Dawn of a new era รุ่งอรุณแห่งยุคใหม่ - ตอนที่ 65
ตอนที่ 65 ค่ำคืนแห่งการฆ่า (2)
ในเวลานี้เกือบเป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว รถบนท้องถนนดูน้อยจนน่าใจหาย ถนนตลอดสายดูโล่งมาก
เฉินโจวอี้มองออกไปนอกหน้าต่างพักหนึ่ง แล้วชักสายตากลับมา
เวลานี้ในใจเขาเกิดความสงสัยขึ้น ในเวลากลางดึกเช่นนี้ใครจะไม่ยอมหลับยอมนอนเพื่อมาจุดดอกไม้ไฟ ?
เขามองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง พบว่าดอกไม้ไฟหยุดไปแล้ว
ในใจของเขาเกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีทันที เขาพูดขึ้นว่า
” พ่อครับ ขับเร็วขึ้นมาหน่อย “
” ถนนมืดเกินไป พ่อขับหกสิบแล้วนะ ถ้าเร็วกว่านี้ล่ะก็ มันอันตรายไป ” เฉินต้าเหว่ยพูดขึ้น
” ขับช้าๆ หน่อยก็ดี ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมามันจะแย่เอาได้ ” แม่ของเขาพูดขึ้น
เห็นพ่อกับแม่ยังคงยืนยันเช่นนี้ เฉินโจวอี้จึงไม่รบเร้าต่อ อีกอย่างถ้าขับรถเร็วเกินไปในเวลากลางคืน มันจะเกิดอันตรายได้จริงๆ
บางทีเขาอาจจะแค่คิดมากจนเกินไป
เฉินโจวอี้พูดในใจ
สิบกว่านาทีต่อมา รถขับเข้าสู่ถนนทางหลวง บนถนนมีรถสัญจรไปมาน้อยกว่าเดิม บ่อยครั้งที่ไม่มีรถขับสวนมาในช่วงเวลาสองสามนาที
รถค่อยๆ ขับออกจากเขตเมือง เฉินโจวอี้มองย้อนกลับไปยังเมืองอันมืดสนิทที่อยู่เบื้องหลัง ในใจของเขารู้สึกเศร้าสร้อย
นี่คือเมืองที่เขาใช้ชีวิตมาตั้งแต่เด็กจนโต
ที่นี่ทิ้งรอยประทับแห่งความทรงจำนับไม่ถ้วนให้แก่เขา แถมยังเป็นสถานที่ที่มีคนรักซึ่งเป็นรักแรกของเขาด้วย
เขาไม่รู้ว่าการจากลาในครั้งนี้ ตัวเขาเองจะได้กลับมาอีกทีเมื่อไหร่
และไม่รู้ว่าเมื่อไรถึงจะได้พบกับจางเซียวเยว่อีกครั้ง
สำหรับเฉินโจวอี้ ความรักก็เหมือนสายลมเย็น ๆ ที่ไม่อาจคาดเดาได้ในวันแห่งฤดูร้อน พอมันพัดผ่านมาได้ไม่นาน ทันใดนั้นมันก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
….
เมื่อเวลาผ่านไป สองข้างทางที่เคยเป็นอาคารสิ่งปลูกสร้างได้ถูกแทนที่ด้วยพื้นที่การเกษตร
เฉินต้าเหว่ยเพิ่มความเร็วรถเป็นเจ็ดสิบ ” อีกประมาณครึ่งชั่วโมงก็จะถึงเมืองผิงชิวแล้ว “
” พอถึงตอนนั้นเราจะพักที่โรงแรมหนึ่งคืน แล้วไปหาบ้านในวันพรุ่งนี้ แต่ไม่รู้ว่าพอถึงที่นั่นแล้ว จะหาโรงแรมได้หรือเปล่า? ” แม่ของเขาพูดขึ้น
” ไม่ยากหรอก นอนในรถหนึ่งคืนก็ได้! ” เฉินต้าเหว่ยพูดขึ้น
ขณะที่กำลังใกล้ไปถึงเมืองผิงชิวนั้น บรรยากาศแห่งความกดดันตั้งแต่เริ่มออกเดินทางมาจนตลอดเส้นทาง เริ่มค่อยๆ ผ่อนคลายลง
เฉินโจวอี้หันไปมองเฉินซิงเยว่พักหนึ่ง พบว่าเธอเริ่มง่วงแล้ว หัวของเธอผงกไปมา เปลือกตาเริ่มลืมไม่ขึ้น
พอคิดดูมันก็ใช่ วันนี้ทั้งวันเธอประสบพบเจอเรื่องมามากมาย เธอตึงเครียดและเป็นกังวลตลอดวัน ในเวลานี้พอเริ่มผ่อนคลาย เธอจึงทนความง่วงต่อไม่ไหว
ในเวลานี้เอง แสงไฟสว่างส่องเข้ามาทางด้านหลังรถ
เฉินโจวอี้หันกลับไปมองพักหนึ่ง ท่ามกลางแสงจ้าที่ส่องสว่างนั้นมีรถยนต์คันหนึ่งกำลังขับมายังด้านนี้อย่างรวดเร็ว
ความเร็วแบบนี้มันขับเกินร้อยแล้วนี่?
เขานิ่งเงียบไปพักหนึ่งแล้วผลักเฉินซิงเยว่
เธอตกใจไปเล็กน้อยแล้วตื่นจากการนอนหลับ ” พี่ มีอะไรเหรอ? “
” ระวัง! ” เฉินโจวอี้พูดขึ้น
สิ้นเสียงพูดของเขา กระจกหลังรถแตกกระจายในทันที หูของเขาได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด
เขารีบกดหัวของเฉินซิงเยว่ลง วินาทีต่อมา ตัวรถสั่นสะเทือนดูเหมือนว่ายางรถยนต์จะระเบิด รถพุ่งลงข้างทางอย่างรวดเร็ว
ในรถมีเสียงกรีดร้องดังขึ้น ดีที่เฉินต้าเหว่ยตอบสนองอย่างรวดเร็ว เขารีบควบคุมพวงมาลัยรถแล้วเหยียบเบรก หลังจากเสียงของเครื่องยนต์ดังขึ้น ในที่สุดรถก็หยุดลง
” หมอบลง รีบหมอบลงเร็ว อยู่ในรถห้ามออกมานะ วางใจได้ คนพวกนี้ให้ผมจัดการเอง ” เฉินโจวอี้หมอบลง เขาพูดตะโกนขึ้นพลางรีบหยิบธนูรบขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
” ลูกระวังตัวด้วยนะ! ” แม่ของเขาพูดขึ้นอย่างกังวล
” พี่ ระวังตัวด้วย “
เฉินโจวอี้ไม่ได้พูดอะไร เขาหายใจยาวขึ้น หัวใจเต้นรัว
เสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด แล้วเงียบเสียงลง
จากนั้นเขาได้ยินเสียงจอดรถของอีกฝ่าย
ในตอนนี้เอง!
เฉินโจวอี้สูดหายใจลึก ๆ แล้วดึงประตูเปิดออก ขณะเดียวกันร่างของเขาพุ่งออกไปราวกับเสือชีตาห์ที่กำลังล่าเหยื่อ
ยังไม่ทันได้ยืนนิ่ง เขารีบดึงคันธนูอย่างรวดเร็วแล้วยิงลูกธนูออกไปในทันที
ห่างออกไปด้านหน้าราวยี่สิบสามสิบเมตร ในรถยนต์สีดำคันหนึ่ง ด้านในรถมีคนนั่งอยู่เต็ม
มือปืนที่นั่งอยู่ฝั่งข้างคนขับหลังจากที่เปลี่ยนแม็กปืนแล้ว เขายื่นมือออกมานอกประตูรถ ขณะที่กำลังจะเตรียมลงจากรถนั้น ลูกธนูแหลมคมดอกหนึ่งพุ่งทะลุกระจกหน้ารถเข้ามาอย่างรวดเร็ว ยิงทะลุหน้าผากเขาพอดี
คนอื่นพอเห็นดังนั้น สีหน้าของพวกเขาดูตกใจอย่างมาก พวกเขารีบหมอบลงอย่างรวดเร็ว
สีหน้าของเฉินโจวอี้ดูเย็นชา เขารีบหยิบลูกธนูออกมาอีกหนึ่งดอกแล้วยิงไปยังคนขับรถ
ธนูรบขนาดห้าร้อยปอนด์ อำนาจทำลายล้างในระยะสั้นของมันเกินจะจินตนาการได้ เหล็กบางของรถยนต์เมื่อเผชิญหน้ากับธนูที่ทรงพลังเช่นนี้ช่างดูเปราะบางราวกับแผ่นอะลูมิเนียม ลูกธนูยิ่งพุ่งตรงไปยังหน้าต่างหน้ารถยนต์โดยตรง เจาะคอนโซลรถเข้าไปแทงทะลุร่างคนขับที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลัง
เฉินโจวอี้ยิงลูกธนูออกไปสิบกว่าดอกอย่างต่อเนื่อง ทันใดนั้นรถทั้งคันเต็มไปด้วยลูกธนูปักอยู่ราวกับขนเม่น
เขาโยนธนูรบทิ้งแล้วดึงดาบออกมา เดินตรงไปยังรถคันนั้น เตรียมไปดูว่ายังมีคนที่เหลือรอดอยู่ไหม
แต่เขาเพิ่งจะเดินไปไม่กี่ก้าว
เรื่องเหนือความคาดหมายเกิดขึ้น
เขาได้ยินเสียงดัง ‘ปัง’
ประตูรถถูกแรงกระแทกปลิวออกไปไกลหลายเมตร ตกลงพื้นส่งเสียงดัง ‘เคร้ง’
ชายสวมสูทสีดำร่างกายแข็งแรงกำยำคนหนึ่ง มือหนึ่งถือดาบ อีกมือหนึ่งถือลูกธนูหนึ่งดอก เดินออกมาจากเบาะหลัง บิดลำคอของเขาไปมา ปากพูดพึมพำ
” คิดไม่ถึงเลยว่าแค่ตามมาดูจะพบเข้ากับยอดฝีมือเช่นนี้ “
เขาก้าวเดินไม่เร็วไม่ช้าเกินไป สีหน้าของเขาสงบนิ่งมาก
ท่าทางการเดินค่อนข้างแปลก แม้ว่าเขาจะก้าวเดินทีละก้าวเหมือนคนธรรมดาทั่วไป แต่ถ้าลองสังเกตดูให้ดี จะพบว่าร่างของเขาไม่มีจังหวะสูงต่ำในการเดิน เขาเดินแบบเป็นเส้นตรงมาเรียบๆ
ถ้าไม่มองที่สองขาของเขา เหมือนกับว่าเขาเลื่อนมา แต่มันก็ให้ความรู้สึกไม่สมดุลอย่างแปลกๆ
” ไอ้ขยะพวกนี้พึ่งไม่ได้จริงๆ ด้วย ยังต้องให้ฉันลงมือด้วยตัวเอง ” เขาเอาลูกธนูในมือโยนทิ้งไป ” อ้อ ใช่แล้ว เมื่อกี้เธอเกือบทำให้ฉันบาดเจ็บได้แล้วนะ “
ในใจของเฉินโจวอี้เริ่มตึงเครียด แต่ปากของเขาไม่แสดงความอ่อนแอออกมา ไม่ใช่ว่าแกเสแสร้งอยู่เหรอ ใครทำไม่ได้กัน?
” งั้นแกน่าจะดีใจนะที่ตัวเองยังมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกสองสามวินาที ไอ้ขยะ! ไอ้หมาตามตูดเทพเถื่อน! ไอ้คนชั่ว! “
” ฮ่าๆๆ หมาตามตูดเหรอ ” ชายชุดดำดูเหมือนจะถูกกระตุ้น ” ยังคงเป็นเด็กกะโปโลสินะ น่าเสียดายที่แกจะเอาชีวิตรอดเกินคืนนี้ไม่ได้ “
” ก่อนตายยังจะพูดมากอีก เข้ามาสิ! “
เฉินโจวอี้พูดเยาะเย้ย เขาดึงดาบออกมาเสียงดัง ‘เคร้ง’ ก่อนจะโยนฝักดาบทิ้ง ร่างของเขาเคลื่อนไหวรวดเร็วดังเงา พุ่งเข้าหาชายชุดดำคนนั้น
เกิดเสียงดัง ” เคร้ง! “
เกิดประกายแสงสาดส่องไปทั่ว กลิ่นเหล็กปะทะกันคละคลุ้งไปทั่ว
ดาบทั้งสองเล่มปะทะกันอย่างรวดเร็ว
ชายชุดดำชักดาบกลับ แล้วพุ่งดาบไปที่ลำคอของเขา
วิชาดาบของเขาดูผ่านการต่อสู้มาอย่างโชกโชนมากกว่าเฉินโจวอี้อยู่หลายระดับ ทุกการแทงทุกกระบวนท่าดูไร้ร่องรอยราวกับละมั่งแขวนเขา และยังดูงดงามแต่สามารถทำให้ถึงตายได้
ดีที่เฉินโจวอี้ตอบสนองได้เร็วกว่า เขาก้าวเท้าไปทางด้านขวา ร่างกายของเขาหลบหลีก ขณะเดียวกันก็แทงดาบไปทางชายคนนั้น
เขาเข้าใจผิดมาโดยตลอดว่าความแข็งแกร่งของชาวยุทธอย่างน้อยจะต้องมี 12.7 จุด และนึกว่าความว่องไวจำเป็นต้องมาถึงในระดับนี้เช่นกัน
แต่ในความเป็นจริงเมื่อเทียบกับความแข็งแกร่งแล้ว ความยากในการเพิ่มขึ้นของความว่องไวมีมากกว่าความแข็งแรงอยู่หลายเท่า
ความเร็วระดับนี้เกี่ยวข้องกับความเร็วของการตอบสนองทางประสาท แต่สามสิบหกกระบวนท่าฝึกสมรรถภาพทางกายแบบธรรมดายากที่จะเพิ่มความเร็วของการตอบสนองประสาทอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากการฝึกฝนความเร็วในการตอบสนองอย่างต่อเนื่องแล้ว คงทำได้แค่เพียงพึ่งความสามารถของตัวเอง
แต่ในความเป็นจริง ความว่องไวไปถึงที่ระดับประมาณ 12.3 ก็เป็นมาตรฐานของชาวยุทธแล้ว
แต่ความว่องไวของเฉินโจวอี้มาถึง 13.2 จุดแล้ว ต่อให้อีกฝ่ายเป็นชาวยุทธมานาน แต่ความเร็วในการตอบสนองของเขาไวกว่าชายชุดดำถึงสามเท่า ความเร็วสามเท่านี้สามารถเติมเต็มจุดอ่อนประสบการณ์ด้านการใช้ดาบของเขาได้
ท่ามกลางความมืดมิด ทั้งสองคนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเหมือนภูติผีปีศาจ เร็วราวกับกระต่ายที่กระโดดหายไป แสงดาบกระทบกันเหมือนไฟกระพริบเกิดเป็นประกายไฟขึ้นมา
ในการต่อสู้นอกจากตอนแรกที่ทำให้เฉินโจวอี้รู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลแล้ว ในไม่ช้าเขาเริ่มรู้สึกผ่อนคลายขึ้นเรื่อยๆ จนเริ่มกลายเป็นดูเชี่ยวชาญ
หลายวินาทีต่อมา ร่างของเขาแกว่งตัวหลบคมดาบของอีกฝ่ายที่แทงเข้ามา เขาพลิกมือที่จับดาบ จากนั้นก้าวผ่านชายคนนั้นจากด้านข้างด้วยความรวดเร็ว ดาบแหลมคมเคลื่อนไปตามร่างกายของชายคนนั้นด้วยความเร็วสูง เขาค่อยๆ ดึงดาบกลับมา
ทันใดนั้นการต่อสู้หยุดลงในทันที
ทั้งสองคนยืนอยู่ตรงที่เดิมไม่ไหวติง
” เธอ……” ชายชุดดำสบถคำพูดออกมาหนึ่งคำ ตรงบริเวณท้องเกิดเสียงดัง ‘สวบๆ’ ลำไส้จำนวนมากร่วงลงมาจากในท้อง ร่างของเขาเซไปมา จนกระทั่งล้มลงไปที่พื้น