Crazy Leveling System - ตอนที่ 573: สิ้นสุด
ตอนที่ 573: สิ้นสุด
“ติ๊ง ผู้เล่นอี้เทียนหยุนได้เข้าสู่ระดับราชาวิญญาณขั้นที่ 11
ในที่สุด หลังจากล้างบางไปเกือบหมด เสียงรายงานเกี่ยวกับการเลื่อนระดับของเขาก็ได้ดังขึ้นมา!
หลังจากจัดการสังหารผู้ฝึกตนพวกนั้นไปมากมาย เขาก็ได้เข้าสู่ระดับราชาวิญญาณได้สําเร็จ นี่ถือเป็นกระบวนการที่ยากลําบากจริงๆ ค่าประสบการณ์ที่ต้องการก็มากมายมหาศาล ต้องฆ่าผู้ฝึกตนถึงสี่อาณาจักร ถึงจะสามารถเลื่อนระดับได้
แต่นี้ก็เพราะค่าประสบการณ์ 66 เท่า หากเป็นเพียงค่าประสบการณ์ 16 เท่า ก็จําเป็นต้องใช้เวลาที่นานกว่านี้อีก
“ในที่สุดก็เข้าสู่ระดับราชาวิญญาณเสียที…”
อี้เทียนหยุนรู้สึกว่าพลังของตนเพิ่มขึ้นมาก จากที่น่ากลัวอยู่แล้วได้กลายเป็นน่าสะพรึงยิ่งขึ้น! แค่พลังรบพื้นฐานก็มีพลังสูงถึง 200 ล้าน! ได้ยินไม่ผิดหรอก ตอนนี้พลังรบพื้นฐานของเขาคือ 200 ล้าน
หากว่ารวมกับโหมดคลั่งเข้าไป พลังรบของเขาก็จะมากกว่า 2 พันล้าน จนไปแตะระดับ 3 พันล้าน ด้วยพลังรบแค่ 200 ล้าน เมื่อรวมกับโหมดคลั่งที่เพิ่มพลังให้ 16 เท่า ก็จะทําให้พลังรบของเขาเพิ่มขึ้นเป็น 3.2 พันล้าน
แต่ก็มีบางค่าที่ไม่ถูกนับเข้าไปในโหมดคลั่งหมวดพลังโจมตี ยกตัวอย่างเช่นพลังป้องกันที่ไม่ถูกนับเข้าไป ดังนั้น เมื่อเปิดใช้งานโหมดคลั่ง พลังรบของเขาจึงอยู่ที่ประมาณ 2 พันล้านเท่านั้น
ยังไงก็ตาม หากว่าเขายอมทุ่มทุกอย่างออกมาจนหมด การจะไปถึงพลังรบระดับ 3 พันล้าน ก็ไม่ใช่ปัญหา แค่คิดว่าตนมีพลังรบมากถึง 3 พันล้านแล้ว ก็ให้รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา ต้องรู้นะ ว่าก่อนหน้านี้ที่จัดการกับหมิงเฉินไป ภายใต้สภาพโหมดคลั่ง พลังรบของเขาก็มีเพียงแค่ 1.3 พันล้านเท่านั้น
แต่ตอนนี้พลังรบของเขากลับมากถึง 3 พันล้าน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหากต้องเจอกับหมิงเฉินในตอนนี้ อีกฝ่ายก็เป็นเพียงหัวผักกาดต่อหน้าเขาเท่านั้น! เพียงแคโบกหลังมือออกไป ก็สามารถจัดการกับอีกฝ่ายได้แล้ว
นี่เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของพลังพื้นฐาน ขอเพียงแค่เพิ่มพลังพื้นฐานขึ้น ก็จะทําให้เขากลายเป็นผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริง
แล้วถ้าหากโหมดคลั่งยกระดับขึ้นอีกครั้ง มันก็จะสามารถเพิ่มพลังให้มากถึง 32 เท่า เมื่อถึงตอนนั้น ต่อให้เขาจะมีพลังเพียงน้อยนิด แต่ภายใต้การเพิ่มขึ้น 32 เท่า จะให้พลังของเขาอ่อนแอคงเป็นไปไม่ได้
หากว่าพลังรบของเขาเพิ่มขึ้นจนมีเลขศูนย์หลายตัว หรือกระทั่งถึงสิบตัว อย่างนั้นความต่างคงเปรียบเสมือนสวรรค์และปฐพี เพราะยังไงแล้ว ตัวเลขพื้นฐานก็เป็นสิ่งที่สําคัญที่สุดตลอดกาลต่อให้จะมีความสามารถศักดิ์สิทธิ์หรือวิชายุทธ์ที่ร้ายกาจขนาดไหน แต่หากว่ามีระดับฝึกตนที่ต่ำเกินไป ก็จะไม่มีทางที่จะสามารถแสดงพลังขั้นสุดของสิ่งนั้นออกมาได้อยู่ดี
นี่ก็เหมือนกันกับร่างโคลน ร่างโคลนทั้งสามนี้สามารถแสดงพลังได้เพียง 30% เท่านั้น ตัวเขาที่มีพลัง 2 พันล้าน ร่างโคลนก็จะสามารถมีพลังรบได้ถึง 600 ล้าน นี่ก็แสดงให้เห็นถึงความน่ากลัวของค่าพลังพื้นฐาน
แต่ว่าการจะเลื่อนระดับนั้นจําเป็นต้องเหยียบย่ำซากศพนับไม่ถ้วนเพื่อปืนขึ้นมา ต่อให้จะไม่มีระบบแสนบ้าคลั่ง แต่หากยังต้องการขึ้นเป็นราชา ก็จําเป็นต้องเหยียบย่ำอยู่บนซากกองกระดูกนับไม่ถ้วนนี้!
ไม่นาน การต่อสู้ก็ได้จบลง ทั่วทั้งสนามรบ คนของมหาอาณาจักรทั้งสองที่เหลืออยู่มีเพียงสองคนเท่านั้น นั่นก็คือมหาจักรพรรดิเซียวและมหาจักรพรรดิจูเก๋อ
พวกเขาล้วนแต่เห็นกระบวนการตั้งแต่เริ่มจนจบ ไม่ว่าพวกเขาจะกรีดร้องสักเพียงไหน ก็ไม่ส่งผลอะไรต่ออี้เทียนหยุน อี้เทียนหยุนยังคงควบคุมพวกเขาเพื่อทําการฆ่าล้างคนของตนไม่หยุดฆ่าจนหมดลง
นี่ก็คือราคา ราคาที่พวกเขาจําเป็นต้องจ่าย
“สารเลว ข้าจะไม่มีทางปล่อยเจ้าไป เจ้ามันเป็นปีศาจ!” มหาจักรพรรดิเซียวกรีดร้อง เขาที่เป็นคนลงมือตั้งแต่เริ่มจนจบ ในใจของเขาย่อมต้องพังทลายอย่างไม่ต้องสงสัย แม้ว่าเขาจะไม่รู้สึกอะไรต่อการตายของผู้ใต้บังคับบัญชา พูดได้ว่าไม่สนใจเลยด้วยซ้ำ แต่การที่ต้องมาตายด้วยน้ำมือของตนนั้น มันย่อมเป็นความรู้สึกที่ต่างกัน
“เจ้ามันเดรัจฉาน เจ้ามันเป็นปีศาจ เจ้ามันเป็นสวะ เจ้าสารเลวเอ๊ย!” มหาจักรพรรดิจูเก๋อสบถค่าไม่ยั้ง แต่นอกจากคําพวกนี้แล้ว พวกเขาก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้อีก
“ข้าเป็นปีศาจอย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนหัวเราะอย่างดูถูก “แล้วไม่ทราบว่าใครเป็นคนจัดตั้งกองทัพสื่อาณาจักรเข้ามารุกรานกัน พวกเจ้าสูญเสีย แล้วอาณาจักรเทียนหลงของพวกข้าไม่สูญเสียหรือไง? แม้แต่ทางฝั่งวังเทียนหยุนเองก็ยังถูกโจมตี หากไม่ใช่ข้ามาช่วยที่นี่ไว้ ป่านนี้อาณาจักรเทียนหลงคงถูกทําลายจนย่อยยับไปแล้ว!”
“ผู้ชนะเป็นจ้าว ผู้แพ้เป็นโจร หากไม่อยากสูญเสีย ก็อย่าทําเรื่องนี้แต่แรกสิ!”
อี้เทียนหยุนมองพวกเขาอย่างเย็นชา ภายใต้สายตาตื่นตระหนกของพวกเขา เขาก็ได้สั่งให้พวกเขาเข้าต่อสู้กัน
“แล้วก็วางใจได้เลย ข้าจะเป็นคนไปเยือนมหาอาณาจักรทั้งสี่ด้วยตัวข้าเอง ข้าจะทําให้พวกมันรู้ว่าเรื่องไหนที่ทําได้ และเรื่องไหนที่ไม่ควรทํา!” อี้เทียนหยุนพูดอย่างเย็นชา “ข้าจะทําให้ขุมอํานาจทั่วทั้งโลกมนุษย์ได้รู้ว่าอาณาจักรเทียนหลงของพวกเรา ไม่ง่ายที่จะรังแก!”
“ปัง!”
พวกเขากระโจนเข้าใส่กันอย่างบ้าคลั่ง ทําการเข่นฆ่าซึ่งกันและกัน ปะทะกันหมัดต่อหมัด แต่พวกเขาก็สู้กันได้ไม่นาน สุดท้ายก็พากันร่วงจากกลางอากาศ ตายจนไม่สามารถตายได้อีก
ก่อนที่จะกลายเป็นค่าประสบการณ์ไหลเข้ามาในตัวเขา แต่ก็เป็นแค่จํานวนเล็กน้อยเท่านั้น เพราะว่าถึงยังไง บัตรเพิ่มค่าประสบการณ์ 50 เท่าก็ไม่มีอยู่แล้ว แต่ว่าเขาก็ไม่ได้รู้สึกเสียดาย ปล่อยให้พวกเขาตายด้วยน้ำมือของกันและกัน!
เขามักจะมีความคิดแบบนี้อยู่เสมอ นั่นคือต้องรับผิดชอบต่อการกระทําของตน
เห็นพวกเขาสังหารกันละกัน เหล่าขุนนางจํานวนมากในอาณาจักรเทียนหลงก็พากันตัวสั่น มหาจักรพรรดิที่แข็งแกร่งทั้งสองคน สุดท้ายแล้วก็ถูกควบคุมจนตาย
ต้องพูดว่าองค์ชายของพวกเขานั้นแข็งแกร่งเกินไป ไม่ได้เจอเพียงไม่นาน ก็มีความสามารถที่จะถล่มกองทัพอาณาจักรได้ด้วยตัวคนเดียวแล้ว! แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญระดับราชาวิญญาณทั้งสองก็ต้องตายภายใต้น้ำมือเขาอยู่ดี
“พี่ใหญ่เริ่น น้องสาว” อี้เทียนหยุนบินไป พร้อมกับใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม
ทุกคนต่างก็พากันเข้ามาต้อนรับ พร้อมกับในใจที่ตึงเครียด ถึงยังไงพลังของอี้เทียนหยุนก็แข็งแกร่งเกินไป ทําให้ไม่มีใครกล้าเสียมารยาทต่อตัวเขา
“องค์ชาย!” พวกเริ่นหลงพากันยิ้ม พวกเขารู้ถึงนิสัยของอี้เทียนหยุนดี ดังนั้นจึงไม่ได้รู้สึกกังวลอะไรกับเรื่องนี้
“ไม่คิดเลยว่าไม่เจอกันเพียงไม่นาน ระดับของพี่ใหญ่อี้ก็แข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้ แม้แต่ระดับมหาจักรพรรดิที่แสนร้ายกาจก็ยังสามารถควบคุมได้?” ในใจเริ่นจือโหรวรู้สึกตกใจ จนแม้แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ฟื้นตัวดี
“นี่ก็แล้วแต่สถานการณ์ หากว่าระดับสูงเกินไป ข้าก็ยากที่จะควบคุมเช่นกัน” อี้เทียนหยุนไม่ปกปิด เรื่องนี้เห็นกันทุกคน ต่อให้อยากจะปิดก็ปิดไม่อยู่
“นี่…” ผู้คนพากันมองตากัน ด้วยความรู้สึกสงสารนิดหน่อย กองทัพของสี่มหาอาณาจักรนั้นไม่ได้อ่อนแอเลย ทั้งยังมีผู้แข็งแกร่งระดับราชาวิญญาณมานั่งบัญชาการด้วยตัวเอง ดังนั้นจึงทําให้ต่อกรด้วยยากมาก
แต่เมื่อเทียนหยุนมาถึง ก็ได้ใช้การควบคุมที่เหนือคาด จัดการกับพวกเขาอย่างไม่ยากเย็น
“อย่าถ่อมตัวไปเลย ต้องขอบคุณจริงๆ ที่องค์ชายมาช่วยในครั้งนี้ ไม่อย่างนั้น อาณาจักรเทียนหลงคงถึงคราวจบสิ้น..” เริ่นหลงถอนหายใจออกมา ทั้งยังรู้สึกกลัวไม่หาย
พวกเขาเตรียมจะเข้าชีวิตเข้าเสี่ยงแล้ว แต่ดีที่อี้เทียนหยุนเข้ามาช่วยไว้ทัน พร้อมกับขับไล่สีมหาอาณาจักรกลับไป หากว่าเรื่องนี้แพร่ออกไป คงทําให้ทั่วทั้งโลกมนุษย์ตกตะลึงกันอย่างแน่นอน!
“ทําไมถึงพูดอย่างนี้ล่ะ ข้าก็เป็นองค์ชายของที่นี่เหมือนกัน แน่นอนว่าต้องมาช่วยอยู่แล้ว เมื่อตอนที่ข้าไม่อยู่ ท่านเองก็ช่วยวังเทียนหยุนไว้ไม่น้อยเช่นกัน” อี้เทียนหยุนยิ้ม นี่เป็นการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
พวกเขาพากันยิ้มออกมา ไม่จําเป็นต้องพูดคําขอบคุณอะไรให้มากมาย
อย่างรวดเร็ว พวกเขาก็เริ่มวิ่งวุ่น ตอนนี้อาณาจักรเทียนหลงปลอดภัยแล้ว แต่ว่ายังมีหลายเมืองที่ถูกยึดครอง ดังนั้นจึงจําเป็นต้องเก็บกวาด แต่ว่าเรื่องนี้อี้เทียนหยุนไม่จําเป็นต้องลงมือด้วยตัวเอง เพียงแค่ส่งสัตว์อสูรออกไปก็พอ