให้มาเป็นขุนพลเทพที่แท้จริงได้ จะทําให้ได้รับรางวัลมากมาย ยิ่งระดับสูง ค่าประสบการณ์ที่ได้ก็จะ ยิ่งมาก
บรรพชนเผ่าภูตที่ถูกช่วยชีวิต ทําให้ในใจของเขาเชื่อฟังอี้เทียนหยุนอย่างสุดใจ ดังนั้นจึงได้กลายมาเป็นขุนพลเทพในทันที แม้ว่าจะมีคนอื่นที่มีความซื่อสัตย์ต่อเขามากกว่า แต่ว่านี้มันต่างกัน นี่เป็นความชอบที่ได้มาจากการฟื้นชีวิตขึ้นมาใหม่
“มีอะไรให้ต้องรังเกียจด้วยเล่า ท่านทําอะไรตั้งมากมาย เรื่องนี้พวกเราต่างก็รู้ดี” เทียนหยุนยิ้มจากนั้นสายตาก็หรี่ลง “แดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงพวกนี้มาจากโลกใต้พิภพ ก่อนมาที่นี่ข้าก็ได้ทําลายเรือเหาะของพวกเขาไปสองลํา จากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ กลัวว่าพวกเขาจะส่งกองกําลังมา อีกดังนั้นพวกเราต้องระวังให้มาก!”
พวกเขาพากันพยักหน้า เมื่อกี้นี้ถือว่าอันตรายมาก ดีที่อี้เทียนหยุนกลับมาไว ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงถึงคราวจบสิ้น ในตอนที่พวกเขาได้ครอบครองดินแดนนี้ พวกเขาก็คิดว่าพวกเขาเป็นแถว หน้าของขุมอํานาจระดับอาณาจักร แต่ตอนนี้เหมือนว่าจะยังมีขุมอํานาจอื่นที่สามารถจัดการกับ พวกเขาได้อย่างง่ายดาย!
ตอนนี้อีกฝ่ายส่งผู้เชี่ยวชาญมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ก็สามารถบดขยี้พวกเขา จนไม่สามารถที่จะต่อต้านได้แม้แต่น้อย เพียงแค่ผู้เชียวชาญระดับวิญญาณเที่ยงแท้ก็มีมากกว่าพวกเขามากจนสามารถบดขยีพวกเขาอยู่ฝ่ายเดียว
จากนั้นพวกเขาก็เริ่มทําการซ่อมแซมพื้นที่รอบๆ อย่างรวดเร็ว พวกมันไม่ได้เสียหายมากมายนักจากสงครามครั้งนี้ ที่เสียหายส่วนใหญ่ก็มีแต่ค่ายกลที่พังทลาย แต่ว่านี้ไม่ใช่ปัญหาตราบเท่าที่ คนยังมีชีวิตอยู่ ทุกอย่างก็สามารถแก้ไขได้
พร้อมกันนั้น อี้เทียนหยุนก็สั่งให้พวกเงินเหลียงเฉินเข้าไปช่วย พวกเขาก็ถือว่าเป็นสมาชิกของวังเทียนหยุนเช่นกัน ดังนั้นแน่นอนว่าต้องให้ความช่วยเหลือด้วยความยินดี
ขณะที่การซ่อมแซมกําลังเป็นไปด้วยดี อี้เทียนหยุนก็ไปยังตําหนักหลัก หลังจากมองดูก็ได้แต่พยักหน้าซ้ําๆคิดว่าน่าพอใจมาก นี่ยังเสร็จเพียงคร่าวๆ เท่านั้น เป็นการเร่งให้ผู้ฝึกตนช่วยกันสร้าง แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็ถือว่าน่าพึงพอใจทีเดียว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการก่อสร้างของเผ่าภูตด้วยแล้ว สิ่งนี้สามารถเห็นได้จากปาภูตเมื่อก่อนหน้า ที่พักของพวกเขาถูกสร้างออกมาอย่างวิจิตรตระการตา ตอนนี้เมื่อมาสร้างที่นี่ ยิ่งทําให้ดูพิเศษขึ้นไปอีก
นี่เป็นเมืองหลวงของพวกเขา จะให้ไม่พิเศษได้ยังไง
“แล้วผลึกชีวิตล่ะ ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?” เทียนหยุนถาม
นี่เกี่ยวพันธ์กับชะตาชีวิตของเผ่าภูต แน่นอนว่าต้องจัดการให้ดี
“ตอนนี้ยังไม่เป็นไรชั่วคราว…” บรรพชนเผ่าภูตถอนหายใจ นี่เป็นดั่งหัวใจหลักของพวกเขาตอนนี้ยังถือว่าดีอยู่ ตราบเท่าที่ยังมีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ยังไม่จําเป็นต้องกังวล
ก่อนหน้านี้ผลึกชีวิตยังไม่เสียหาย แต่ก็ทนได้อีกไม่นานนัก
อี้เทียนหยุนพยักหน้า จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “จากนี้ข้าจะให้ความสนใจกับเรื่องนี้เป็นสําคัญ แต่ว่านี่เป็นของหายากมาก ไม่รู้ว่าจะไปหาได้จากที่ไหน”
“นี่ก็ได้แต่หาดูเท่านั้น หากไม่เจอจริงๆ ก็ได้แต่โทษว่าสวรรค์ไม่เต็มใจปล่อยพวกเราไป…”บรรพชนเผ่าภูตกับพวกถอนหายใจ ไม่ได้มีความต้องการอะไรเป็นพิเศษ
“วางใจเถอะ เรื่องนี้จะต้องมีวิธีจัดการอย่างแน่นอน” อี้เทียนหยุนขมวดคิ้ว เขาได้สอบถามจากทางโลกใต้พิภพแล้ว แต่ว่ายังไม่พบเบาะแสอะไร
ตอนนี้ยังไม่ต้องพูดถึงโลกมนุษย์เลย หากว่ามีจริง ปานนี้คงอยู่ในมือของขุมอํานาจอื่นแล้ว
“ หรือว่าจะอยู่ในโลกสวรรค์?” อี้เทียนหยุนหรี่ตา พร้อมกับคิดถึงที่ใหม่ นั่นก็ถือโลกสวรรค์
โลกสวรรค์นั้น เขายังไม่ได้ไปดู เพราะก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่าต้องไปยังไง จะไปดูดีไหมนะ?
“ราชาภูต ข้ามีเรื่องจะบอก” เย่ชิงเสวียนพูดขึ้นมาอย่างลังเล ไม่รู้ว่าจะพูดดีหรือเปล่า
“เรื่องอะไรอย่างงั้นเหรอ?” เทียนหยุนมองไปที่เธอ พร้อมกับรู้สึกใจคอไม่ดี ดูจากท่าทางของเย์ชิงเสวียนแล้ว เหมือนจะไม่ใช่เรื่องเล็ก และยังเป็นเรื่องที่สําคัญด้วย
“คือ… เจ้าตําหนักช เธอ เธอถูกพาตัวไปแล้ว…” เยชิงเสวียนพูดอย่างกระอีกกระอัก
“อะไรนะ!?” น้ําเสียงของอี้เทียนหยุนกลายเป็นหุ้มต่ําและเย็นชาในทันที พร้อมกับระเบิดพลังออกมาจนทําให้ทั่วทั้งตําหนักราวกับถูกแช่แข็ง อุณหภูมิลดต่ําลงในพริบตา
หลังจบเรื่องนี้เขาว่าจะไปหาชเสวี่ยอวิ๋นสักหน่อย แต่ใครจะรู้ว่าเธอจะถูกพาตัวไปแล้ว
“ใครเป็นคนพาไป?” อี้เทียนหยุนสงบใจลงโดยเร็ว พร้อมกับสะกดพลังไว้ ทําให้พวกเขาพากันโล่งใจ แต่ก็ยังตกใจกับพลังที่เขาปลดปล่อยออกมา
แค่พลังที่ปล่อยออกมานี้ก็ทําให้พวกเขาแทบหายใจไม่ออก ความร้ายกาจของมันเมื่อเทียบกันแล้วเหนือกว่าผู้เชี่ยวชาญระดับราชาวิญญาณเมื่อก่อนหน้านี้มาก
“ได้ยินว่าเป็นคนรู้จัก แต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร รู้แต่ว่าเป็นคนที่มาจากโลกสวรรค์…” เชิงเสวียนพูดต่อว่า “ก่อนที่เจ้าตําหนักชิจะไป ได้ฝากข้อมูลบางอย่างเอาไว้ บอกว่าจะไปหาพ่อแม่ของท่านแล้วอีกไม่นานจะกลับมา”
“ไปหาพ่อแม่ของข้า?” อี้เทียนหยุนพูด “หรือเป็นคนที่พ่อแม่ข้าส่งมา?”
ข่าวนี้มาแบบกะทันหันเกินไป ทั้งยังน่าตกใจเล็กน้อย พ่อแม่ที่หายไปหลายปี ส่งคนมาพบชิเสวี่ยอวิ๋น? แบบนี้ไม่ถูกสิ หากจะพบก็ควรจะเป็นเขาสิถึงจะถูก ทําไมต้องเป็นเธอก่อนด้วย?