Dawn of a new era รุ่งอรุณแห่งยุคใหม่ - ตอนที่ 75
ตอนที่ 75 คุ้มกันแน่นหนา
จากนั้นทุกคนเดินตามผู้คุมการทดสอบทั้งแปดคนเข้าไปในถ้ำ
เห็นได้ชัดว่าผู้คุมการทดสอบทั้งแปดคนนี้เป็นชาวยุทธ ขณะที่พวกเขาก้าวเดิน ร่างกายของพวกเขาทำงานประสานกันลื่นไหลราวกับสายน้ำ
คาดว่าถ้าเอาชาวยุทธที่มีทั้งหมดในเมืองตงหนิงมารวมกันคงได้จำนวนเท่านี้แหละ
แต่ที่หนิงโจว ทุกครั้งที่มีการทดสอบ จะมีชาวยุทธถูกส่งมามากมาย
เนื่องจากในเมืองใหญ่มีการศึกษา โครงสร้างพื้นฐานและการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพสูง ทำให้มีผู้มีความสามารถเกิดขึ้นมากมายในพื้นที่โดยรอบ จำนวนชาวยุทธที่หาได้ยากในเมืองตงหนิงไม่ได้มีอยู่ทุกหนทุกแห่งอย่างเมืองหนิงโจว เมืองหนิงโจวมีชาวยุทธมากกว่าเมืองตงหนิงนับร้อยเท่า ชาวยุทธในเมืองหนิงโจวมีจำนวนมากกว่าหลายร้อยคน
….
ถ้ำแห่งนี้มีขนาดใหญ่มาก จากการประมาณคร่าวๆ พบว่าด้านในถ้ำมีพื้นที่หลายหมื่นตารางเมตรราวกับลานกว้างขนาดใหญ่
แต่ละด้านของถ้ำมีรถหุ้มเกราะทหารราบจำนวนสี่คันและรถถังขนาดกลางอีกหนึ่งคัน จอดเทียบทั้งสองด้านไว้ ใกล้กับรถหุ้มเกราะทหารราบแต่ละคันรวมถึงรถถังจะมีทหารประจำการอยู่ห้านาย เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉิน
ในอากาศดูเหมือนจะมีกลิ่นของเขม่าควันปืนแพร่กระจายอยู่จางๆ
เมื่อทุกคนมาถึงที่นี่ เสียงพูดคุยเงียบลงไปอย่างไม่รู้ตัว บรรยากาศค่อนข้างจะหดหู่
สำหรับผู้คนที่ใช้ชีวิตในความเงียบสงบมาโดยตลอด พวกเขาจะเคยเห็นฉากแบบนี้มาก่อนได้อย่างไร
บรรดาปลายกระบอกปืนที่หนาแน่นนั่น ทำให้ผู้คนอดที่จะเป็นกังวลไม่ได้ว่าจะมีการโจมตีที่น่ากลัว กราดยิงทุกคนจนกระจุยหรือเปล่า
เฉินโจวอี้ละสายตาไปจากภาพนี้ พลันสังเกตเห็นที่ด้านหน้าลานกว้างในถ้ำมีประตูเหล็กขนาดใหญ่พร้อมทหารติดอาวุธสี่นายยืนประจำการอยู่สองฝั่งประตู
อุโมงค์มิติคงอยู่ด้านในนั้นแน่ๆ
ผู้คุมการทดสอบหนึ่งคนเดินไปด้านหน้ายื่นบัตรผ่านประตูและเอกสารหนึ่งฉบับให้แก่ทหาร
ทหารพลิกอ่านเอกสารอยู่สองสามหน้า แล้วทำความเคารพผู้คุมการทดสอบ จากนั้นกดปุ่มที่อยู่ถัดไป เมื่อเสียงของมอเตอร์ทำงาน ประตูเหล็กค่อยๆ เปิดออกจากกันอย่างช้าๆ เผยให้เห็นอุโมงค์มิติด้านใน
ขนาดความกว้างและความสูงของอุโมงค์มิตินี้มีประมาณหกเจ็ดเมตร รถถังสามารถเข้าไปได้ ภายในเสริมโครงเหล็กหนา เปล่งแสงเงาของโลหะสีดำมืดออกมา
ภายในมีการคุ้มกันแน่นหนา เดินมาถึงตรงนี้ เฉินโจวอี้เริ่มรู้สึกตื่นตระหนกขึ้น
เขามองเห็นกล้องวงจรปิดและปืนกลในทุกระยะห่างเพียงไม่กี่เมตร นอกจากนี้เหนือหัวของเขายังมีรูเล็กๆ อีกเป็นจำนวนมาก
เขาเดาว่าน่าจะเอาไว้ปล่อยแก๊สพิษ
ด้านในไม่ได้มีประตูเหล็กแค่หนึ่งประตู!
ทุกคนเดินผ่านประตูเหล็กเข้าไปสามประตู ประตูเหล็กสองประตูแรกยังเป็นหลอดไฟนีออน แต่พอมาถึงประตูสุดท้ายกลายเป็นตะเกียงน้ำมัน ระบบไฟฟ้าถูกแทนที่ด้วยเครื่องจักรไอน้ำแทน
ในขณะเดียวกัน เฉินโจวอี้รู้สึกว่ามีพลังงานบางอย่างก่อตัวขึ้นในร่างกายส่วนลึกของเขา ความสามารถของเขากำลังฟื้นตัวขึ้น
อุโมงค์มิติอยู่ตรงหน้าแล้ว!
….
“ก่อนที่จะเข้าไป ผมจะขอพูดอะไรสักหน่อย การทดสอบครั้งนี้มีจำนวนคนค่อนข้างเยอะ พวกผู้คุมการทดสอบดูแลได้ไม่ทั่วถึง เพื่อความปลอดภัย ดังนั้นพวกเราจะแบ่งกลุ่มเข้าไป กลุ่มแรกสองร้อยคน พอถึงตอนนั้นแต่ละคนจะได้รับธนูหนึ่งคันและอาวุธเหล็กกล้าหนึ่งชิ้น” ผู้คุมการทดสอบที่ยืนนำพูดตะโกนขึ้น “ตอนนี้เริ่มแบ่งเป็นแปดแถวก่อน ถ้าหากมีคนก่อความวุ่นวาย การทดสอบในครั้งนี้จะถูกยกเลิกทันที”
ฝูงชนแตกฮือรีบแบ่งแถวในทันที
ท่ามกลางสายตาอันแหลมคมของผู้คุมการทดสอบทั้งแปดคน จึงไม่มีใครกล้าแทรกแถว
เฉินโจวอี้ประมาณจำนวนคนที่อยู่ด้านหน้าเขา พบว่ากว่าจะมาถึงรอบของเขา ก็เป็นรอบที่สองแล้ว
“เอาล่ะ! ยี่สิบห้าคนแรกของแต่ละแถวตามผมมาหยิบอาวุธ”
ผู้คุมการทดสอบเปิดประตูเหล็กที่ล็อคไว้ด้านข้างอุโมงค์มิติ จากนั้นผู้เข้ารับการทดสอบทยอยเดินเข้าไปในอุโมงค์มิติทีละคน
รอให้ทุกคนออกมาอีกครั้ง แต่ละคนก็หยิบเอาอาวุธขึ้นมาถือไว้แล้ว
อาวุธที่ใช่ไม่ใช่ดาบไม้หรือมีดไม้อะไรนั่น แต่มันคือดาบจริงมีดจริง ลูกธนูไม่ใช่ลูกธนูที่เอาไว้สำหรับฝึก แต่มันคือลูกธนูโลหะของจริง
นี่พวกเขาต้องการจะทำอะไร?
เฉินโจวอี้รู้สึกได้ว่าตั้งแต่เกิดการรุกรานจากสนามพลังของโลกที่แตกต่าง ดูเหมือนประเทศจีนกำลังเตรียมการบางอย่างอยู่
การเปลี่ยนแปลงวิธีการทดสอบชาวยุทธฝึกหัดอย่างฉับพลันในครั้งนี้ ดูท่าน่าจะเป็นเพียงส่วนเล็กๆ เท่านั้น
ทหารที่ยืนประจำการอยู่ด้านหน้าไม่กี่คนร่วมกันใช้แรงดึงวาล์วขนาดใหญ่ จากนั้นเสียงฝืดชวนเสียวฟันของเกียร์ดังขึ้น ในที่สุดประตูเหล็กก็ค่อยๆ เปิดออก ที่ด้านในเผยเห็นแสงสีส้มนวลปรากฏขึ้น
….
หลังจากที่ผู้คุมการทดสอบเดินเข้าไป ฝูงชนเริ่มวิพากษ์วิจารณ์ จนเกิดความโกลาหลไปทั่ว
“นี่มันโลกที่แตกต่างเชียวนะ ฉันยังไม่เคยเข้าไปมาก่อนเลย ได้ยินมาว่าข้างในมีแรงโน้มถ่วงสูงกว่าโลกตั้งสามเท่า”
“คงจะไม่ใช่ให้พวกเราไปฆ่าคนเถื่อนใช่ไหม?
“นายคิดมากไปแล้ว แค่ความสามารถอย่างพวกเรา คงมีแต่จะเป็นฝ่ายถูกคนเถื่อนฆ่าตายเสียมากกว่า!”
“ที่จริงน่าจะไม่มีอันตรายอะไรนะ ถ้าหากมีคนตายขึ้นมา คงเป็นเรื่องใหญ่แน่ บรรดาพวกผู้คุมการทดสอบพวกนั้นก็ต้องรับผิดชอบ”
….
“นายไม่กลัวเลยเหรอ?” ชายหนุ่มอายุยี่สิบกว่าที่ยืนอยู่ข้างเฉินโจวอี้รู้สึกประหม่าจนมือเท้าสั่นไปหมด พอเห็นว่าเฉินโจวอี้ยังคงยืนทื่ออยู่ตรงนั้นโดยไม่แสดงสีหน้าใดๆ จึงอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความแปลกใจ
“อ้อ กลัวสิ!” เฉินโจวอี้ดึงสติกลับมา แล้วหันมาตอบเขา
กลัวที่ไหนกันล่ะ?
เขาอยู่ในโลกที่แตกต่างมานานขนาดนี้ แถมยังเคยฆ่าคนเถื่อนมาแล้วตั้งยี่สิบสามสิบคน อีกอย่างอุโมงค์มิติที่เคยถูกสำรวจมาตั้งหลายครั้งแบบนี้ จะไปมีอันตรายได้อย่างไร
“ฉันเห็นนายทำท่าทีเหม่อลอยดูแข็งทื่อนี่นา”
“นี่คือวิธีบรรเทาความกลัวอย่างหนึ่ง ขอแค่ทำจิตให้ว่าง ไม่วอกแวก ไม่คิดอะไร นายก็จะไม่รู้สึกกลัวแล้ว” เฉินโจวอี้โกหก
“จริงเหรอ งั้นฉันจะลองดู!”
เขาคิดว่าเป็นเรื่องจริง จึงทำจิตให้ว่างตามที่เฉินโจวอี้แนะนำ
“ได้ผลไหม?” พึ่งจะผ่านไปได้ไม่นาน ชายวัยกลางคนที่อยู่ใกล้กันอดที่จะเอ่ยถามไม่ได้
โจวเสวี่ยหูผึ่งทันที
“ผมเพิ่งจะทำจิตให้ว่าง ก็ถูกคุณเรียกให้ตื่นนี่แหละ แต่ดูเหมือนมันจะได้ผลเล็กน้อยนะ”
….
ที่ทำให้เฉินโจวอี้รู้สึกประหลาดใจก็คือ เขาแค่พูดไปเรื่อยไม่มีแก่นสาร กลับทำให้หลายคนที่อยู่ใกล้เคียงทำตาม พอหันหลังกลับไปมอง จะเห็นว่าผู้คนทั่วทุกที่กำลังทำตาเหม่อลอยดูแข็งทื่อดังหุ่นไก่
แต่ละคนดูราวกับไก่ที่เป็นโรคระบาด
ขนาดโจวเสวี่ยที่มักจะแสดงท่าทีเย็นชาออกมา ยังเป็นไปกับเขาด้วย
หรือมันจะได้ผลจริง?
เฉินโจวอี้เริ่มไม่เข้าใจแล้ว
….
หลังผ่านไปหนึ่งนาทีกว่า มีชายคนหนึ่งเดินกะเผลกออกมาจากอุโมงค์มิติ
สีหน้าของเขาดูตื่นตระหนก สองมือและเข่าทั้งสองข้างของเขาเต็มไปด้วยเลือด
“ไอ้น้องชาย ผ่านการทดสอบไหม?”
เขาส่ายหัวด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย “โชคร้ายไปหน่อย ผมเดินไม่ระวังเลยสะดุดหญ้าล้ม แขนหักเลย”
ตอนนี้ทุกคนถึงจะสังเกตเห็นว่าแขนของเขามีอะไรนูนออกมา
เนื่องจากแรงโน้มถ่วงที่มากกว่าถึงสามเท่า ต่อให้กระดูกแข็งแรงอย่างพวกชาวยุทธฝึกหัด ถ้าหากล้มขึ้นมา ก็คงจะไม่เป็นการดีแน่นอน
“นายโชคไม่ดีเลย ข้างในอุโมงค์มิติเป็นอย่างไรบ้าง แล้วก็ทดสอบตามรายการครั้งก่อนไหม?”
“ครั้งนี้ไม่ได้มีรายการทดสอบมากเหมือนครั้งที่แล้ว ในอุโมงค์มิติดูเหมือนจะเป็นเกาะกลางทะเลแห่งหนึ่ง เนื้อหาของการทดสอบมีเพียงอย่างเดียวคือฆ่านกทะเลชนิดหนึ่งที่มีนิสัยดุร้าย ถ้าฆ่าได้หนึ่งตัวก็จะผ่านการทดสอบ แต่ผมกลับมาโดยที่ยังไม่ได้เห็นมัน”
ฟังชายหนุ่มคนนั้นตอบ เฉินโจวอี้จึงแอบพูดในใจ ดูเหมือนว่าข้อกำหนดในการทดสอบครั้งนี้จะกลายเป็นเรื่องง่าย ดูไม่เข้มงวดเท่าครั้งก่อน กาารฆ่านกสามารถใช้ได้ทั้งธนูหรือจะใช้อาวุธเหล็กกล้าก็ได้ขอแค่มันเหมาะสม ยังไงก็ผ่านอยู่แล้ว
“และนอกจากนี้หากสามารถเคลื่อนไหวในโลกที่แตกต่างได้ และยังสามารถฆ่านกทะเลได้อีกหนึ่งตัว มันแสดงให้เห็นว่าสมรรถภาพทางร่างกายผ่านการทดสอบแล้ว”
….
หลังจากผ่านไปไม่นาน เริ่มมีคนทยอยออกมาแล้ว
บางคนหน้าซีดเผือด บางคนสีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น บางคนมีเลือดเต็มตัว บางคนเนื้อตัวสะอาดสะอ้าน
สิบห้านาทีต่อมา ขณะที่ชาวยุทธฝึกหัดที่กระดูกขาแตกห้าท่อนคนหนึ่งถูกผู้คุมการทดสอบแบกออกมา บรรยากาศก็เงียบสงบลงในทันที
“ขอประกาศเตือนอีกครั้ง การทดสอบในครั้งนี้มีอันตราย หากต้องการถอนตัวตอนนี้ยังทัน”
แต่ในครั้งนี้ไม่มีใครถอนตัว คนที่ได้รับบาดเจ็บมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น มีไม่ถึง 10% ด้วยซ้ำ อีกอย่างโอกาสในการผ่านการทดสอบมีค่อนข้างสูง ดูเหมือนจะมีมากถึง 30% ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงไม่สามารถจินตนาการถึงได้
ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือไม่มีผู้เข้ารับการทดสอบตายสักคน
“ตอนนี้ขอเชิญแถวต่อไป ยังคงเป็นยี่สิบห้าคนแรกของแต่ละแถวเหมือนเดิม”
ในที่สุดก็มาถึงรอบของเฉินโจวอี้เสียที
สีหน้าของเขาแน่วแน่ เขาแทบจะทนรอไม่ไหวแล้ว
จากนั้นเขาและโจวเสวี่ยจึงเดินตามฝูงชนเข้าอุโมงค์มิติไป