Dawn of a new era รุ่งอรุณแห่งยุคใหม่ - ตอนที่ 74
ตอนที่ 74 การทดสอบพิเศษ
โชคดีที่เฉินโจวอี้มาล่วงหน้าหนึ่งวัน
เพราะวันต่อมา โรงแรมนี้ห้องเต็มหมดแล้ว ซึ่งผู้ที่มาเข้าพักล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่มาร่วมการทดสอบชาวยุทธฝึกหัดจากทั่วทุกสารทิศ
นอกจากออกไปกินข้าวข้างนอกแล้ว ช่วงสองวันมานี้เฉินโจวอี้ไม่ได้ออกไปไหนเลย เขาเอาแต่ฝึกซ้อมอยู่ในห้องพัก
ครั้งนี้เด็กหญิงเปลือกหอยดูการ์ตูนซะสมใจอยาก ตั้งแต่ลืมตาตื่นในตอนเช้าไปจนถึงก่อนเข้านอนในตอนกลางคืน สายตาของเธอไม่เคยละไปจากจอคอมพิวเตอร์ จนเฉินโจวอี้เริ่มรู้สึกเป็นกังวลว่าเธอจะสายตาสั้นเพราะมองจอเยอะไป
แต่พอนึกถึงว่าวันแห่งความสบายใจของเธอกำลังจะหมดลง เขาจึงปล่อยเธอตามสบาย
ส่วนลูกสาวของเจ้าของบ้านเช่าดูเหมือนเธอตั้งใจจะหลีกเลี่ยงเขา ในช่วงสองวันนี้เขาไม่เจอหน้าเธอเลย
….
ตอนกลางคืน!
เฉินโจวอี้หลับตาสัมผัสถึงการออกแรงของกล้ามเนื้อทั่วทั้งร่างกายอย่างละเอียด
ดาบพุ่งแทงตัดผ่านอากาศไปเป็นครั้งคราวส่งเสียง ครืน! อย่างต่อเนื่อง
ในเวลานี้เขาได้ซึมซับความแข็งแกร่งทางกายภาพขณะต่อสู้ของชายชุดดำอย่างเต็มที่
ถึงแม้ว่าเมื่อเทียบกับอีกฝ่าย ตัวเขายังมีความต่างชั้นของระดับการควบคุมกล้ามเนื้อทั่วทั้งร่างกายอยู่มาก แต่เขากลับได้รับประโยชน์มากมายจากกระบวนท่าดาบที่เขาไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน รวมถึงเทคนิคความยืดหยุ่นต่างๆ ในกระบวนการต่อสู้
ด้วยการฝึกฝนกระบวนท่าดาบเหล่านี้มาเป็นระยะเวลาสิบวัน ทำให้เขาเริ่มมีความชำนาญขึ้น จนสามารถใช้กระบวนท่าได้ตามใจต้องการ
จนกระทั่งเวลานี้ ในที่สุดจุดเชื่อมโยงที่ขาดหายไปเพียงส่วนเดียวในวิชาดาบของเขาก็ได้รับการเติมเต็มอย่างสมบูรณ์
วิชาดาบที่มีการปรับเปลี่ยนและซื่อตรง แน่นอนว่ามันคือวิชาดาบที่ดีเยี่ยม แต่การเปลี่ยนแปลงของมันจะหายไป
เมื่อก่อนตอนที่เฉินโจวอี้กำลังต่อสู้ ทักษะที่เขาใช้ทั้งหมดคือการแทงดาบ และเขาก็ใช้เป็นแค่ท่าเดียวเท่านั้น
ถึงแม้ว่าผลในการต่อสู้จริงจะไม่เลว แต่ขณะที่ต่อสู้ก็หลีกเลี่ยงที่จะแสดงท่าทางอย่างแข็งทื่อไม่ได้ มันยังขาดความยืดหยุ่น ทำให้เขามักจะพลาดโอกาสไปมากมาย
ตัวอย่างเช่นในการต่อสู้ที่ดุเดือด มีบางครั้งที่แค่ตวัดดาบเดียวก็สามารถจัดการคู่ต่อสู้ได้แล้ว แต่มักจะเป็นเพราะการที่เขายังไม่ชำนาญกระบวนท่าดาบ ร่างกายไม่มีจิตใต้สำนึกในส่วนนี้ ทำให้สัญชาตญาณเปิดระยะโจมตีจนต้องแทงดาบออกไปอีกครั้ง
ซึ่งมันนำไปสู่การไร้ประสิทธิภาพในการต่อสู้ ขณะเดียวกันยังเพิ่มความเสี่ยงให้กับตัวเขาเองอีกด้วย
ตอนนี้ระดับวิชาดาบของเขาเป็นอย่างไรแล้วน่ะเหรอ? เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน นับตั้งแต่การต่อสู้กับชายชุดดำ เขาก็ไม่เคยได้ลองต่อสู้ในสถานการณ์จริงอีกเลย
นอกจากนี้เขายังไม่เจอคู่ต่อสู้ที่เหมาะจะมาเทียบกับเขาได้
แต่ระดับของวิชาดาบในแผงคุณสมบัติกลับเพิ่มสูงขึ้นเป็น “ชำนาญระดับ 18” ในช่วงเวลานี้มันเพิ่มขึ้นมาสามจุดเต็มๆ
ยิ่งทักษะมาถึงระดับหลังมากเท่าไร ความยากในการเพิ่มระดับยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น การเพิ่มขึ้นในแต่ละจุดต่างก็จำเป็นต้องใช้การฝึกฝนนับพันนับหมื่นครั้ง
ในระยะเวลาสิบวันสามารถเพิ่มระดับมาได้ถึงสามจุด ถือว่ารวดเร็วเป็นอย่างมาก
….
เช้าวันรุ่งขึ้น เฉินโจวอี้เอากระเป๋าเอกสารทิ้งไว้ในห้องแล้วล็อคประตู
จากนั้นเดินไปเคาะประตูห้องของอีกฝ่าย จะไปด้วยกันหรือเธอจะไปคนเดียว?
แม้ว่าแม่สาวน้อยดูเหมือนจะคอยระวังเขาอยู่ตลอดเวลา แต่ในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง เฉินโจวอี้คิดว่าเขาควรจะต้องแสดงความเป็นสุภาพบุรุษหน่อย
ในไม่ช้าประตูก็เปิดออก
“ไปด้วยกัน!” โจวเสวี่ยพูดขึ้นอย่างชัดเจน
เธอเก็บข้าวของเสร็จแล้ว เห็นได้ชัดว่าเตรียมพร้อมมานานแล้ว
เธอสวมชุดกีฬาผ้าฝ้ายสีเทาขาว ผมของเธอยังเปียกอยู่ คาดว่าคงอาบน้ำอีกรอบหลังจากอุ่นเครื่องในตอนเช้า
“ตอนนี้พึ่งจะเจ็ดโมงเช้า ไปกินข้าวเช้าก่อนแล้วกัน!” เฉินโจวอี้ดูเวลาพลางพูดขึ้น “พอถึงเวลาก็เดินไปจะได้ย่อยไปด้วย”
หลังเดินออกจากโรงแรม ทั้งสองคนเดินเข้าไปในร้านอาหารเช้าที่อยู่บริเวณใกล้เคียง
….
” นายกินเยอะขนาดนี้เลยเหรอ?” โจวเสวี่ยที่เงียบมาโดยตลอด ในเวลานี้พอเห็นความหิวกระหายอันน่าทึ่งของเฉินโจวอี้ จึงอดที่จะเอ่ยถามไม่ได้
พอเห็นว่าเธอกินเสร็จแล้ว เฉินโจวอี้จึงรีบกินเสี่ยวหลงเปาลูกที่เจ็ดจนหมด แล้วหยิบนมถั่วเหลืองขึ้นมาดื่มอึกหนึ่งพลางพูดขึ้น กินได้เยอะถือเป็นเรื่องดี!
ตะกละเป็นหมูเลย!
โจวเสวี่ยบ่นอุบอิบในใจ
หลังจากเฉินโจวอี้ดื่มนมถั่วเหลืองจนหมด เขาจึงเรียกพนักงานมาคิดเงิน คิดเงินด้วยครับ!
“จ่ายรวมไหม?”
“จ่ายรวมไปเลยครับ!”
“ทั้งหมด 85 หยวน”
เฉินโจวอี้จ่ายแบ้งค์ 100 หยวนไป จากนั้นรับเงินทอนมา
ตอนที่เดินออกมาจากร้านอาหาร โจวเสวี่ยหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาพร้อมกับพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“ครั้งที่แล้วนายติดฉัน 3 หยวน 5 เหมา ฉันให้นายแค่ 15 หยวนพอ”
“ช่างเถอะ มื้อนี้ฉันเลี้ยงเอง” เฉินโจวอี้พูดขึ้น
“ไม่ได้ ทำไมพวกผู้ชายแบบนายถึงชอบเป็นแบบนี้นะ?”
เจอกับคนที่จริงจังกับทุกเรื่องขนาดนี้ เขาหมดหนทางจริงๆ
เฉินโจวอี้จึงทำได้แค่รับเงินของเธอมา
หลังจากนั้นประมาณสิบนาที ทั้งสองคนมาถึงศูนย์กลางศิลปะการต่อสู้ ทันใดนั้นพวกเขาก็ตกใจทันที
ในห้องโถงลงทะเบียนมีคนต่อคิวยาวเหยียด แถวยาวขยายไปถึงตรงโถงทางเดิน
มองดูแถวทั้งแถวด้วยสายตาคร่าวๆ คาดว่าแถวน่าจะยาวประมาณหนึ่งร้อยเมตร คงมีคนต่อแถวอยู่ห้าร้อยหกร้อยคนเห็นจะได้
อีกอย่างตอนนี้ยังไม่แปดโมงเลยด้วยซ้ำ
หลังจากที่เฉินโจวอี้และโจวเสวี่ยต่อแถวอยู่ด้านหลังเรียบร้อยแล้ว ไม่กี่นาทีต่อมา ด้านหลังของพวกเขามีคนมาต่อแถวเพิ่มอีกสิบกว่าคน
วันนี้คนที่มาลงทะเบียนคงมีเกือบพันคนได้
วันนี้จะทดสอบเสร็จไหม?
เฉินโจวอี้เริ่มสงสัย
เวลาค่อยๆ ดำเนินมาถึงตอนแปดโมงครึ่ง
ในเวลานี้มีรถบัสจำนวน 20 กว่าคันทยอยขับมาจอดที่ด้านหน้าศูนย์กลางศิลปะการต่อสู้
ในไม่ช้ามีชายคนหนึ่งกระโดดพุ่งลงจากรถบัสมายังทางด้านนี้
เกิดเสียงฮือฮาท่ามกลางฝูงชนทันที
เฉินโจวอี้เองก็เริ่มรู้สึกตื่นตัวเช่นกัน
ในการก้าวเดินของเขาไม่มีการอำพรางใดๆ ทั้งสิ้น เขาใช้ก้าวพื้นฐานของวิถีแห่งยุทธในการก้าวเดิน แต่ละก้าวสามารถข้ามไปได้ไกลถึงสี่ห้าเมตร
ระดับเช่นนี้เขาเองก็ทำได้เหมือนกัน แต่เมื่อเทียบกับอีกฝ่ายที่สามารถทำได้อย่างลื่นไหลตามใจต้องการ เขาเองยังคงด้อยกว่าอยู่เล็กน้อย
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ชายคนนี้คือชาวยุทธอย่างแน่นอน
ในไม่ช้าเขาก็เดินมาถึงด้านหน้าของบรรดาผู้เข้ารับการทดสอบ พลางพูดตะโกนด้วยเสียงก้องกังวาลราวกับระฆัง ทุกคนเงียบ!
เมื่อได้ยินเสียงเข้มของอีกฝ่าย วินาทีต่อมา ทุกคนปิดปากเงียบ รอบด้านพากันเงียบเสียงลงจนไม่ได้ยินเสียงใดๆ
สีหน้าของชาวยุทธคนนั้นเต็มไปด้วยความพึงพอใจ
“ตอนนี้ขอประกาศแจ้งล่วงหน้า เนื่องจากการทดสอบครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมการทดสอบค่อนข้างมาก ทำให้ไม่สามารถควบคุมได้ ดังนั้นจึงขอทำการเปลี่ยนแปลงสถานที่ที่ใช้ทดสอบชั่วคราว ตอนนี้ขอให้ทุกคนขึ้นไปนั่งบนรถบัสด้วย”
….
เฉินโจวอี้เริ่มเกิดความสับสน
นอกจากศูนย์กลางการทดสอบศิลปะการต่อสู้แล้ว ยังมีที่ไหนที่สามารถทำการทดสอบได้อีก?
หรือว่าเมืองใกล้เคียง? แต่ก็ไม่น่าไปทั้งหมดได้นี่นา?
แต่ไม่ว่าจะสงสัยมากน้อยแค่ไหน เขาก็ทำได้แค่เดินตามคนอื่นขึ้นรถบัสไป
ในครั้งนี้โจวเสวี่ยไม่ได้รังเกียจที่จะนั่งข้างเขา
หรือบางทีเมื่อเทียบกับเขาที่ค่อนข้างเป็นคนคุ้นเคย คนอื่นอาจเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเธอ
ในไม่ช้ารถบัสก็ขับออกไป
หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง รถค่อยๆ ขับออกมาจากเขตเมือง ยิ่งขับออกมายิ่งห่างไกลไปเรื่อยๆ จากนั้นรถขับเข้าไปยังถนนคดเคี้ยวเส้นหนึ่ง
ในเวลานี้เฉินโจวอี้เห็นป้ายเตือนที่ด้านนอกหน้าต่างมีข้อความระบุว่า:
“พื้นที่ทางทหาร คนนอกไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป!”
นี่จะไปพื้นที่ของทหารเหรอ?
ภายในรถเกิดเสียงฮือฮาขึ้น ทุกคนต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์
หลังจากนั้นไม่นานก็มีเสียงเตือนจากพวกทหาร จากนั้นรถบัสจอดลงอยู่ครู่หนึ่ง ดูเหมือนกำลังยืนยันกับทางด่านตรวจ
ไม่นานหลังจากนั้น รถก็ขับต่อไปอีก
มีป้อมทหารหลายป้อมกระจายตัวอยู่ในป่าทึบที่อยู่ไกลออกไป ด้านบนมีอาวุธปืนและปืนกลติดตั้งเต็มไปหมด ดูน่าหวาดกลัวต่อผู้พบเห็น
….
สองนาทีต่อมา ในที่สุดรสบัสก็ขับมาถึงที่หมาย
เฉินโจวอี้มองสำรวจไปยังฝูงชนแล้วมองไปยังพื้นที่โดยรอบ
บนยอดเขารอบด้านดูเปลือยเปล่าไม่มีต้นไม้ เห็นได้ชัดว่าถูกเทปูนกลบไว้
ห่างออกไปไม่ไกลราวสิบกว่าเมตรมีถ้ำขนาดใหญ่อยู่แห่งหนึ่ง ดูจากความกว้างน่าจะมีประมาณหกสิบถึงเจ็ดสิบเมตร ภายนอกเสริมด้วยคอนกรีตและเหล็ก
ในเวลานี้ผู้ที่มาเข้ารับการทดสอบเริ่มพูดคุยกระซิบกระซาบกัน ชายคนที่เคยออกมาแจ้งประกาศเมื่อก่อนหน้านี้ เดินออกมาและพูดขึ้นอีกครั้งว่า:
“บางทีทุกคนอาจจะพอเดาออกแล้ว ด้านหน้าคืออุโมงค์มิติที่ซ่อนตัวอยู่ ครั้งนี้เราจะทำการทดสอบด้านในอุโมงค์มิติ”
” แน่นอนว่าอุโมงค์มิติแห่งนี้ได้รับการสำรวจมาหลายครั้งและค่อนข้างปลอดภัย แต่พวกเราไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีอันตรายอะไรอยู่ด้านใน ดังนั้นจึงใช้หลักของความสมัครใจ ถ้าหากไม่อยากเข้าไป ก็ให้รออยู่ที่เดิม แต่การกระทำของคุณอาจจะส่งผลต่อแฟ้มประวัติของคุณเช่นกัน”
ฝูงชนแตกฮือในทันที
“ฉันขอถอนตัว” ชายวัยกลางคนคนหนึ่งยืนขึ้นอย่างสงบ ด้วยอายุวัยนี้ของเขาที่มีทั้งภรรยาและลูกแล้ว เขาไม่ต้องการที่จะเสี่ยง
“ผมก็ขอถอนตัวเหมือนกัน!”
ในบรรดาฝูงชนเริ่มมีคนทยอยถอนตัว รวมแล้วคนที่ถอนตัวทั้งหมดมีจำนวนสิบกว่าคน
เฉินโจวอี้มองไปยังโจวเสวี่ย พบว่าสีหน้าของเธอดูแน่วแน่ ไม่มีวี่แววของการถอนตัวเลย
“เอาล่ะ งั้นตอนนี้ก็ตามพวกเราเข้ามา ส่วนเรื่องการลงทะเบียน หลังจากผ่านการทดสอบ เราจะกลับไปที่ศูนย์กลางการทดสอบศิลปะการต่อสู้อีกครั้งเพื่อรับใบรับรอง ส่วนคนที่ถอนตัว ให้รออยู่ตรงนี้ พอถึงตอนนั้นจะมีคนมาบันทึกข้อมูลของพวกคุณ”
เฉินโจวอี้ที่ในตอนแรกยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาเรื่องตัวตนของเขา พอได้ยินคำพูดที่ว่ามานั้น เขาจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก