Dawn of a new era รุ่งอรุณแห่งยุคใหม่ - ตอนที่ 80
ตอนที่ 80 บ้านเก่า
เฉินโจวอี้นั่งลงไปได้ไม่นาน จากนั้นมีพนักงานเสิร์ฟคนหนึ่งเดินเข้ามาถามเขา
“คุณต้องการชา กาแฟหรือเครื่องดื่มอื่นคะ”
“ขอน้ำต้มสุกหนึ่งแก้วก็พอแล้วครับ ขอบคุณครับ!”
“ไม่เป็นไรค่ะ!” พนักงานเสิร์ฟหญิงยิ้มให้เขาเล็กน้อยแล้วรีบเอาน้ำมาเสิร์ฟ
เขานั่งพิงโซฟา ยกน้ำขึ้นมาจิบแล้วมองสำรวจดูสภาพแวดล้อมของที่นี่พลางพูดในใจ ผู้ที่เข้ารับการทดสอบชาวยุทธกับที่ผู้ที่ไปทดสอบชาวยุทธฝึกหัดต่างก็ได้รับการปฏิบัติไม่เหมือนกัน ถ้าเป็นตอนไปสอบชาวยุทธฝึกหัดคงไม่มีทางได้รับการปฏิบัติที่ดีเช่นนี้แน่ ตลอดทั้งเช้าต้องไปต่อแถวเพื่อลงทะเบียนเอง
แต่ตอนนี้ไม่ต้องลงมือทำเอง ทุกอย่างได้รับการปฏิบัติอย่างเช่นแขกวีไอพี
นั่งไปได้ประมาณสามนาที พนักงานสาวสวยคนก่อนหน้านี้รีบเดินเข้ามาหาเขา “สวัสดีค่ะ ตอนนี้ทางเราได้ดำเนินการลงทะเบียนให้คุณเรียบร้อยแล้ว การทดสอบสมรรถภาพทางกายของคุณจะเริ่มในเวลาสิบโมงเช้าของวันพรุ่งนี้ สถานที่คือที่นี่เหมือนเดิม ไม่ทราบว่าคุณมีปัญหาอะไรติดขัดหรือเปล่าคะ? ถ้าหากพรุ่งนี้คุณไม่ว่าง คงต้องรอไปอีกครึ่งเดือนแล้ว”
“ไม่มีปัญหาครับ!” เฉินโจวอี้พยักหน้าพลางพูดขึ้น
การทดสอบชาวยุทธไม่เหมือนกับการทดสอบชาวยุทธฝึกหัด มันแบ่งการทดสอบออกเป็นสองครั้ง ครั้งแรกคือการทดสอบสมรรถภาพทางกาย จะทดสอบเกี่ยวกับสมรรถภาพทางกายทุกด้านว่าถึงมาตรฐานที่ต้องการไหม เมื่อผ่านการทดสอบดังกล่าวแล้ว จะเข้าสู่การทดสอบต่อสู้ในสนามจริง โดยปกติจะทำการทดสอบในอุโมงค์มิติ ต้องทำภารกิจพิเศษให้สำเร็จ ถึงจะทำการประเมินตามภารกิจ
เขารับบัตรประจำตัวประชาชนและใบรับรองมา จากนั้นเดินออกจากอาคารไป
ดวงอาทิตย์บนหัวส่องแแสงสว่างเจิดจ้าชวนแสบตา เฉินโจวอี้มองดูผู้คนเดินไปมาอยู่บนท้องถนนผ่านขนตาที่รับแสงดวงอาทิตย์จนเปล่งประกายสีสันออกมา เขาหยุดฝีเท้าแล้วเดินเข้าไปในร้านขายอาวุธเหล็กกล้าที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกับศูนย์กลางการทดสอบศิลปะการต่อสู้
เขาไม่ได้เดินไปดูอาวุธเหล็กกล้าที่ส่องแสงเงาวับอยู่ภายใต้แสงไฟในเค้าท์เตอร์ แต่กลับไปเลือกดาบตรงโซนดาบไม้สำหรับฝึกบนชั้นวางสินค้าติดกับประตู
เขาคาดคะเนน้ำหนักของดาบไม้แต่ละเล่ม ผ่านไปไม่นานเขาก็เลือกดาบไม้ที่ค่อนข้างจับถนัดมือ
“ดาบสำหรับฝึกเล่มนี้ราคาเท่าไรครับ?”
“ดาบเล่มนี้ทำมาจากไม้เนื้อแข็งในโลกที่แตกต่าง มันมีความแข็งแรงและหนักมากและค่อนข้างคงทน และราคาของมันก็สูงเช่นกัน” พนักงานคนหนึ่งพูดแนะนำ
“เท่าไร?”
“หนึ่งพันสองร้อยหยวน!”
หลังจากเฉินโจวอี้จ่ายเงินเสร็จ เขาจึงเดินออกจากร้านขายอาวุธเหล็กกล้าไป
นิ้วของเขาสัมผัสด้ามจับที่มีลวดลายหยาบไว้แน่น เขาเดินอย่างเชื่องช้าบนถนนเพื่อหาสถานที่ฝึกซ้อม ทันใดนั้นเขาก็พบว่าไม่สามารถหาที่ฝึกซ้อมได้
เมืองใหญ่มันวุ่นวายเกินไป ทุกที่มีแต่ผู้คน ไม่มีสถานที่ที่ทำให้เขารู้สึกเงียบสงบเลย
อีกอย่างห้องพักในโรงแรมมีขนาดเล็กเกินไป ถ้าหากเขาเหยียดแข้งเยียดขาฝึกซ้อมและเสียงตอนเขาเร่งความเร็วในการฝึกดาบอาจไปรบกวนคนอื่นเข้าได้ ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากฝึกเสร็จเขาอาจต้องจ่ายเงินก้อนใหญ่เพิ่มเพื่อเป็นค่าซ่อมแซม
แต่เขาก็ไม่ได้เป็นกังวลกับการทดสอบในวันพรุ่งนี้ มันไม่มีอะไรให้เป็นกังวล
ตอนนี้ความแข็งแกร่งและความว่องไวของเขาเพิ่มมาเป็น 13.3 จุดแล้ว
หากใช้ตัวเลขมาแสดงค่าความแข็งแกร่งของเขา คาดว่าจะไปถึงการยกบาร์เบลที่น้ำหนัก 380 กิโลกรัม ซึ่งสูงกว่ามาตรฐานชาวยุทธที่ 300 กิโลกรัม
ส่วนความว่องไวที่ยากจะเพิ่มขึ้นได้สำหรับชาวยุทธนั้น มันเพิ่มขึ้นกว่าเดิมไปมาก เมื่อเทียบกับความเร็วในการตอบสนองของระบบประสาทของเขาตอนที่ฆ่าชายชุดดำคนนั้น ในตอนแรกการตอบสนองของเขาเร็วกว่าชายชุดดำประมาณ 30% แต่ตอนนี้เกือบจะ 40% แล้ว
เมื่อพิจารณาว่าอีกฝ่ายเป็นชาวยุทธมาก่อนหน้านี้อยู่แล้ว ความว่องไวของเขาจะต้องมีมากกว่าระดับชาวยุทธในตอนนี้แน่นอน เมื่อลองคาดการณ์จากความเร็วในการตอบสนองของระบบประสาทของเขา มีโอกาสเป็นไปได้สูงว่าเขาจะเร็วกว่ามาตรฐานของชาวยุทธถึง 50%
เทียบได้กับจุดสูงสุดทั้งหมด
และความเร็วในการตอบสนองของระบบประสาทเป็นหนึ่งในคุณลักษณะที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดของการต่อสู้
สำหรับการต่อสู้ที่ชี้เป็นชี้ตาย เมื่อความเร็วในการตอบสนองของระบบประสาทแตกต่างกันถึง 50% นั้น ไม่ว่าประสบการณ์การสู้รบของอีกฝ่ายจะโชกโชนมากเพียงใด ไม่ว่าอีกฝ่ายจะควบคุมกล้ามเนื้อได้ดีแค่ไหน ขอแค่ต่อสู้แบบเผชิญหน้ากันหนึ่งต่อหนึ่ง ตอนที่อีกฝ่ายยังไม่ทันได้ตอบสนอง ก็สามารถฆ่าตายได้ในเสี้ยววินาที
พลังการต่อสู้ที่แท้จริงของเขาเหนือกว่าพวกชาวยุทธหน้าใหม่เป็นไหนๆ
….
เขาอยากฝึกดาบ แค่ฝึกดาบเท่านั้น
ตั้งแต่ที่เขาสูญเสียอุโมงค์มิติแห่งนั้นไป เขาต้องคอบแอบฝึกดาบในห้องนอนเพื่อฝึกการออกแรงของกล้ามเนื้อ ให้กล้ามเนื้อได้จดจำความแข็งแกร่งและสร้างสัญชาตญาณของมันออกมา
แน่นอนว่าผลลัพธ์ของมันไม่เลวเลย ยกตัวอย่างเช่นทักษะวิชาดาบของเขาเพิ่มขึ้นมา 3 จุดในช่วงระยะเวลาอันสั้น
แม้แต่การต้มยาสมุนไพรยังต้องอาศัยความร่วมมือซึ่งกันและกัน การฝึกดาบก็เช่นกันต้องผสานเข้ากับการเคลื่อนไหว
การขัดเกลาทั้งหมดนี้เพื่อการระเบิดพลังในชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น
….
หลังจากที่เขาหาอยู่นาน ทันใดนั้นเขาก็พบสถานที่ที่เขาสามารถใช้ฝึกดาบได้ สถานที่แห่งนี้เป็นบ้านเก่าในตรอกเล็กๆ แห่งหนึ่ง
บ้านดูเก่ามาก กำแพงหินอ่อนนั้นถูกปกคลุมไปด้วยไม้เลื้อย ประตูเหล็กขึ้นสนิมถูกพันไว้ด้วยตัวล็อคขนาดใหญ่สองสามตัวที่ขึ้นสนิมเช่นกัน
เมื่อมองผ่านรอยแยกตรงประตูเหล็ก จะพบว่ามีวัชพืชรกเต็มลานไปหมด ประตูใหญ่เหมือนแผ่นไม้กระดานผุพัง ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครอยู่ที่นี่มาเป็นเวลานานแล้ว
เพียงแต่สิ่งที่ทำให้เฉินโจวอี้เกิดความสงสัยก็คือ ทำไมถึงปล่อยให้อาคารสามชั้นถูกทิ้งร้างอยู่ย่านใจกลางเมือง หากทำการซ่อมแซมเล็กน้อย ก็สามารถปล่อยเช่าได้ในราคาสูง
แต่ว่านี่มันก็ไม่ใช่เรื่องของเขา
สถานที่แห่งนี้เหมาะที่จะเป็นสถานที่ฝึกดาบของเขาพอดี
เขาใช้โอกาสตอนที่ไม่มีใคร ค่อยๆ กระโดดข้ามกำแพงไป
ภูเขาหินปลอมเต็มไปด้วยหญ้าขึ้นรก สระน้ำที่แห้งขอดและรูปปั้นสัตว์ที่เต็มไปด้วยมอส สิ่งเหล่านี้ล่วนแสดงให้เห็นว่าเจ้าของคนก่อนเป็นคนรวยคนหนึ่ง แน่นอนว่าแม้กระทั่งตอนนี้ บ้านหลังนี้ยังถือว่าสามารถทำเงินได้มหาศาล
เขาวางกระเป๋าเอกสารไว้ที่มุมหนึ่ง จากนั้นเริ่มฝึกสามสิบหกกระบวนท่าเพิ่มสมรรถภาพทางกายก่อนหนึ่งรอบ แล้วถึงจะเริ่มฝึกดาบ
เขาหลับตาลง แล้วจินตนาการถึงชายชุดดำคนนั้นว่าคือคู่ต่อสู้
เมื่อจับดาบให้มั่นแล้ว เขาแทงดาบออกไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก้าวเท้าเบาๆ ก็สามารถก้าวได้ไกลถึงสี่ห้าเมตร แล้วฟันดาบออกไปอีกครั้ง
ไม่ได้
อ่อนแอเกินไป
ต้องเพิ่มความแข็งแกร่งของชายชุดดำเข้าไปอีก
….
รอบด้านเกิดลมพัดอย่างบ้าคลั่ง เงาร่างหนึ่งเคลื่อนไหวท่ามกลางลมพัดอย่างรวดเร็ว บางครั้งก็ได้ยินเสียงระเบิด บางครั้งก็เห็นประกายดาบขณะฟาดฟัน วัชพืชบริเวณใกล้เคียงถูกตัดจนปลิวว่อนขึ้นมา
กิ่งไม้ที่ห้อยแกว่งไปมาถูกตัดขาดในเสี้ยววินาที พริบตาเดียวไม่เหลือกิ่งไม้สักกิ่ง ส่วนใบไม้ก็ถูกลมพักปลิดปลิวไป
“ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!”
“มีคนอยู่ข้างในไหม?” สิบนาทีต่อมา เฉินโจวอี้ได้ยินเสียงหญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง
เขารีบหยุดการฝึกทันที
“ป้าครับ มีอะไรหรือเปล่าครับ?” เฉินโจวอี้เดินมาที่ประตู
หญิงวัยกลางคนมีอายุมากแล้ว บนใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอย สายตาของเธอเต็มไปด้วยแสงขุ่นมัว เธอจ้องเฉินโจวอี้แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “คนหนุ่มอย่างเธอจะเข้าไปในนั้นทำไม? ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วเหรอ!”
“ป้าครับ ทำไมเหรอครับ ผมเห็นว่าที่นี่ค่อนข้างเงียบสงบ เลยอยากมาฝึกดาบ ที่นี่ห้ามเข้าเหรอครับ?”
“ที่นี่มีผีสิงน่ะสิ หลายปีมานี้ไม่รู้ว่ามีคนตายในนั้นกี่คนแล้ว เธอยังจะเข้ามาในนี้อีก ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วเหรอไง”
“ป้าครับ ไม่เป็นไรหรอก ผมไม่กลัวผี” เฉินโจวอี้หัวเราะพลางพูดขึ้น ในใจของเขาเกิดความรู้สึกอึดอัด ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงรู้สึกว่าที่นี่มีไอเย็นยะเยือก รู้สึกถึงความเศร้าสร้อย