Dawn of a new era รุ่งอรุณแห่งยุคใหม่ - ตอนที่ 66
ตอนที่ 66 พักชั่วคราว (1)
การต่อสู้ทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบใช้เวลาเพียงเจ็ดถึงแปดวินาทีก็สามารถตัดสินแพ้ชนะได้แล้ว
การต่อสู้ด้วยอาวุธเหล็กกล้านั้นเป็นสิ่งที่อันตรายและโหดร้าย ไม่เหมือนการต่อสู้ด้วยมือเปล่า ต่อให้จมูกจะบวม เราก็ยังคงสามารถต่อสู้ได้อีกหลายรอบ
การต่อสู้แบบนี้มีแค่เป็นหรือตายเท่านั้น
หลังจากที่ช่องท้องถูกตัดขาด ชายชุดดำยังไม่ตายในทันที เขาล้มลงกับพื้น ดาบของเขาตกไปที่พื้น สองมือสั่นเทาโกยลำไส้ยัดใส่ในท้องอย่าบ้าคลั่ง สีหน้าเต็มไปด้วยความกลัวและความผิดหวัง
” แกมีความสามารถอะไรก็แสดงออกมาอีกสิ ” เฉินโจวอี้เดินเข้าไป ใช้เท้าเตะดาบข้างกายเขาจนลอยไปไกล ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายตอบโต้ก่อนตาย
ชายชุดดำเงยหน้ามามอง ปากของเขาเต็มไปด้วยเลือด ขณะที่เขากำลังคิดว่าจะพูดอะไรนั้น จู่ๆ เขาก็กระอักเลือดออกมา
” โจวอี้ ลูกกำลังทำอะไรอยู่ ให้แม่ช่วยไหม? ” แม่ของเขาพูดขึ้นด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
เนื่องจากมัวแต่จดจ่อกับการต่อสู้ก่อนหน้านี้ เฉินโจวอี้ไม่ได้สังเกตว่าพ่อแม่และน้องสาวลงมาจากรถตั้งแต่เมื่อไร
เขาพูดขึ้นอย่างอ้ำอึ้งในทันที
” เอ่อ ตรงนี้มันนองเลือดนะครับ ไม่ต้องเข้ามากันหรอก เดี๋ยวผมกลับไปครับ “
เขารีบหยุดวางมาดในแบบที่เขาเคยเป็น ดาบในมือพุ่งไปราวกับแสงกระพริบ ตัดคอชายคนนั้นอย่างรวดเร็ว
เลือดขับออกมาจากหลอดเลือดแดง ราวกับสายลมพัดผ่านป่าไผ่
จากนั้นเขามองไปยังลูกธนูที่ปักอยู่ที่รถ
บนลูกธนูมีรอยนิ้วมือของเขา เป็นไปได้ว่าข้อมูลของเขาอาจจะถูกเปิดเผย
เพื่อระวังไม่ให้คนอื่นมาพบ เฉินโจวอี้คิดว่าเขาควรจะเก็บมันกลับมา
เขามองดูเสื้อผ้าบนตัวของตัวเอง มีรอยถูกตัดขาดอยู่มากมาย คงเป็นรอยขาดที่ได้จากตอนที่เขาหลบคมดาบในระยะห่างเพียงมิลลิเมตรก่อนหน้านี้ ดีที่ตามร่างกายของเขาไม่ได้รับบาดเจ็บ
เขาถอดเสื้อผ้า จากนั้นเอามาพันรอบมือ
หลังจากดึงลูกธนูไปสักพัก ไม่นานเขาก็สามารถดึงลูกธนูที่ปักอยู่ตามตัวรถและศพในรถออกมาได้ทั้งหมด
ครั้งนี้พวกเขามากันทั้งหมดสี่คน นอกจากชายชุดดำคนนั้นที่มีพลังระดับชาวยุทธและคนอีกสองคนที่เริ่มโจมตีในตอนแรก เบาะหลังมีคนนั่งอีกหนึ่งคน
แต่เขายังไม่ทันได้โผล่หน้าออกมา ก็ถูกลูกธนูแหลมพุ่งทะลุเบาะด้านหน้าปักเข้าที่กลางอก ตอนนี้เขาไร้ลมหายใจแล้ว
ระหว่างทางกลับ เขาเห็นดาบยาวเล่มนั้นที่ถูกเขาเตะออกไปก่อนหน้านี้ จึงหยิบขึ้นมา นอกจากนี้เขายังพบฝักดาบที่ถูกทิ้งไว้ข้างถนนอีกด้วย
ในช่วงเวลานี้ ตั้งแต่เริ่มจนจบ บนถนนไม่มีรถสักคันผ่านมา
เวลานี้เฉินต้าเหว่ยได้เปลี่ยนยางรถเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงหันไปตะโกนเรียกเฉินโจวอี้ ” เร็วลูก รีบขึ้นรถ พวกเราจะออกจากตรงนี้แล้ว “
หลังจากเขาหยิบอาวุธมาทั้งหมดแล้วจึงกลับเข้าไปในรถอีกครั้ง พ่อของเขาออกรถในทันที ครั้งนี้เฉินต้าเหว่ยเหยียบคันเร่ง รถขับพุ่งออกไปราวกับลูกธนู ยิ่งขับยิ่งเร็ว
” โจวอี้ ลูก…..ลูกไม่ได้บาดเจ็บใช่ไหม? ” แม่ของเขาได้กลิ่นคาวเลือดจางๆ ในรถ จึงถามขึ้นอย่างเป็นกังวล
” แม่ครับ วางใจเถอะ เลือดของคนอื่นน่ะครับ ผมไม่ได้เป็นอะไรเลย “
” งั้นก็ดี ดีแล้ว เมื่อกี้แม่เห็นลูกกับชายคนนั้นต่อสู้กัน ใจของแม่ไม่เคยตกลงไปอยู่ตาตุ่มเท่าครั้งนี้มาก่อนเลย ” ครั้งนี้แม่ของเขาไม่ได้พูดถึงเรื่องฆ่าคน นี่มันไม่ได้เห็นอย่างชัดเจนแล้วหรอ? ถ้าลูกชายเธอไม่ฆ่าใคร คนที่ตายก็จะเป็นลูกชายและคนทั้งครอบครัว
พูดจบ ในรถเริ่มเกิดความเงียบ
ท้ายที่สุดแล้วต่อให้เกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ แถมยังฆ่าคนมากมายขนาดนี้ เรื่องกระทบจิตใจที่รุนแรงแบบนี้ ทำไมถึงยังผ่อนคายได้อย่างง่ายดายอีก
สำหรับคนธรรมดาอย่างแม่ของเขาและเฉินต้าเหว่ย เกรงว่าต่อให้ฝันอยู่ พวกเขาก็นึกไม่ถึงว่า จะมีวันหนึ่งที่ครอบครัวต้องมาถูกตามฆ่า ถึงแม้ว่าจะแก้ปัญหาการถูกตามฆ่าได้ชั่วคราว แต่ลูกชายของเขากลับต้องมาฆ่าคนด้วย
….
เฉินโจวอี้นั่งอยู่เบาะหลัง ถือดาบยาวของชายชุดดำ เขาเพ่งมองดูมันอย่างละเอียด
ดาบเล่มนี้ยาวกว่าดาบของเขาประมาณ 10 เซนติเมตร ยาวเกือบ 1.1 เมตร เปล่งแสงแวววาว ตัวดาบราวกับชั้นจาระบีเคลือบแข็ง
เขาเคยเห็นดาบระดับสูงเช่นนี้ในเว็บไซต์ขายอาวุธเหล็กกล้า
พื้นผิวของมันเหมืนจาระบีอัดแข็ง มันเป็นฟิล์มนาโนแข็งที่มีความแข็งแรงสูง
ความแข็งของฟิล์มแข็งนาโนชนิดนี้แข็งแกร่งพอๆ กับเพชร แต่กลับไม่เปราะบางเหมือนเพชร
ดาบชนิดนี้ไม่เพียงแต่มีความคมมาก ตัดได้แม้กระทั่งเส้นผมที่ปลิวไสว อีกอย่างมันไม่กลัวการกัดกร่อนใดๆ โดยปกติไม่จำเป็นต้องดูแลรักษามาก ราคาต่ำสุดที่เขาเคยเห็นในตลาดอาวุธมือสองจะอยู่ที่ราว 300,000 หยวน ถ้าเป็นของใหม่ราคาต่ำสุดจะอยู่ที่ประมาณ 500,000 หยวน
เขาใช้นิ้วมือค่อยๆ ลูบคมดาบอย่างเบามือ ผลปรากฏว่าการปะทะกันหลายครั้งของดาบก่อนหน้านี้ บนมีดดาบไม่ทิ้งรอยบิ่นไว้เลย
แต่พอมาดูดาบของตัวเอง มีรอยบิ่นเต็มไปหมด มีแม้กระทั่งรอยบิ่นลึกถึงหนึ่งเซนติเมตร ถ้าหากเวลาในการต่อสู้นานกว่านั้นเล็กน้อย หรือตัวดาบเปราะกว่านี้อีกหน่อย มีหวังถูกฟันขาดแน่
และถ้าดาบเกิดถูกฟันขาดขึ้นมา พอถึงตอนนั้นเกรงว่าจุดจบคงจะเป็นอีกแบบ
ดีที่เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ไม่ได้เกิดขึ้น
เขาชอบที่จะเล่นกับมันอีกสักพัก แล้วเสียบมันลงฝักดาบอีกครั้ง
ตอนนี้ดาบเล่มนี้กลายเป็นของเขาแล้ว
….
หลังจากขับรถมาได้สิบกว่านาที พวกเขาค่อยๆ เข้าใกล้เมืองผิงชิวขึ้นเรื่อยๆ
เมืองผิงชิวเหมือนกับเมืองตงหนิง เป็นเมืองเล็กๆ เหมือนกัน แต่มีการพัฒนาดีกว่าเมืองตงหนิงอยู่มาก อุตสาหกรรมได้รับการพัฒนา ธุรกิจเจริญรุ่งเรือง ประชากรในเมืองมีจำนวนมากกว่าหนึ่งล้านคน
แน่นอนว่านั่นมันคือเมื่อก่อน
….
” พ่อครับ ไม่ต้องเข้าไปในเมืองแล้ว ด้านหน้ามีหมู่บ้านหรือเปล่า? “
” มี มี ด้านหน้าเป็นหมู่บ้านที่อยู่หัวเมือง เมื่อก่อนพ่อเคยมาอยู่สองสามครั้ง! “
” อย่าเพิ่งเข้าไปเลยครับ ลองหาที่ที่อยู่ไกลสักหน่อยจอดพักชั่วคราวดีกว่าครับ “
หมู่บ้านเล็กๆ ที่นี่ไม่เหมือนในชนบท ประชากรไหลเข้ามาอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็ไม่เหมือนกับเขตเมืองที่มีการจัดการที่เข้มงวด แถมมีการการลาดตระเวนอยู่ทุกหนทุกแห่งบนถนน ดังนั้นที่นี่จึงเหมาะที่จะแวะพักชั่วคราว
เฉินต้าเหว่ยไม่ได้ถามอะไรมาก หลังจากผ่านพ้นเรื่องราวมามากมาย เขาก็ไม่มองลูกชายตัวเองเป็นเด็กน้อยอีกเลย
เขาเลี้ยวรถ ขับตรงไปยังถนนเส้นเล็กที่อยู่ไกลออกไป หลังจากขับต่อไปประมาณหนึ่งนาที จึงจอดรถ
ที่นี่สองข้างทางคือทุ่งนา ห่างจากเขตเมืองประมาณหนึ่งถึงสองกิโลเมตร
” พ่อคิดว่าไม่ต้องไปหาโรงแรมแล้ว นอนในรถสักคืนดีกว่า พรุ่งนี้ค่อยไปหาที่อยู่ ” เฉินต้าเหว่ยพูดขึ้นด้วยความกังวล
ตอนนี้พวกเขาเป็นฆาตกร หากให้ไปนอนโรงแรมอย่างโจ่งแจ้งล่ะก็ เขาไม่มีกะจิตกะใจแบบนี้จริงๆ ถ้าหากถูกตำรวจเรียกตรวจเข้า เขากังวลว่าตัวเองจะเผยพิรุธออกมา
ขณะที่แม่ของเขากำลังเตรียมจะตอบตกลงนั้น เฉินโจวอี้รีบพูดปฏิเสธทันที
” ไม่ได้ครับ บนรถของพวกเรามีรอยกระสุน พอถึงตอนนั้นถ้าตำรวจเห็นเข้า ก็จะรู้ว่ามันไม่ถูก! พวกเรารีบเอาเงินและสัมภาระที่จำเป็นออกมา จากนั้นก็ทิ้งรถไป เอาป้ายทะเบียนไปด้วย ค่อยหาที่ทิ้งเอา “
เฉินโจวอี้ไม่รู้ว่าอำนาจการแทรกซึมของลัทธินอกรีตมีมากน้อยแค่ไหน แต่ถ้าระวังไว้ก่อนก็จะดี
” แต่ว่า….” แม่ของเขาเริ่มรู้สึกเสียดาย
ทันใดนั้นเฉินต้าเหว่ยตอบโต้ทันที ลูกพูดถูกแล้ว ในเวลานี้คุณยังจะสนใจของนอกกายอีกทำไม? ขอแค่คนในครอบครัวปลอดภัยก็พอแล้ว!
ในเวลานี้เอง จู่ๆ เฉินซิงเยว่ก็ร้องไห้ออกมา อารมณ์ของเธอเริ่มไม่มั่นคง
” ฮือๆๆ…..ทั้งหมดนี้ต้องโทษหนู…..ต้องโทษหนู! ถ้าหากตอนนั้นหนูไม่หนีออกมา หนูก็ไม่ต้องมาทำให้ทุกคนต้องเหนื่อย ไม่ต้องมาทำให้ทุกคนต้องหวาดกลัว “
เฉินโจวอี้รู้สึกว่าความคิดเด็กๆ ของน้องสาวทั้งน่าโมโหและน่าขำในเวลาเดียวกัน เขาจึงรีบพูดปลอบเธอ ” อย่าโง่ไปหน่อยเลย พวกมันอยากฆ่าเธอ เธอก็จะยอมยื่นคอให้มันฆ่าแต่โดยดีหรอ อีกอย่างเธอคือน้องสาวของพี่ ถ้าเธอตาย เธอคิดว่าพี่จะปล่อยพวกมันไว้เหรอ? “
” ใช่แล้ว ลูกนี่นะคิดอะไรอยู่เนี่ย คนในครอบครัวต้องรักใคร่กลมเกลียวกัน จะเหนื่อยหรือไม่เหนื่อยก็ช่างมัน ถ้าหากลูกตาย ต่อให้พ่อของลูกกับแม่ต้องฟันหัก ยังไงแม่ก็จะกัดพวกมันสักที “
” พวกเธอพูดแต่เรื่องความตายทำไม? ซิงเยว่ ลูกอย่าคิดฟุ้งซ่านไปเลย! “
เฉินซิงเยว่รีบเช็ดน้ำตา แต่ยิ่งเช็ดก็ยิ่งไหล กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
….
หลังผ่านไปสิบกว่านาทีเต็มๆ ทั้งสี่คนจึงจะถือกระเป๋าของตัวเองออกมาจากรถ เฉินซิงเยว่ยังคงตาแดงกล่ำ
” รอก่อนครับ พ่อครับ ผมขอไฟแช็กหน่อย ” เฉินโจวอี้พูดขึ้น
เฉินต้าเหว่ยไม่เข้าใจ แต่ก็หยิบไฟแช็กยื่นให้เขา
พอเฉินโจวอี้รับมา เขากลับเข้าไปในรถอีกครั้ง หลังจากเขาออกมาจากรถ เกิดกลุ่มควันพวยพุ่งออกมาจากหน้าต่างรถ
เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาตกใจของทุกคน เขาส่งไฟแช็กคืนให้พ่อของเขาแล้วพูดว่า ” ต้องมั่นใจไว้หน่อย รีบไปกันเถอะ ถ้าถูกตำรวจเห็นเข้าจะซวยเอา “