Dawn of a new era รุ่งอรุณแห่งยุคใหม่ - ตอนที่ 69
ตอนที่ 69 ตกปลา
ทันใดนั้นเขาหยิบดาบขึ้นมาอีกครั้ง ตั้งใจชี้มันไปที่เทียน แล้วตัดมันด้วยดาบ ปลายดาบพุ่งตัดผ่านไปห่างจากเทียนน้อยกว่าหนึ่งหรือสองมิลลิเมตร
ความเร็วของดาบไม่เร็วและไม่มีการสั่นสะเทือนของอากาศ แต่เทียนถูกตัดแบ่งออกเป็นสองส่วน
เขาหยิบเทียนท่อนที่ยังมีเปลวไฟอยู่ด้านบนขึ้นมา พบว่ารอยตัดเรียบเนียนเหมือนกระจกราวกับว่ามันถูกตัดด้วยเลเซอร์บาง ๆ
เฉินโจวอี้แปลกใจเป็นอย่างมาก จากนั้นเขาจึงไปหากระดาษ ตะเกียบและช้อนสแตนเลสมาทดลอง
ผลก็คือสองอย่างแรกสามารถตัดได้ แต่อย่างหลังตัดไม่ได้แล้ว
หลังจากดาบถูกตัดออกไป เหลือไว้เพียงรอยสัญลักษณ์จางๆ จึงไม่ได้ทำต่อ อีกอย่างหลังจากที่เขาทดลองซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่หลายครั้ง เขารู้สึกว่าจิตของเขาถูกใช้งานหนักเกินไป หนังศรีษะของเขาเริ่มบวมขึ้น รวบรวมสมาธิได้ยากมาก
เฉินโจวอี้ขมวดคิ้ว เขาหยุดการทดลองทุกอย่างลง ในใจเกิดความคิด
” เห็นได้ชัดว่าพลังแบบนี้เป็นพลังทางจิตชนิดหนึ่ง ไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วมันจะมีแค่ความตั้งใจหรือการรับรู้ หรือจะมีทั้งสองอย่าง “
ตอนนี้ความตั้งใจของเขามี 12 จุด วันนี้การรับรู้ของเขาเพิ่มขึ้นมาอีก 0.1 จุด ทำให้มี 11.2 จุดแล้ว
เฉินโจวอี้คิดดูสักพักก็ยังคิดหาเบาะแสไม่ออก ในที่สุดจึงยอมแพ้อย่างหมดหนทาง
….
” พ่อครับ แม่ครับ ผมจะไปเดินเล่นข้างนอกนะครับ จะกลับมาตอนเย็น ” เช้าวันรุ่งขึ้น เฉินโจวอี้กินข้าวเช้าเสร็จแล้วลุกขึ้นพูด
” ระวังตัวด้วย อย่าก่อเรื่องนะ ” แม่ของเขารู้ว่าเขาจะทำอะไร แต่เธอก็ไม่ได้ห้าม แค่พูดขึ้นด้วยความเป็นห่วง
” รู้แล้วครับ! “
” แม่คะ หนูก็จะออกไปเหมือนกัน ” ในเวลานี้เฉินซิงเยว่เองก็พูดขึ้นมาเหมือนกัน
” ลูกจะไปทำไม? ช่วงสองสามวันนี้ลูกควรจะอยู่บ้านนะ “
เฉินโจวอี้ถือกระเป๋าเอกสารที่ด้านในใส่เด็กหญิงเปลือกหอยเอาไว้ เดินลงบันไดไป
เขาพบว่าในตอนเช้า ที่สวนมีคนกำลังฝึกดาบอยู่ เขาจึงอดที่จะหยุดฝีเท้าดูไม่ได้
เธอคนนี้คือเด็กสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเฉินซิงเยว่ ถือดาบไม้กำลังฝึกซ้อมท่าพุ่งแทงดาบซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมเปียด้านหลังสะบัดไปมา ดูมีพลังมาก
ดูเหมือนว่าเธอจะรู้สึกได้ถึงสายตาที่กำลังจ้องมองมา เธอจึงเหลียวมองไปยังเฉินโจวอี้พร้อมทำเสียงไม่พอใจออกมา
เฉินโจวอี้ยิ้มให้อย่างเป็นมิตรแล้วเดินออกจากสวนไป
ผ่านร้านขายหนังสือพิมพ์ เขาจึงซื้อมาอ่านหนึ่งฉบับ
” ถนนทางหลวงหมายเลข 312 ช่วงตงผิง เกิดเหตุฆาตกรรมครั้งใหญ่ ผู้เสียชีวิตถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยมอยู่ในรถ “
” ทางตำรวจพบอาวุธปืนพก ดาบและอาวุธอื่นๆ ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ บนตัวรถยังพบรอยเจาะของลูกธนู ในเบื้องต้นสันนิษฐานว่ามีกลุ่มฆาตกรสองกลุ่ม…..มีรายงานว่าตำรวจกำลังสืบสวนอย่างเต็มที่ หากประชาชนต้องการแจ้งเบาะแส โปรดแจ้งที่สถานีตำรวจท้องที่ในเวลาที่กำหนด “
พอไม่มีอินเทอร์เน็ต ความทันเหตุการณ์ของข่าวล่าช้าไปมาก หลังจากผ่านไปหนึ่งวัน เรื่องฆ่าคนบนถนนทางหลวงถึงจะปรากฏอยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น
เฉินโจวอี้อ่านข่าวจนจบอย่างใจเย็น แล้วขยำเป็นลูกบอลเขวี้ยงลงถังขยะที่อยู่ด้านข้าง
ไม่มีกล้องวงจรปิด ไม่มีพยานหลักฐาน คดีไม่มีมูลเช่นนี้ โอกาสที่จะตามสืบจนเจอว่าเป็นใครมีน้อยมาก
….
เขาเดินเข้าไปในร้านค้าเล็ก ๆ แห่งหนึ่งที่อยู่ด้านข้างเพื่อซื้อหมวกและแว่นกันแดด หลังจากอำพรางตัวอย่างง่าย เขาจึงเดินไปยังที่ที่เขาจอดรถในตอนแรก
ใช้เวลาไม่นานเขาก็มาถึงถนนเล็กๆ เส้นนั้น รถได้หายไปแล้วและมีร่องรอยของการเผาไหม้อยู่รอบ ๆ
เขาแกล้งทำเป็นเดินผ่านทางไป มุ่งหน้าเดินตรงไปเรื่อยๆ ในไม่ช้าเขาเดินมาถึงแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่ยังเปิดให้บริการอยู่
ด้านในเงียบสงบ มีแขกน้อยมาก
เขาเดินไปด้วยพลางมองสำรวจสภาพแวดล้อมโดยรอบไปด้วย
ไม่นานมีชายหนุ่มสวมเสื้อเชิ้ตสีสันสดใสคนหนึ่งเดินเข้ามา ” เถ้าแกอยากเล่นอะไร? “
” ที่นี่มีตกปลาไหม? “
” มีครับ มีแน่นอน ครึ่งวันราคา 30 หยวน เต็มวันราคา 50 หยวน ค่าเช่าเบ็ดตกปลา 30 หยวน ฟรีเหยื่อตกปลา ส่วนปลาที่ตกได้คิดแยกครับ! ” ชายหนุ่มพูดอย่างคล่องปาก
สิบกว่านาทีต่อมา เฉินโจวอี้หยิบเอาเบ็ดไปนั่งตกปลาอยู่ตรงข้ามบ่อปลา
สถานการณ์ปัจจุบันส่งผลกระทบอย่างชัดเจนกับธุรกิจของที่นี่ คนที่มาตกปลามีไม่มากนัก นอกจากเขาแล้ว มีเพียงสี่คนเท่านั้น คือชายวัยกลางคนสองคนและชายชราสองคน
เขามองสำรวจไปสักพัก รู้สึกว่าเป็นคนทั่วไปทั้งหมด จึงไม่ได้สนใจอะไร
คนที่ฝึกศิลปะการต่อสู้ วิธีการออกแรงแบบศิลปะการต่อสู้ได้กลายเป็นนิสัยอย่างหนึ่งไปแล้ว นอกจากเหมือนเฉินโจวอี้ที่จงใจปกปิดตัวตนของตัวเอง นอกนั้นมักจะเปิดเผยความเป็นชาวยุทธของตัวเองออกมาโดยไม่รู้ตัว
เขาเอนกายลงบนเก้าอี้และมองไปที่คันเบ็ดด้วยใบหน้าที่ผ่อนคลาย แต่ดูเหมือนว่าจิตใจของเขาจะไม่สนใจการเคลื่อนไหวตรงถนนฝั่งตรงข้าม
บนถนนมีผู้คนสัญจรไปมา อย่างไรก็ตามยังไม่พบคนที่น่าสงสัย
เขากินมื้อกลางวันที่นี่เช่นกัน จนกระทั่งพลบค่ำถึงจะถือปลาเฉากลับบ้าน ซึ่งเป็นปลาเพียงตัวเดียวที่เขาตกได้ในวันนี้
” โอ้ ลูกไปซื้อของทำกับข้าวมาเหรอ? ” แม่ของเขาถามขึ้น
” ไปตกมาจากแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรครับ “
” ลูกตกปลาเป็นด้วยเหรอ? “
” มันก็ไม่ยากนี่ครับแม่ ผมเรียนรู้นิดเดียวก็ทำได้แล้ว “
….
เฉินโจวอี้ไปตกปลาที่แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรสองวันติด จึงค่อยๆ คุ้นเคยกับชายหนุ่มที่ดูเหมือนจะเป็นลูกชายของเถ้าแก่ไปแล้ว
” ตกปลาไม่ได้ตกกันแบบนี้นะ นายให้เหยื่อแบบนี้นี่เหมือนกับให้อาหารปลาแล้ว “
” เจียงไท่กงตกปลา ตัวไหนเต็มใจก็มาติดเบ็ด การตกปลาคือการตกความรู้สึกอย่างหนึ่ง! ” เฉินโจวอี้พูดขึ้น
” นายมีความสุขก็ดีแล้ว ” ชายหนุ่มยอมให้เขาวางมาดต่อไป พลางหัวเราะแล้วพูดขึ้น
” ฉันได้ยินมาว่าสองสามวันก่อน ดูเหมือนที่นี่จะมีรถถูกเผาใช่ไหม? ” เฉินโจวอี้แสร้งทำเป็นถามไปเรื่อย
” ใครบอกไม่ใช่กันล่ะ รถทั้งคันถูกไฟเผาจนเหลือแต่โครง ได้ยินว่ามีคนลอบวางเพลิง แต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร มันช่างชั่วมากๆ ทุกคนที่นี่ถูกตำรวจสอบสวนตั้งหลายครั้ง ” พอพูดถึงเรื่องนี้ ชายหนุ่มพูดขึ้นอย่างตื่นเต้นทันที
” ยังหาเจ้าของรถไม่ได้เหรอ? ” เฉินโจวอี้ควบคุมอารมณ์ไว้ได้
” น่าจะหาเจอแล้วนะ เมื่อวันก่อนมีคนหนึ่งมาถามฉัน ฉันเลยบอกให้เขาไปที่สถานีตำรวจ “
เฉินโจวอี้เงียบคิดในใจ
พวกมันตามมาถึงที่นี่แล้วเหรอ?
ที่จริงเขาเองก็ไม่คิดว่าการที่ชาวยุทธคนหนึ่งถูกฆ่าตัดคอ จะเป็นเรื่องที่สั่นสะเทือนไปทั่วได้เช่นนี้
ซึ่งนี่มันสื่อได้ถึงว่ามีชาวยุทธอีกหนึ่งคนเข้าร่วมเรื่องในครั้งนี้ด้วย
สำหรับพวกนับถือลัทธินอกรีตที่ไม่สามารถเปิดเผยตัวตนได้และมักจะทำอะไรใต้ดิน ชอบหลบๆ ซ่อนๆ พวกมันต้องรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก กระสับกระส่ายเหมือนมีเข็มแทงอยู่ที่หลังตลอดเวลาถ้าหากพวกมันทำพลาดขึ้นมาอาจทำให้ตกอยู่ในอันตรายได้ ต่อให้ไม่ฆ่าทิ้ง ก็ต้องรู้ว่าอีกฝ่ายคือใคร มีโอกาสดึงมาเป็นพวกได้หรือไม่?
พลังอำนาจของชาวยุทธคนหนึ่ง ไม่ใช่แค่เพียงมีพลังชาวยุทธอันแข็งแกร่งเหมือนกับพวกที่มีสถานะเป็นชาวยุทธฝึกหัด ชาวยุทธส่วนใหญ่จะมีตำแน่งหน้าที่การงานแบบสาธารณะ หรือเป็นพวกมีชื่อเสียงเกียรติยศ ไม่ก็พวกผู้นำอย่างแท้จริง
แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนต่างก็มีอิทธิพลต่อสังคมเป็นอย่างมาก และยังสามารถก้าวขึ้นไปสู่ระดับสูงได้ ซึ่งจุดนี้เป็นจุดที่ชาวยุทธฝึกหัดไม่สามารถเทียบได้
อาจกล่าวได้ว่าตอนนี้พวกนับถือลัทธินอกรีตต่างใช้พลังและอำนาจทั้งหมดที่มีเพื่อค้นหาชาวยุทธลึกลับผู้นี้อยู่
….
ชายหนุ่มพูดคุยกับเฉินโจวอี้ไปสักพัก แล้วไปทำธุระอย่างอื่นต่อ
เฉินโจวอี้เก็บงำความร้อนรนในใจไว้ เขาตกปลาต่ออีกหนึ่งชั่วโมงแล้วชักเบ็ดกลับมา
” วันนี้ไม่ตกปลาแล้วเหรอ? ” ชายหนุ่มถาม
” ตอนบ่ายฉันยังมีธุระ จะไปว่างตลอดวันได้ไงล่ะ ” เฉินโจวอี้ตอบ
….
เฉินโจวอี้ถือปลาทองขนาดตัวเท่าผ่ามือที่ตกมาได้กลับมายังบ้านที่เช่าไว้ ก็เห็นเด็กสาวคนนั้นอีกแล้ว
เธอนั่งอยู่บนม้านั่ง สวมกระโปรงลายสก๊อตสีเทาแดงเผยให้เห็นท่อนขาขาวเรียวบาง ในเวลานี้เธอและเจ้าของบ้านกำลังปลอกเปลือกถั่วลันเตาอยู่ตรงริมทางเข้าสวน
เห็นสายตาของเฉินโจวอี้ที่มองมา เธอรีบหนีบขาแน่นแล้วดึงกระโปรงด้านหน้าลง
” กลับมาแล้วหรอจ๊ะ วันนี้ตกปลาได้อีกแล้วหรอ? ” เจ้าของบ้านจำหน้าเฉินโจวอี้ได้จึงพูดทักทายอย่างสุภาพ
” ใช่แล้วครับ วันนี้โชคดี ปลาตัวนี้มันกินเหยื่อแล้วไม่ยอมปล่อย เลยถูกดึงขึ้นมาได้ ผมไปก่อนนะครับ ” เฉินโจวอี้ยิ้มตอบ
สองสามวันมานี้เขาไม่เคยเห็นสามีของเจ้าของบ้าน และก็ไม่รู้ว่าหย่ากันไปแล้วหรือว่าสามีทำงานอยู่ที่อื่น
เจ้าของบ้านหัวเราะ หลังจากที่เฉินโจวอี้เดินออกไปแล้ว เธอจึงถอนสายตากลับ “เด็กหนุ่มคนนี้ดูเป็นผู้ใหญ่มากเลยนะ น้องสาวของเขาอายุพอๆ กันกับลูกเลย”
” เมื่อสองสามวันมานี้หนูเคยเห็นน้องสาวของเขาแล้ว รู้สึกว่าเธอจะหยิ่งเกินไปนะคะ ไม่ค่อยสนใจคนอื่น ” ลูกสาวพูดขึ้นพร้อมกับเบ้ปาก ” พี่ชายของเธอก็ดูไม่ใช่คนดีอะไร สายตาดูลามกยังไงก็ไม่รู้ เมื่อวานตอนเช้าเขามองหนูตั้งนาน “