Dawn of a new era รุ่งอรุณแห่งยุคใหม่ - ตอนที่ 68
ตอนที่ 68 พักชั่วคราว (3)
เช้าวันถัดมา เฉินโจวอี้ไปหาบ้านเช่ากับพ่อและแม่
บ้านเช่ากลับหาไม่ยาก เพราะด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่ไม่มีไฟฟ้าและขาดแคลนคำสั่งซื้อเช่นนี้ โรงงานส่วนใหญ่ปิดตัวลง แรงงานข้ามชาติหลายคนรีบกลับบ้าน ดังนั้นจึงมีบ้านว่างให้เช่าอยู่เป็นจำนวนมาก
” ไอ้หยา คุณคะ ถูกกว่านี้ไม่ได้แล้ว ถ้าเป็นเมื่อก่อนค่าเช่า 1500 หยวนคนนี่แย่งกันเช่าเลย ตอนนี้แค่ 1200 หยวนเอง ถูกมาแล้ว ” เจ้าของบ้านเป็นหญิงวัยกลางคนที่แต่งตัวดี อายุประมาณสี่สิบปี เธอดูสุภาพเรียบร้อย ดูเหมือนพวกมีการศึกษา
อย่างไรก็ตามเรื่องการต่อรองราคาไม่เกี่ยวข้องกับสุภาพหรือไม่สุภาพ นี่คือความสามารถของหญิงวัยกลางคนทุกคน
” คุณก็พูดเองว่านั่นมันเมื่อก่อน ตอนนี้ใครจะมาเช่าบ้านกัน ถ้าหากพวกเราไม่เช่า คุณก็ทำได้แค่ปล่อยให้ที่นี่ว่าง 1000 หยวนพอ มากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ” แน่นอนว่าความสามารถด้านการต่อราคาของแม่เขาไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร
” ไอ้หยา นี่ไม่ใช่แค่เรื่องชั่วคราวหรือไง ไฟฟ้าไม่ขัดข้องตลอดหรอก รอให้ไฟมา ราคาบ้านก็จะเพิ่มสูงขึ้น “
” การซื้อขายก็ต้องดูที่ราคาตลาด ไม่ใช่ดูที่ความสามารถในการขึ้นราคา ถ้ารอให้ไฟมา ก็ยังไม่รู้เลยว่าตอนไหน? “
….
หญิงวัยกลางคนทั้งสองคนเริ่มการเจรจาต่อราคาอย่างดุเดือด
เฉินโจวอี้และน้องสาวรวมถึงเฉินต้าเหว่ยยืนอยู่ด้านข้างอย่างอ้ำอึ้ง หาจังหวะพูดแทรกทั้งสองคนไม่ได้
ผ่านไปประมาณสิบนาทีกว่า ในที่สุดแม่ของเขาก็มีทักษะเหนือชั้นกว่า เธอสามารถต่อรองราคาจ่ายค่าเช่าเดือนละ 1000 หยวนได้สำเร็จ
ตัวบ้านเป็นบ้านห้าชั้นที่สร้างขึ้นมาเอง ชั้นสี่ขึ้นไปเป็นที่อยู่อาศัยของเจ้าของบ้าน ชั้นหนึ่งให้อีกครอบครัวหนึ่งเช่าอยู่
ชั้นที่สองและชั้นที่สามยังว่างอยู่ ครอบครัวของเฉินโจวอี้จึงเลือกเช่าชั้นสาม
เพื่อไว้สำหรับให้เช่าโดยเฉพาะ เจ้าของบ้านจึงตั้งใจทำบันไดลอยฟ้าไว้นอกบ้าน ทำให้ไม่มีปัญหาอะไรถ้าต้องผ่านชั้นหนึ่ง
เพราะสัมภาระค่อนข้างน้อย ตอนย้ายของเข้าจึงไม่ได้ใช้เวลานาน
แต่การซื้อของในวันต่อไปกลับใช้เวลาทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็นพวกหม้อกระทะ น้ำส้มสายชู น้ำมันและเกลือ หรือของใช้ในชีวิตประจำวัน ผ้าห่ม หมอน ทุกอย่างต้องซื้อใหม่หมด แม้กระทั่งเสื้อสำหรับใส่หลังฤดูใบไม้ร่วงก็ต้องหาซื้อใหม่
ตอนกินข้าวเย็น
“
เฉินโจวอี้เห็นแม่ของเขาเอาแต่ขมวดคิ้วจนผูกเป็นปม จึงถามขึ้น ” แม่ครับ ไม่มีเงินแล้วใช่ไหม? “
” นี่เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ลูกไม่ต้องสนใจหรอก ” แม่ของเขาพูดไปตามเคยชิน แต่หลังจากพูดเสร็จก็รู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง
เมื่อคืนเธอนอนไม่หลับพลิกไปพลิกมาทั้งคืน ไม่ใช่เพราะเธอเป็นกังวลหรือกลัว เวลาส่วนใหญ่ที่เธอนอนไม่หลับ เธอมัวแต่เอามาคิดเรื่องที่ลูกชายของเธอฆ่าคนแล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มองชีวิตคนเหมือนสิ่งของ
ถึงแม้ว่าลูกชายจะช่วยที่บ้านเชือดไก่ฆ่าปลามาตั้งแต่เด็ก
แต่การฆ่าคนมันไม่เหมือนกัน ต่อให้เธอและสามีมองดูจากที่ไกลๆ ยังมองดูด้วยความตื่นตระหนกสับสน และอกสั่นขวัญหาย
ผลก็คือลูกชายของเธอหลังจากเกิดเหตุการณ์นั้นแล้วกลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาไม่เพียงแต่จัดการการต่อสู้อย่างใจเย็น แต่ยังดึงลูกธนูออกมาจากศพทีละดอกด้วย
เธอรู้สึกได้ว่านี่ต้องไม่ใช่ครั้งแรกที่ลูกชายฆ่าคนอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นคงไม่มีท่าทีใจเย็นเช่นนี้แน่
ในเมื่อสามารถฆ่าคนได้ การปล้นคงเป็นอะไรที่ง่ายกว่า
ถ้าหากคิดว่าครอบครัวไม่มีเงินแล้ว ลูกชายของตัวเองจะไปออกปล้นไหม?
เธอยิ่งคิดยิ่งไม่สบายใจ จึงรีบพูดขึ้น ” ตอนนี้เงินยังมีพอในช่วงระยะเวลาสั้นๆ แม่กังวลเรื่องตอนที่จะถอนเงินออกมา มันจะลำบากไหม? “
เฉินโจวอี้พูดขึ้นโดยไม่เอะใจ ” ช่วงนี้ไม่ต้องไปถอนเงินแล้วครับ จะได้ไม่ถูกเปิดเผยข้อมูล ถ้าหากไม่มีเงิน ในมือของผมยังพอมีอยู่เล็กน้อย “
” ลูกมีเท่าไร? ” แม่ของเขารีบถามขึ้น
” เกือบหนึ่งหมื่นหยวนครับ! ” เงินหนึ่งหมื่นหยวนก้อนนี้เป็นเงินที่เขาถอนออกมาจากธนาคารครั้งที่แล้ว ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเขาใช้ไปแค่ไม่กี่ร้อยหยวน
แม่ของเขาได้ยินดังนั้นจึงโล่งใจ แล้วฟังเฉินโจวอี้พูดต่อ ” อีกอย่างผมยังมีทองคำอยู่สองสามก้อน ถ้าหากเอาไปขายน่าจะขายได้ประมาณสองสามหมื่นหยวนครับ “
เขาไม่กล้าพูดอะไรมากมาย กลัวว่าจะทำให้พ่อกับแม่ของเขาตกใจ
ในความเป็นจริงช่วงเวลานี้เขาสะสมทรายทองคำได้มากกว่าสองกิโลกรัม ถึงแม้ว่าความบริสุทธิ์ของทรายทองคำเหล่านี้จะมีเพียง 80% เท่านั้น แต่ก็สามารถขายในตลาดมืดได้ประมาณ 300,000 หยวน หากเพิ่มเงินฝากในบัญชีเข้าไปด้วย ตอนนี้เขามีอย่างน้อยราวๆ 500,000 หยวนแล้ว
” ลูกไปเอาทองคำมาจากไหน? ” แม่เขาพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง ” ใช่แล้ว แม่ยังไม่ได้ถามลูกเลยว่ามีดาบกับธนูได้อย่างไร? “
เฉินซิงเยว่อดมองไปยังพี่ชายของเธอไม่ได้ เธออยากจะดูว่าพี่ชายของเธอจะโกหกเหตุผลอะไรออกมา
” เอ่อ ที่จริงทองคำเป็นทองคำธรรมชาติ ผมเก็บมาได้จากในกระแสน้ำ ขายได้เงินเล็กน้อยจึงเอามาซื้อธนูกับดาบครับ ” เฉินโจวอี้อ้ำอึ้ง เขารีบพูดคำพูดแก้ตัวที่เขาเตรียมไว้อย่างคร่าวๆ
” จ่ายไปเท่าไร? ” แม่ของเขาเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
ปัจจุบันเธอไม่เชื่อคำพูดของลูกชายคนนี้สักคำ
ทองคำที่เก็บมาได้จากกระแสน้ำงั้นหรอ ถ้ามีทองคำจริงคงถูกคนอื่นเก็บไปหมดแล้ว จะเหลือมาถึงลูกหรือไง?
เมื่อก่อนลูกชายคนนี้เป็นเด็กดีมาก เชื่อฟังเธอมากที่สุด เขาไม่เคยกล้าออกนอกลู่นอกทาง
แต่ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่กลายเป็นลูกชายที่ตัวเองไม่รู้จักไปเสียแล้ว
ถ้าหากไม่เกิดเรื่องในครั้งนี้ขึ้น ใครจะไปคิดล่ะว่าลูกชายของตัวเองจะมีมุมนี้ด้วย คาดว่าสองคนนั้นที่มาสอดแนมครอบครัวของเธอเมื่อคืนวานคงไม่ถูกทำให้สลบหรอก แต่ถูกลูกชายฆ่าตายไปแล้ว
” แสนกว่าหยวนครับ เป็นของมือสองหมดเลย ” เฉินโจวอี้พูดขึ้น เพื่อเป็นการพิสูจน์จึงกลับไปห้องของตัวเอง หยิบเอาทองคำขนาดใหญ่สองสามก้อนจากกระเป๋าเล็กๆ แล้วนำกลับไปวางไปบนโต๊ะ ส่งเสียงดังเคร้ง
” ตอนแรกผมเจอเยอะมาก แต่ตอนนี้เหลือแค่นี้แล้ว “
” งั้นลูกซื้อดาบและธนูมาทำอะไร? “
แม่ของเขามองดูทองคำอยู่พักหนึ่ง ยังไม่ทันได้ถามต่อก็ถูกเฉินต้าเหว่ยพูดตัดบทเอาเสียก่อน
” ไม่ต้องถามแล้ว โจวอี้ ลูกเก็บทองคำของลูกไปเถอะ พ่อกับแม่ของลูกยังไม่แก่ ยังพอเลี้ยงดูครอบครัวนี้ได้ “
” ตอนนี้ลูกโตแล้ว มีความลับของตัวเองแล้วเช่นกัน พวกเราก็จะไม่ถามไปมากกว่านี้แล้ว อีกอย่างพ่อกับแม่ของลูกเป็นคนธรรมดา คงสอนอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ แต่จำไว้ว่าลูกต้องมีขีดจำกัดในตัวเอง อย่าทำสิ่งผิดกฎหมายเป็นอันขาด “
เฉินโจวอี้ได้ฟังจึงเกิดความประทับใจ เขารีบพยักหน้าตอบ ” รู้แล้วครับพ่อ! “
….
ในห้องนอนตอนกลางคืน เฉินโจวอี้นั่งอยู่บนเก้าอี้ กลั้นหายใจและจ้องไปที่แสงเทียน
แสงเทียนแกว่งไปมาเล็กน้อย
” ที่แท้มันยังคงมีพลังอันเบาบางอยู่เล็กน้อยนี่เอง ถึงแม้ว่ามันเกือบจะเหมือนกันก็ตาม ” เฉินโจวอี้คิดในใจ
หลังจากที่กลับมายังโลกมนุษย์ ความสามารถพิเศษ ” ควบคุมสภาพอากาศ ” ในแผงคุณสมบัติของเขาได้หายไป แต่เขาพบว่าพลังแบบนี้ไม่ได้หายไปทั้งหมด เขายังคงสามารถรบกวนการทำงานของอากาศได้เล็กน้อย
เพียงแต่เนื่องจากความสามารถยังอ่อนแอเกินไป ทำให้ไม่ปรากฏขึ้นบนแผงคุณสมบัติ
ผ่านไปสักพัก เขาชักดาบออกมา
เขานึกถึงความรู้สึกในการกระตุ้นครั้งที่แล้วได้ เขาเพ่งสมาธิทั้งหมดไปที่มัน ทั้งหมดนี้ใช้เพียงเปลวไฟเล็กน้อยเท่านั้น
ตอนที่ปลายดาบเข้าไปใกล้เปลวไฟ ทันใดนั้นเปลวไฟก็สั่นสะเทือนราวกับสายลมกำลังพุ่งออกมาจากปลายดาบ
เขาหยุดแล้วแทงดาบไปด้วยความเร็วเท่าเดิม ดาบแทงออกไปอย่างช้าๆ แต่ที่ไม่เหมือนกับครั้งแรกก็คือ ครั้งนี้จิตใจเขาผ่อนคลาย
ในครั้งนี้เปลวไฟไม่สั่นสะเทือนมาก
” นี่คือความสามารถของการควบคุมสภาพอากาศหรอ? หรือว่าเป็นพลังอย่างอื่นที่ยังไม่รู้จัก? “เขาเกิดความสงสัย ” แต่ว่าจากการเอนของเปลวไฟ ดูเหมือนจะไกลเกินกว่าที่แรงของสภาพอากาศจะทำได้ “
ในเวลานี้เขาเกิดความคิดอะไรบางอย่าง เขาเดินออกจากห้องนอนไปหยิบเต้าหู้จากในครัวมาหนึ่งกล่อง
จากนั้นแกะห่อเต้าหู้ เทน้ำออกจนแห้ง หลังจากตัดเป็นชิ้นเล็กๆ แล้ววางเป็นแนวตั้งบนโต๊ะหนังสือ
จากนั้นเขารวบรวมสมาธิ ใช้ปลายดาบชี้ไปที่เต้าหู้ แล้วแทงดาบออกไปเบาๆ
เขาสังเกตเห็นอย่างรวดเร็วว่า ตอนที่ปลายดาบอยู่ห่างจากเต้าหู้น้อยกว่าสามเซนติเมตร พื้นผิวของเต้าหู้เริ่มสั่นเล็กน้อย เมื่อเข้าใกล้เกือบหนึ่งเซนติเมตร แถบของเส้นใยเต้าหู้ที่บางราวกับเส้นผมตกจากพื้นผิวเต้าหู้อย่างต่อเนื่อง
เฉินโจวอี้รีบเก็บดาบทันที เขามองเต้าหู้ก้อนนั้นอย่างละเอียดสักพักแล้วเกิดความประหลาดใจ
เห็นเพียงว่าพื้นผิวของเต้าหู้ดูเหมือนจะถูกตัดแบ่งออกซ้ำไปซ้ำมาด้วยแรงบางชนิด ยาวประมาณสามถึงสี่เซนติเมตร ช่องว่างหนาน้อยกว่าครึ่งมิลลิเมตร
หลังจากที่เขาใช้ดาบตัดเต้าหู้เป็นแผ่นแนวตรงแล้ว พบว่าลึกที่สุดคือหนึ่งเซนติเมตร
” หรือว่านี่คือไอดาบ? “