Dawn of a new era รุ่งอรุณแห่งยุคใหม่ - ตอนที่ 85
ตอนที่ 85 ยักษ์
สำนักงานรับรองเอกสารและกำกับดูแลชาวยุทธ
สำนักงานนี้แค่ดูก็รู้แล้วว่าเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจทรงพลังเป็นอย่างมาก
หากชาวยุทะทั่วไปเห็นเข้าคาดว่าคงพากันหวาดกลัว
แต่เฉินโจวอี้ยังคงมีความลังเลอยู่บ้าง
พระเจ้าอวยพร เขาพึ่งจะอายุแค่สิบเจ็ดปีเอง ก่อนหน้านี้เขายังเรียนอยู่มัธยมปลายอยู่เลย อยู่มาวันหนึ่งจู่ๆ เขาก็มีทางเลือกชีวิตของเขาในต่อจากนี้
ต่อให้เขาดูเป็นผู้ใหญ่แค่ไหน แต่ในช่วงเวลานี้ยังไม่ค่อยเหมาะสมอยู่ดี
เขาคิดว่าควรจะพิจารณาดูอย่างละเอียดเสียหน่อย
“ผมจะตัดสินใจเรื่องนี้เองไม่ได้ ยังต้องถามความเห็นของพ่อกับแม่ก่อน!”
ผู้อำนวยการชะงักไปพักหนึ่งแล้วมองไปยังใบหน้าที่อ่อนเยาว์ของเฉินโจวอี้
ยังเป็นแค่เด็กคนหนึ่งอยู่เลย!
เขาจึงพูดด้วยรอยยิ้ม “แน่นอน ยังไม่รีบร้อนในตอนนี้ เธอกลับไปพิจารณาแล้วปรึกษาพ่อกับแม่ก่อนก็ได้!”
….
เฉินโจวอี้มองออกไปนอกหน้าต่าง
มองไปยังปล่องควันที่โดดเด่นเรียงรายอยู่ที่ไกลๆ ควันสีขาวพวยพุ่งออกมาจากปล่องควัน กลุ่มเมฆหนาสีขาวลอยปกคลุมทั่วทั้งเขตอุตสาหกรรม
โรงงานของที่นี่ส่วนใหญ่ดูเหมือนจะถูกดัดแปลงเป็นโรงงานเครื่องจักรไอน้ำ
ในใจของเขารู้สึกสับสนไปหมด
สำหรับเรื่องทางเลือกในอนาคตนั้น
ก่อนที่เขาจะมาที่นี่ เขาคิดอะไรอย่างง่ายดาย เขาแค่ต้องการได้รับใบรับรองชาวยุทธเพื่อเพิ่มระดับทางสังคมให้แก่ตนเอง เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ในครอบครัวของเธอ นอกจากนี้แล้ว เขากลับไม่ได้คิดอะไรมากมาย สำหรับเรื่องที่ว่าในอนาคตจะไปไหนต่อ? ต่อไปจะทำอาชีพอะไร? เรื่องเหล่านี้เขายังไม่เคยคิดถึงมันมาก่อน
จากก้นบึ้งของหัวใจเขา มันอยากกลับไปบ้านเกิดของเขาที่เมืองตงหนิงมากกว่า
เพราะสุดท้ายแล้วที่แห่งนั้นก็ยังคงเป็นสถานที่ที่เขาอยู่มาตั้งแต่เด็ก
ที่นั่นมีความทรงจำของเขาอยู่มากมาย และรักมีรักแรกที่เขาขาดการติดต่อไป
อีกอย่างหลังจากที่เขากลับเมืองตงหนิงแล้ว เขายังคงสามารถใช้ประโยชน์จากอุโมงค์มิติในลานจอดรถของตึกร้างได้อีกครั้ง
เมื่อมีสถานะของชาวยุทธแล้ว ขอแค่จัดการออกเอกสารประจำตัวนักสำรวจสักใบ เขาก็สามารถเข้าออกอุโมงค์มิติได้อย่างอิสระเสรีแล้ว
แต่เมื่อเทียบกับเมืองเหอตง สถานการณ์ในเมืองตงหนิงยังถือว่ายากลำบากกว่ามาก ไม่เพียงแต่ไม่รู้ว่าไฟฟ้าจะดับถึงเมื่อไร ขนาดมาตรการรักษาความปลอดภัยยังอยู่ในขั้นวิกฤต กิจกรรมของพวกลัทธินอกรีตก็ยังไม่ถูกกำจัดจนสิ้นซาก
แน่นอนว่าเมื่อพูดถึงความสามารถในตอนนี้ของเขา เขาไม่จำเป็นต้องสนใจปัญหาเรื่องการรักษาความปลอดภัยเลย
แต่พ่อกับแม่ของเขาเป็นคนธรรมดา ส่วนน้องสาวถึงแม้ว่าจะมีความสามารถเช่นกัน แต่เมื่อเผชิญหน้ากับอันตรายของจริง เธอยังคงไม่มีความสามารถในการต้านทานเท่าไหร่
เมื่อเทียบกับการกลับไปเมืองตงหนิง การรับพ่อแม่และน้องสาวมาอยู่ด้วยกันที่เมืองเหอตง ถือว่ามีความปลอดภัยกว่ามาก
ในใจของเขาเกิดความรู้สึกหดหู่หลังจากคิดอยู่นาน สุดท้ายเขาก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้
….
รถบัสค่อยๆ ขับมาถึงเขตชนบท สองข้างทางเริ่มปรากฏวิวทุ่งนา หลังจากขับต่อไปประมาณสิบนาที รถก็มาจอดที่ปากทางเข้าหมู่บ้านแห่งหนึ่ง
ทุกคนถืออาวุธของตัวเองแล้วรีบลงรถอย่างรวดเร็ว
เฉินโจวอี้รู้สึกว่าบ้านในหมู่บ้านนี้ค่อนข้างแปลก แต่เขาไม่สามารถบอกได้ว่ามันแปลกตรงไหนมันให้ความรู้สึกเหมือนไม่มีใครอยู่มาเป็นเวลานาน
ขณะที่กำลังสงสัยอยู่นั้น ผู้รับรองเอกสารคนหนึ่งที่มีแผลเป็นน่ากลัวบนใบหน้าของเขาได้พูดขึ้น
“ก่อนเข้าไป ผมจะขอแนะนำอุโมงค์มิติหมายเลข 48233 อย่างง่ายๆ ก่อนแล้วกัน มันถูกค้นพบเมื่อครึ่งเดือนก่อน แต่ในเวลานั้นมันเป็นช่วงหลังจากเกิดโศกนาฏกรรมแล้ว”
ในเวลานี้มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้น “ใช่ครั้งที่คนในหมู่บ้านหายตัวไปในหนึ่งคืนไหม?”
“ไม่ผิด มันคืออุโมงค์มิติแห่งนี้แหละ! จากการตรวจสอบในช่วงนี้ พวกเราพบว่ามีชนเผ่าคนเถื่อนชนเผ่าเล็กๆ ที่มีประชากรประมาณหนึ่งร้อยคนอาศัยอยู่ใกล้กับอุโมงค์มิติแห่งนี้ แต่ที่สำคัญที่สุดคือชนเผ่านี้เป็นทาสของพวกยักษ์”
“อาหารส่วนใหญ่ที่พวกชนเผ่าคนเถื่อนหามาได้จะต้องนำไปมอบให้กับยักษ์ ถ้าหากจำนวนอาหารไม่มากพอหรือพวกมันไม่พอใจ มันก็จะกลืนกินพวกคนเถื่อนเป็นการลงโทษ จนกระทั่งพวกคนเถื่อนมาพบกับอุโมงค์มิติแห่งนี้เข้า…..”
สีหน้าของทุกคนดูเคร่งเครียดขึ้น พวกเขาคาดเดาเรื่องต่อไปนี้ออกแล้ว
คนเถื่อนพบว่าการล่ามนุษย์นั้นง่ายกว่าการล่าสัตว์อยู่มาก และยังช่วยเติมเต็มปัญหาการขาดแคลนเหยื่อได้อีกด้วย พวกมันตื่นเต้นดีใจอย่างไม่ต้องสงสัย ราวกับพายที่ตกลงมาจากท้องฟ้า ดังนั้นเรื่องน่าเศร้าจึงเกิดขึ้น ภายในเวลาชั่วข้ามคืน ชาวบ้านในหมู่บ้านหลายร้อยคน ไม่ว่าจะเป็นผู้ชาย ผู้หญิง คนแก่หรือเด็กต่างถูกต้อนเข้าไปในอุโมงค์มิติราวกับพวกวัวพวกควาย
ภายใต้แรงโน้มถ่วงที่มากกว่าสามเท่า พวกเขาจึงมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน
“ชาวยุทธฝึกหัดไม่ใช่คนธรรมดา เรียกได้ว่าเป็นพวกเตรียมทหารหรือทหารอาสาสมัครอยู่แล้ว ภารกิจในครั้งนี้ของพวกเราคือการสังหารเผ่านี้ และสังหารเจ้ายักษ์ตัวนั้น แต่ทุกคนวางใจได้ ยักษ์ตนนี้สูงประมาณหกเมตรเท่านั้น จากมุมมองของพัฒนาการ มันยังเป็นยักษ์เด็กอยู่! ผลการปฏิบัติงานทั้งหมดของพวกคุณจะเป็นคะแนนของการประเมินครั้งนี้”
“การทดสอบในครั้งนี้จะต้องมีอันตรายอย่างแน่นอน มีคนที่อยากจะถอนตัวไหม?” ผู้รับรองเอกสารถามขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย
ทุกคนมองหน้ากัน
เฉินโจวอี้เกิดความรู้สึกแน่วแน่ในใจ
การทดสอบชาวยุทธฝึกหัดในครั้งที่แล้วมีความพิเศษมาก หลายคนได้รับบาดเจ็บกระดูกหัก มีแม้กระทั่งเกิดเหตุการณ์เสียชีวิตขณะทำการทดสอบ และการทดสอบการรบจริงของชาวยุทธในครั้งนี้กลับโหดร้ายนองเลือดยิ่งกว่า
มนุษย์กำลังเตรียมความพร้อมใช่ไหม?
….
ทุกคนต่างก็รักษาความเงียบที่ตนอดกลั้นไว้ ในเมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว แต่ละคนต่างก็เตรียมใจไว้ตั้งนานแล้ว เป็นเรื่องปกติที่จะไม่มีใครถอนตัว
“งั้นเข้าไปกันเถอะ!”
ทุกคนเดินไปตามทางดินของหมู่บ้าน หลังจากเดินไปไม่กี่นาที ก็พบว่าบ้านหลังด้านหน้าถูกพังลงให้ราบแล้วแทนที่ด้วยกองกำลังทหาร ป้อมปืนไฟ และรถถังหุ้มเกราะที่กระจายตัวอยู่บริเวณพื้นที่โดยรอบ
นอกจากเห็นพวกทหารจำนวนไม่น้อยแล้ว
นอกจากนี้ยังมีคนงานก่อสร้างและยานพาหนะวิศวกรรมจำนวนมาก ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง
ทหารยศพันตรีนายหนึ่งรีบเดินเข้ามาจับมือทักทายกับผู้อำนวยการสำนักงานรับรองเอกสาร “สวัสดีครับผู้อำนวยการฟาง ในที่สุดผมก็เห็นพวกคุณมาที่นี่”
“พันตรีเหลียง ผมฟังคำพูดนี้ไม่ได้จริงๆ พวกคุณแจ้งฝั่งทางการนี่นา พวกเราก็เลยไม่มา! อีกอย่างชาวยุทธในกองทัพทหารของพวกคุณก็มีตั้งมากมาย”
“เห้อ มันไม่พอน่ะสิ! พวกเขาล้อมอยู่ตรงหน้าอุโมงค์มิติอย่างแน่นหนา….ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว นี่คือผู้เข้ารับการทดสอบในรอบนี้ใช่ไหม? ฉันจะเรียกคนมาสองคนให้พาพวกเธอเข้าไป”
“จางโย่วเหวย เซี่ยเสี่ยวจื้อ!”
นายทหารสองนายรีบวิ่งเข้ามา
“ครับ!”
“พาแขกเหล่านี้เข้าไปในอุโมงค์มิติ”
“ครับ!”
….
ตำแหน่งที่ตั้งของอุโมงค์มิติอยู่ห่างจากพื้นดินสองเมตรและยังคงอยู่ในที่โล่ง รอบด้านถูกล้อมพื้นที่ คาดว่าในอนาคตจะถูกปิดผนึกไว้
“เข้าไปเถอะ!” ผู้อำนวยการฟางพูดขึ้น
ทุกคนเริ่มทยอยเข้าไป
เฉินโจวอี้รู้สึกภาพเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขารู้สึกเหมือนตัวเขากำลังจมดิ่ง เขากระแทกลงไป แต่โชคดีที่เขาพยุงตัวลุกขึ้นมายืนบนพื้นได้อีกครั้ง
ภาพที่เห็นคือทุ่งหญ้าที่ไกลสุดลูกหูลูกตา
เมื่อมองจากที่ไกลๆ สามารถมองเห็นสัตว์ประหลาดรูปร่างแปลกกำลังก้มกินหญ้าอยู่
ดูเหมือนพวกมันจะรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวตรงด้านนี้ สัตว์ประหลาดฝูงนี้มองมาที่พวกเขาในทันที พวกมันสำรวจกลุ่มคนด้านนี้ไม่หยุด เหมือนกำลังลังเลว่าจะวิ่งหนีดีหรือไม่
“รู้สึกประหม่าไหม?” ลู่เหว่ยเฟิงเดินมายืนอยู่ข้างเฉินโจวอี้พลางพูดกระซิบ
เฉินโจวอี้ตรวจสอบอาวุธของตัวเองพลางพยักหน้าพูด “ก็มีบ้าง!”
เขาประหม่าอยู่แล้ว นี่มันคือการเผชิญหน้ากับยักษ์เชียวนะ
สิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวเช่นนี้ เขายังไม่เคยพบเจอมาก่อน พวกมันทุกตัวมีพลังมหาศาลอย่างไม่มีข้อยกเว้น เคยมีคนเล่ามาว่ามียักษ์บางส่วนสกว่าภูเขา กำปั้นของมันสามารถทุบภูเขาให้แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ได้
“ไปเถอะ ข้ามทางลาดนั่นไปก็เป็นชนเผ่าของพวกคนเถื่อนนั่นแล้ว อีกอย่างฉันจะขอเตือนสักนิด หากเริ่มเดินจากตรงนี้ไป การทดสอบการรบจริงของชาวยุทธได้เริ่มขึ้นแล้ว ทุกอย่างอยู่ที่พวกคุณตัดสินใจ พวกเราจะไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่ง นอกเสียจากพวกคุณจะตกอยู่ในอันตราย” ผู้อำนวยการฟางพูดเสียงเข้ม
หลายคนรอบหอบหายใจแรง สีหน้าเต็มไปด้วยความประหม่า
คนส่วนใหญ่ในนี้ไม่เคยฆ่าคนเถื่อนมาก่อน ทั้งยังไม่เคยแม้แต่จะเห็นว่าก่อนว่ารูปร่างเป็นแบบไหน เหมือนกับทหารใหม่ที่พึ่งเข้าสู่สนามรบ ไม่ว่าตอนปกติจะฝึกฝนมามากแค่ไหน แต่เมื่อเข้าสู่สนามรบแล้ว ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะมือไม้อ่อน
ทางลาดด้านหน้าอยู่ไม่ไกล หลังจากเดินอยู่ไม่กี่นาที ทุกคนก็มาถึงยอดทางลาด จากนั้นพวกเขาหมอบตัวลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว
นี่คือชนเผ่าดึกดำบรรพ์ที่ตั้งรกรากอยู่ตรงลำห้วยแห่งหนึ่ง
ดูเหมือนจะล้าหลังกว่าเผ่าคนเถื่อนที่เฉินโจวอี้เคยเจอในตอนแรก อย่างน้อยชนเผ่านั้นก็สร้างเรือไม้แคนูได้ แต่เขากลับมองไม่เห็นร่องรอยอารยธรรมของชนเผ่านี้เลยสักนิด
พวกเขาอาศัยอยู่ในที่โล่งโดยไม่มีสิ่งปลูกสร้าง
เวลานี้เกือบจะเป็นเวลาพลบค่ำแล้ว ชายที่ออกไปล่าสัตว์เริ่มกลับมาแล้ว
หากใครสามารถล่าสัตว์กลับมาได้ บรรดาพวกผู้หญิงก็จะตาเป็นประกาย แต่หากในมือของใครว่างเปล่า ล่ากลับมาไม่ได้สักตัว พวกเขาก็จะดูหดหู่และไม่มีใครสนใจ
คนเหล่านี้มีบางคนที่สวมหนังสัตว์ บางคนเปลือยเปล่าไม่สวมอะไร รูปร่างผอมซูบ เหมือนพวกขาดสารอาหาร
เฉินโจวอี้มองดูอยู่พักหนึ่งแล้วเบนสายตาไปมองร่างสูงใหญ่ที่อยู่ไกลออกไปอย่างรวดเร็ว
ยักษ์ผิวดำร่างกายเปลือยเปล่าตัวหนึ่งนอนอยู่บนพื้นหญ้าห่างจากดผ่าคนเถื่อนไปหลายร้อยเมตร รอบตัวมันเต็มไปด้วยกระดูกสีขาวกองเป็นพะเนิน
ในเวลานี้มันกำลังนอนหลับ มันนอนกรนเสียงดังราวกับฟ้าร้อง ขนาดพวกเขาอยู่ตรงนี้ยังได้ยินเบาๆ
จบตอน