Dawn of a new era รุ่งอรุณแห่งยุคใหม่ - ตอนที่ 76
ตอนที่ 76 ระมัดระวัง
พอเฉินโจวอี้เข้าไปในอุโมงค์มิติ รอบกายเขาในระยะหนึ่งถึงสองเมตรมีลมที่มองไม่เห็นก่อตัวขึ้นพัดเข้าหาเขาโดยอัตโนมัติ
เขาตระหนักได้ทันทีถึงความสามารถในการควบคุมลมของเขา ดูเหมือนมันจะพัฒนาขึ้นมาก เมื่อก่อนเขาควบคุมมันได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
แต่ตอนนี้…..เขาก็ยังสามารถควบคุมลมได้เพียงเล็กน้อยเช่นกัน
แต่แน่นอนว่ายังพอมีความก้าวหน้าอยู่บ้าง
เมื่อก่อนเขาทำได้แค่เป่ามดปลิวหนึ่งตัว แต่ตอนนี้น่าจะสามารถเป่าแมลงวันให้ปลิวได้แล้ว
ด้วยคำพูดเปรียบเทียบเช่นนี้ ทำให้ความก้าวหน้าของเขาดูพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด
….
“นายไม่เป็นไรใช่ไหม?” โจวเสวี่ยที่ยืนอยู่ด้านหลังโพล่งถามขึ้น
เฉินโจวอี้ดึงสติกลับมา เขาพบว่าตัวเองหยุดยืนไปครู่ใหญ่ จึงรีบล้มเลิกการควบคุมอากาศอย่างรวดเร็ว แล้วรีบเดินตามคนอื่นไป
เขาถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนหน้านี้เขาควบคุมลมเป็นเวลานาน แต่คนที่อยู่ด้านหลังกลับไม่รู้สึกถึงมันเลย
….
อุโมงค์มิติแห่งนี้ไม่ได้ติดอยู่กับพื้นดิน แต่มันอยู่ห่างจากพื้นดินประมาณครึ่งเมตร ดังนั้นพวกเขาจึงทำบันไดไว้เพื่อให้สะดวกต่อการเข้าไป
เขาเดินลงบันไดไปแล้วมองสำรวจไปรอบๆ
เขาไม่แน่ใจว่านี่ใช่เกาะหรือเปล่า นอกจากพื้นที่ทางด้านซ้ายห่างออกไปสองสามร้อยเมตร สามารถมองเห็นหาดทรายได้ พื้นที่ที่เหลือล้วนแล้วแต่เป็นเนินเขาและมีต้นไม้เขียวชอุ่มขึ้นสลับทับซ้อนกัน ถ้าหากว่านี่คือเกาะจริงๆ คงเป็นเกาะที่น่าอัศจรรย์มาก
“ทุกคนเดินเข้ามาหยิบอาวุธ ถ้าหากไม่เจออันที่เหมาะสมก็เดินกลับไปหยิบที่คลังอาวุธเอง” ผู้คุมการทดสอบพูดเสียงดังฟังชัด
มองดูผู้เข้ารับการทดสอบจำนวนมากที่เดินแต่ละก้าวอย่างระมัดระวัง เฉินโจวอี้จึงเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ตามคนอื่นเช่นกัน
เขาไม่อยากแสดงความสามารถออกมามากไป เพราะมันไม่เข้าท่าเอาเสียเลย
อีกอย่างตัวตนของเขาอาจจะยังเป็นปัญหาอยู่ ถ้าหากแสดงความสามารถที่มีอยู่ออกมาเยอะเกินไปอาจจะเป็นจุดสนใจเอาได้ และมันยังเป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้ตัวเขาด้วย สู้ผ่านการทดสอบอย่างราบรื่นจะดีกว่า
อาวุธถูกวางไว้เป็นกอง ซึ่งถูกทิ้งไว้โดยผู้เข้ารับการทดสอบชุดก่อนหน้า
ไม่ว่าจะเป็นธนู มีด ดาบหรือปืน มีให้เลือกมากมายหลายชนิด
เฉินโจวอี้ไม่เหมือนผู้เข้ารับการทดสอบคนอื่นที่เลือกแล้วเลือกอีก เขาสุ่มหยิบดาบออกมาหนึ่งเล่ม ธนูหนึ่งคันและลูกธนูหนึ่งซอง
หลังจากที่เขาติดอาวุธครบแล้ว จึงกลับไปยืนอยู่ด้านข้าง
ผู้คุมการทดสอบวัยรุ่นคนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านข้างมองเฉินโจวอี้แวบหนึ่ง พลางพูดขึ้นด้วยความแปลกใจ
“สมรรถภาพของคุณดูไม่เลวเลยนะ!”
“สวัสดีครับผู้คุมการทดสอบ พละกำลังของผมมีค่อนข้างเยอะมาแต่ไหนแต่ไรแล้วครับ” เฉินโจวอี้รีบตอบ
ไม่ว่าจะพยายามปิดบังแค่ไหน แต่รายละเอียดบางอย่างไม่สามารถปิดบังได้ ยกตัวอย่างเช่นการเคลื่อนไหวของเขาค่อนข้างเป็นธรรมชาติ ไม่มีความฝืดหรือติดขัดภายใต้แรงโน้มถ่วงที่สูงถึงสามเท่า อีกอย่างลักษณะท่าทางของเขาไม่เหมือนผู้เข้ารับการทดสอบทั่วไปที่มีท่าทีเหมือนเผชิญหน้ากับศัตรูอยู่
โจวเสวี่ยที่ถือดาบแนบไว้กับตัว พอได้ยินผู้คุมการทดสอบเอ่ยชมเฉินโจวอี้ จึงอดไม่ได้ที่จะเหลือบไปมองเขาด้วยความสงสัย
ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายดูจะไม่เหมือนเดิม สีผิวของเขาดูขาวนวลขึ้น ขนาดดวงตาของเขายังดูส่องสว่างและลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น ราวกับว่าแฝงไปด้วยไอลึกลับบางอย่าง
คนก็ยังเป็นคนเดิม รูปร่างหน้าตาก็ยังเป็นแบบเดิม
ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงดูหล่อไม่มาก แต่ตอนนี้กลับดูเหมือนเขาไปฉีดฟิลเลอร์ที่ใบหน้ามายังไงยังงั้น มันดูส่องสว่างขึ้นทันที
ใบหน้าของโจวเสวี่ยเป็นสีแดงระเรื่อ เธอรีบหลบสายตาของเขาอย่างรวดเร็วแล้วทำเสียงจิ๊จ๊ะ
ผู้ชายมันไม่ได้เรื่องเหมือนกันหมด!
….
ที่จริงแล้วเฉินโจวอี้ไม่ได้สังเกตเลยว่าตั้งแต่ที่เข้ามาในโลกที่แตกต่าง ความสามารถในการฟื้นฟูตามธรรมชาติของเขาไม่เพียงแต่ช่วยให้เขารักษาตัวเองได้ แต่มันยังทำให้รูปลักษณ์ของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ทำให้เขาดูมีเสน่ห์น่าสนใจมากยิ่งขึ้น
“ใครที่อยากมาอยู่ฝั่งฉันให้มารวมตัวกันตรงนี้” ผู้คุมการทดสอบวัยรุ่นคนเมื่อครู่นี้พูดขึ้น
บนตัวเขาติดอาวุธเหมือนกัน
ทันใดนั้นเฉินโจวอี้และโจวเสวี่ยรวมถึงคนอื่นหลังจากที่ติดอาวุธครบแล้ว จึงเดินไปทางเขา
“คุณ คุณ คุณ แล้วก็คุณไปอยู่กับผู้คุมการทดสอบคนอื่น คนที่เหลือเดินตามผมมา”
ผู้คุมการทดสอบชี้ไปที่คนจำนวนหนึ่ง หลังจากที่ขจัดคนส่วนเกินออกไปไม่กี่คนแล้ว เขาเดินนำพาทีมของเขาไปยังชายหาด
“ระวังตอนเดินด้วย ก่อนหน้านี้มีคนไม่น้อยที่โชคไม่ดีล้มลงไปกับพื้น จนต้องถอนตัวจากการทดสอบ แบบนั้นมันน่าอายเกินไป” ผู้คุมการทดสอบกล่าวเตือนด้วยความหวังดี
ผู้คุมการทดสอบเป็นชายหนุ่มอายุประมาณยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดปี รูปร่างหน้าตาหล่อเหลา
บางทีด้วยรูปร่างหน้าตาของเขาอาจทำให้รู้สึกดีเวลาพูดคุยด้วย โดยเฉพาะพวกผู้หญิงจำนวนมากที่คิดว่าตัวเองสวยเริ่มที่จะพูดจาแทะโลมเขา
“พี่ชาย พอถึงตอนนั้นพี่ต้องดูแลน้องสาวดีๆ นะ”
นี่ยังถือว่าสงวนท่าทีอยู่
“หลังทดสอบเสร็จ เดี๋ยวตอนเย็นฉันจะชวนพี่ไปดื่มกาแฟนะ”
อันนี้ค่อนข้างกล้าเกินไปแล้ว
ทันใดนั้นเฉินโจวอี้สังเกตเห็นว่าผู้ควบคุมการทดสอบที่เดินอยู่ด้านหน้ากำลังหัวเราะหึๆ จากนั้นเขาหันมาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ครั้งนี้ผมจะแค่เตือนพวกคุณสองคนก่อน ครั้งต่อไปถ้าพวกคุณยังก่อกวนผู้ควบคุมการทดสอบอีกล่ะก็ คะแนนการทดสอบของพวกคุณจะเป็นศูนย์คะแนนทันที ตอนที่ผมควรจะดูแล ผมก็ต้องดูแลอยู่แล้ว แต่เมื่อถึงตอนที่ผมเข้ามาดูแลนั้น มันหมายถึงว่าพวกคุณล้มเหลวในการทดสอบเช่นกัน ดังนั้นโปรดจำไว้ว่าอย่ามาขอร้องให้ผมดูแลพวกคุณ!”
ผู้หญิงทั้งสองคนหน้าซีดและทำตัวไม่ถูกไปครู่หนึ่ง เดิมทีมีผู้เข้ารับการทดสอบหลายคนที่อยากจะใกล้ชิดเขา แต่ก็ต้องโยนความคิดนั้นออกไปทันที
ผู้ควบคุมการทดสอบยังคงพูดต่อไป
“ผมขอเตือนหน่อยแล้วกัน บนชายหาดมีนกอยู่หลายตัว นกชนิดนี้ดุร้ายมาก อย่าเข้าไปใกล้พวกมันเกิน ไม่อย่างนั้นอาจทำให้พวกมันโจมตีเป็นฝูงได้ ต่อไปถ้าพูดมากเกิน พอถึงตอนนั้นผมเองก็อาจจะช่วยพวกคุณไม่ทัน อีกอย่างถ้าต้องให้ผมลงมือ การทดสอบของพวกคุณจะถือว่าล้มเหลวทันที โปรดจำเอาไว้ด้วยว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น รีบก้มหน้าแล้วหมอบลง ไม่อย่างนั้นลูกตาของพวกคุณอาจจะหลุดออกมาจากเบ้าได้”
เฉินโจวอี้ผู้ไม่สนใจอะไรในตอนแรก เริ่มฟังอย่างจริงจังขึ้น ถ้าหากถูกฝูงนกโจมตีขึ้นมาจริง มันคงเป็นอันตรายมาก
ผ่านไปไม่นาน เขาก็มองเห็นฝูงนกสีเทาขนาดใหญ่กำลังเดินเล่นในทะเลน้ำตื้น บางครั้งก็กระโจนลงไปในน้ำทะเลจนน้ำกระเซ็น ราวกับกำลังหาอาหารอยู่
นกชนิดนี้ใหญ่กว่านกพิราบ มีจงอยปากสั้นและปลายด้านหน้าเป็นทรงตะขอเล็กน้อย ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเหมาะสำหรับเอาไว้ฉีกกัด
ด้วยพละกำลังของสิ่งมีชีวิตในโลกที่แตกต่าง หากชาวยุทธฝึกหัดธรรมดาถูกมันโจมตีเข้า คาดว่าคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เนื้อจะเปิดและถูกฉีกเนื้อออกเป็นชิ้นๆ
เมื่อระยะห่างระหว่างผู้เข้ารับการทดสอบและนกพวกนั้นเข้าใกล้กันมาขึ้นเรื่อยๆ ผู้เข้ารับการทดสอบบางส่วนเริ่มเป็นกังวลใจ ก้าวของพวกเขาดูลังเลมากขึ้น
เนื่อจากถนนมีความยาวแค่สองร้อยกว่าเมตร ดังนั้นทุกคนจึงใช้เวลาเดินเพียงห้านาทีเท่านั้น พวกเขาเริ่มเข้าใกล้ฝูงนกบนน้ำทะเลตื้นมากขึ้น ตัวที่อยู่ใกล้พวกเขามากที่สุดคือตัวที่อยู่ห่างออกไปเพียงห้าสิบหกสิบเมตรเท่านั้น
“เอาล่ะ พวกเราหยุดอยู่ตรงนี้แล้วกัน! เราจะแบ่งคนออกไปทดสอบทีละห้าคน พวกคุณมีเวลาทำการทดสอบแค่หนึ่งนาทีเท่านั้น ถ้าเกินเวลาถือว่าสอบไม่ผ่าน มีใครจะกล้าอาสาออกมาบ้างไหม?”
เฉินโจวอี้ก้าวออกมาหนึ่งก้าว หลังจากผ่านไปไม่นานก็มีคนอีกสามคนที่มีความกล้ามากพอก้าวตามเขาออกมา
โจวเสวี่ยมองดูเฉินโจวอี้ที่ก้าวออกไป ในใจเธอเกิดความลังเล สุดท้ายเธอจึงตัดสินใจรอดูว่าคนอื่นทำอย่างไรแล้วค่อยว่ากัน
“ยังขาดอีกหนึ่งคน งั้นฉันจะเป็นคนเรียกเอง คุณแล้วกัน” ผู้คุมการทดสอบเห็นสถานการณ์แบบนี้จนชินแล้ว เขาจึงสุ่มเรียกสาวสวยหนึ่งในคนที่เขาพึ่งจะพูดเตือนไป
สีหน้าของสาวสวยคนนั้นดูไม่น่ามองเท่าไร แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ควบคุมการทดสอบที่เข้มงวดคนนี้ เธอจึงไม่กล้าอวดดี
ในไม่ช้าทั้งห้าคนค่อยๆ เดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง
นกสีเทาไม่กี่ตัวที่อยู่ใกล้เขาเริ่มตื่นตกใจ เฉินโจวอี้เดินไปอย่างรวดเร็ว เขามองไปยังนกตัวที่อยู่ใกล้ที่สุด เมื่อเขาเข้าใกล้มันมากขึ้นเรื่อยๆ เขาจึงหยิบลูกธนูออกมาแล้วง้างธนูเต็มแรง
ธนูเบาเกินไป
เขาขมวดคิ้ว
เขาชินกับธนูหนักห้าร้อยปอนด์ไปแล้ว พอมาใช้ธนูสามร้อยปอนด์อีกครั้ง จึงไม่ค่อยคุ้นเคยและควบคุมมันได้ยาก
ในใจของเขาคำนวณถึงผลกระทบจากแรงโน้มถ่วงของที่แห่งนี้ที่มีต่อการยิงธนู
เพื่อรับประกันความปลอดภัยของตัวเอง เขาจึงเดินไปข้างหน้าอีกสิบกว่าเมตร
ในเวลานี้นกตัวนั้นตกใจเสียงของเฉินโจวอี้ มันกระพือปีกแล้วพุ่งตรงมายังเขาอย่างรวดเร็ว
ในขณะเดียวกัน เฉินโจวอี้ก็ยิงธนูออกไปเช่นกัน
นกพึ่งจะบินขึ้นมาได้สองเมตร ก็ร่วงลงสู่พื้นแล้ว บนร่างของมันถูกลูกธนูแหลมคมปักคาอยู่
“ผ่าน! สามารถกลับไปได้แล้ว!”
เฉินโจวอี้ได้ยินเสียงของผู้ควบคุมการทดสอบจึงหันหลังเดินกลับมา
จากนั้นเขาพึ่งจะเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงตะโกนดังลั่นของโจวเสวี่ย “ระวัง!”
หลังจากเธอตะโกนเสร็จ การรับรู้ของเขาสัมผัสได้ถึงบางสิ่งกำลังพุ่งเข้ามา ทันใดนั้นเขาจึงไม่ปกปิดความสามารถของตัวเองอีกต่อไป เขาหยิบดาบออกมาในพริบตาเดียว แล้วหันกลับไปฟัน ความเร็วของเขาราวกับแสงแฟลชกระพริบ นกสีเทาตัวหนึ่งถูกฟันขาดเป็นสองส่วนตกลงสู่พื้น
แม่งเอ้ย ไม่น่าประมาทเกินไปเลย สุดท้ายเลยดึงดูดนกมาอีกหนึ่งตัว
ผู้คุมการทดสอบคลายคันธนูที่ถูกดึงจนเป็นวงเดือนลงช้าๆ เขามองเฉินโจวอี้ด้วยสานตาที่แฝงความหมาย
ถ้าตามหลักเหตุผล เขาควรจะยิงธนูใส่นกสีเทาตัวนั้นตั้งแต่เขาเห็นมันตั้งนานแล้ว เพียงแต่เขากำลังสงสัยว่าอีกฝ่ายอาจจะซ่อนความสามารถที่แท้จริงของตัวเองเอาไว้ จึงอยากดูการตอบสนองของอีกฝ่ายก่อน แต่คิดไม่ถึงเลยว่ามันจะเป็นไปตามที่เขาคิด
หลังจากกลับมายังทีม
“เก่งมากจริงๆ ดาบนั่นมันเร็วจนฉันมองไม่ทันเลย”
“นายมีตาหลังหรือไง แบบนี้ยังฟันโดนอีก!”
“ตอนนี้คนหนุ่มสาวมันชักจะเก่งขึ้นเรื่อยๆ แล้ว”
“สุดยอด เหอะๆ ฉันเองยังไม่คิดเลยว่านายจะฟันกลางตัวมันพอดี”
….
ผ่านไปไม่นาน คนอื่นเริ่มทยอยกลับมา คนที่อาสาออกไปทดสอบสี่คนแรกผ่านการทดสอบอย่างราบรื่น
ในเมื่อสามารถเป็นคนอาสาที่จะทำการทดสอบเป็นรอบแรก แน่นอนว่าพวกเขาต้องมีความสามารถมากพอ
มีแค่ผู้หญิงสวยคนนั้นคนเดียวที่ไม่ผ่านการทดสอบ
หลังจากที่เธอยิงธนูดอกแรกแล้วนกสีเทาบินมาหาเธอด้วยความโกรธ เธอเริ่มตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก ทั้งๆ ที่นกยังอยู่ไกลออกไป เธอก็ยังตกใจกลัวจนนั่งหมอบเอามือกุมหัวอยู่ที่พื้น ในที่สุดนกตัวนั้นจึงถูกผู้คุมการทดสอบยิงตาย
ผู้คุมการทดสอบหยิบเอาสมุดบันทึกออกมา เพื่อบันทึกรายชื่อและเลขบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ผ่านการทดสอบและแจ้งให้คนที่ผ่านการทดสอบแล้วสามารถออกไปจากอุโมงค์มิติได้
ผู้ผ่านการทดสอบหลายคนรีบเดินออกมาจากอุโมงค์มิติ เมื่ออยู่ท่ามกลางแรงโน้มถ่วงที่มากกว่าในโลกมนุษย์ถึงสามเท่า ต่อให้พวกเขาเป็นชาวยุทธฝึกหัดก็ยังรู้สึกลำบากอยู่ดี
เฉินโจวอี้ยังคงอยู่ที่เดิม เพื่อรอให้โจวเสวี่ยทดสอบเสร็จ แล้วค่อยออกไปพร้อมกัน
เมื่อเทียบกับรอบแรก รอบที่สองเริ่มน่าสงสารขึ้นมาเล็กน้อย มีอยู่คนหนึ่งขณะที่กำลังหลบหนีนกสีเทา เขาล้มลงไปกับพื้น ผลก็คือกระดูกแขนหัก และมีอีกสองคนฟันดับออกไปมั่ว จนถูกนกสีเทาจิกหนังหัวเปิดจนเลือดไหลออกมา
สุดท้ายแล้วรรอบนี้จึงมีคนผ่านการทดสอบอย่างราบรื่นเพียงสองคนเท่านั้น
จนกระทั่งรอบที่สาม ในที่สุดโจวเสวี่ยก็มีความกล้าที่จะทำการทดสอบ
เธอหยิบลูกธนูออกมาหนึ่งดอก แล้วเดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง หลังจากเดินไปประมาณยี่สิบสามสิบเมตร เธอหยุดเดินพลางเล็งธนูอยู่นานถึงจะยิงออกไป
แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังคงประหม่าเกินไป
ไม่เพียงแต่ยิงไม่โดน แต่ยังยิงออกไปไกลเกิน
ลูกธนูลอยข้ามนกสีเทาตัวนั้นไป แล้วไปตกลงกลางฝูงนกสีเทาที่อยู่ในทะเลแทน จึงทำให้มีนกสีเทาอีกสองตัวบินตรงมายังเธอ
ถ้าจะให้ยิงธนูอีกครั้งคงสายเกินไป โจวเสวี่ยจึงตัดสินใจโยนธนูทิ้ง เธอรีบหยิบเอาดาบออกมา เห็นได้ชัดว่าเธอไม่อยากยอมแพ้
สีหน้าของเฉินโจวอี้ดูเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เมื่อมองดูท่าทางเคลื่อนไหวที่แข็งทื่อของเธอ เห็นชัดเลยว่าเธอไม่สามารถต่อกรกับนกสีเทาสองตัวในเวลาเดียวกันได้
ถ้าเธอยอมแพ้ก็คงดี อย่างมากก็แค่ไม่ผ่านการทดสอบ แต่นี่เธอยังคงดึงดันจะทดสอบต่อ ถ้าหากใบหน้าของเธอถูกจิกไปสองสามครั้ง คงเสียโฉมอย่างแน่นอน เรื่องแบบนี้สำหรับเด็กสาวที่รักสวยรักงาม คงไม่ต่างอะไรกับเป็นการทำลายชีวิตของเธอ
เฉินโจวอี้ลังเลไปครู่หนึ่ง จากนั้นรีบยิงธนูไปยังนกสีเทาหนึ่งตัวในนั้น
ระยะห่างค่อนข้างไกล ความเร็วของลูกธนูก็ช้าเกินไป ลูกธนูจึงเหินเกิน ลูกธนูลูกนี้จึงแค่เฉียดนกสีเทาไปเท่านั้น ไม่ได้ยิงโดน
แต่ดีที่ทำให้พวกมันตกใจ มันจึงรีบเปลี่ยนทิศทางการโจมตี พุ่งมายังเฉินโจวอี้แทน
หลังจากยิงธนูออกไปหนึ่งดอก เขายังคงไม่หยุดเคลื่อนไหว เขาหยิบลูกธนูออกมาอีกครั้ง แล้วยิงห่างจากลูกธนูดอกแรกแค่ประมาณ 0.3 วินาที
เกิดเสียงดัง ‘ปึก!’
นกสีเทาตัวนั้นกรีดร้องโหยหวนแล้วร่วงลงสู่พื้น
หลังจากที่นกสีเทาหนึ่งตัวโดนยิงตาย ความกังวลใจในตอนแรกของโจวเสวี่ยเริ่มผ่อนลง เธอมองไปยังนกสีเทาเพียงตัวเดียวที่กำลังเข้ามาใกล้เธอ เธอรับรู้ถึงโอกาสในการล่าได้อย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเธอฟาดดาบออกไป วินาทีต่อมา นกสีเทาถูกดาบของเธอฟันเข้ากลางตัว
ผู้ควบคุมการทดสอบดึงธนูรบเพื่อระวังภัยรอบด้าน พลางเอ่ยถามเฉินโจวอี้ “แฟนของคุณเหรอ?”
เมื่อเห็นว่าโจวเสวี่ยฆ่านกสำเร็จไปหนึ่งตัว เฉินโจวอี้จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก “เอ่อ ไม่ใช่ครับ แค่มาด้วยกัน”
“คุณรู้ไหม การที่คุณทำแบบนี้เหมือนเป็นการช่วยให้คนอื่นทุจริตการทดสอบ พวกเขาไม่ได้ผ่านการทดสอบด้วยความสามารถของตัวเอง” ผู้ควบคุมการทดสอบพูดขึ้น
“พี่ชาย จำเป็นต้องเข้มงวดขนาดนั้นเลยเหรอ?”
ในเมื่อเผยความสามารถออกมาขนาดนี้แล้ว เฉินโจวอี้จึงทำได้แค่ปล่อยให้เลยตามเลย
“แต่ละคนดึงดูดนกมาได้กี่ตัว คุณก็จะฆ่าเองตามจำนวนนั้นเลยใช่ไหม!”
“เมื่ออยู่ในโลกที่แตกต่าง ความระมัดระวังถือเป็นคุณสมบัติที่สำคัญเป็นอย่างมาก คนที่ไม่ระมัดระวังมักจะตายก่อนใคร แต่ก็ช่างเถอะ เห็นแก่ที่แฟนของคุณฆ่านกได้หนึ่งตัว ให้เธอผ่านแล้วกัน”