Dawn of a new era รุ่งอรุณแห่งยุคใหม่ - ตอนที่ 86
ตอนที่ 86 ยักษ์ที่น่ากลัว
บรรยากาศที่ทั้งเงียบสงบและอึดอัด ผู้คนทั้งหมดที่หมอบอยู่ที่พื้น หายใจถี่ๆอย่างรวดเร็ว
ผ่านไปไม่นานเท่าไหร่ ก็มีชายหน้าใหญ่วัยกลางคนได้ทำลายบรรยากาศเงียบสงบนี้ลง เขาเปล่งเสียงถาม “ไปฆ่ายักษ์หรือชนเผ่าก่อน หรือกระจายกำลังทหารออกไป “
“ฆ่ายักษ์ก่อน มันมีอำนาจที่ยิ่งใหญ่ อีกทั้งยังตอนนี้มันยังหลับอยู่ เพียงแค่ต้องระมัดระวังตัวก็ไม่มีอะไรที่เสี่ยง ถ้าหากฆ่าคนเถื่อนก็จะทำให้ยักษ์ตื่น จะยิ่งทำให้อันตรายเพิ่มขึ้นอีก ” ชายหนุ่มร่างผอมเตี้ยพูดขึ้นมาอย่างมีความรู้และหลักการ
“ฉันเห็นด้วย”
“ฉันก็เห็นด้วย”
….
ทุกคนทยอยกันเห็นด้วยกับความคิดนี้
ในส่วนของการกระจายกำลังก็ไม่มีใครพูดถึงเลย
รวมกันเป็นกลุ่มยังทำให้มีความกล้าขึ้นอีกทั้งยังมีผู้รับรองอีกสามคน แน่นอนว่าต้องมีความปลอดภัยมากขึ้น แต่ถ้ากระจายกำลังออกไป ไม่ว่าอะไรก็ตามล้วนเพิ่มความเสี่ยงเป็นทวีคูณไปอีก
ภูมิประเทศที่กว้างภายใต้ความลาดชัน มองออกไปก็มองเห็นชัดเจนอีกทั้งยังเป็นเวลากลางวัน ไม่ว่าจะกลยุทธ์ตำราพิชัยสงครามก็เป็นไปไม่ได้
โชคดีที่ที่นี้วัชพืชเจริญเติบโตที่นี้ดี เกือบจะสูงถึงครึ่งเมตร เพียงพอที่จะอำพรางตัวเอง
กลุ่มคนโค้งตัวหมอบลงไปกับหญ้า เอาหญ้ามาอำพรางร่างกายและก็ค่อยค่อยขยับไปทางยักษ์
อีกด้านไม่มีคน คนหนึ่งพูดออกมา หลังจากนั้นก็ได้ยินแค่เสียงลมหายใจอย่างหนักหน่วง
บางครั้งก็มีสัตว์เล็กๆบินออกมาจากหญ้าอย่างรวดเร็ว ทำให้กองกำลังขวัญหนีดีฝ่ออยู่พักหนึ่ง
ความผิดปกติของโลกทั้งหมดนี้ ทำให้ผู้คนระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ แม้จะเป็นเพียงแค่แมลงปีกแข็งที่มีสีสันสวยงามแปลก ประหลาด ก็ทำให้คนหลีกเลี่ยงที่จะเข้าใกล้
ผู้รับรองเอกสารทั้งสามเดินตามอยู่ท้ายสุด ตั้งแต่ก้าวเข้าไปในอุโมงค์มิติมา ทั้งสามคนก็ไม่พูดอะไรออกมา
การเข้าร่วมทดสอบชาวยุทธฝึกหัดครั้งนี้รวมๆแล้ว แปดสิบคน หญิงสามสิบคน ชายห้าสิบคน
ช่วงอายุราวๆ ยี่สิบถึงสามสิบ อายุที่มากที่สุดคือสี่สิบแล้ว ส่วนคนที่อายุน้อยที่สุดคือเฉินโจวอี้ ซึ่งอายุเพียงแค่สิบเจ็ด
แต่ถ้าเปรียบเทียบกันแล้วประสบการณ์และความสงบเยือกเย็น คนที่ได้เปรียบมากกว่ากลับเป็นเฉินโจวอี้
อย่างน้อยที่สุด เขาก็ฆ่าคนเถื่อนมาแล้วมากกว่าสามสิบกว่าคน
ค่อยๆเดินช้าๆมาประมานสิบกว่านาที เสียงกรนของยักษ์ก็ยิ่งชัดเจนขึ้น ราวกับแก้วหูสั่นสะเทือน ในเวลาเดียวกันกลิ่นของศพเน่าส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งไปทั่วโชยมามากยิ่งขึ้นๆ
ในเวลานั้นผู้หญิงคนหนึ่งก็ตะโกนออกมาด้วยความตกใจ ทันใดนั้นเธอก็ปิดปากของเธอทันที หันหน้าหนีทนมองไม่ได้
กองกำลังจากที่ตื่นตระหนกเป็นทุนเดิมอยู่แล้วยิ่งมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ยิ่งตื่นกลัวเข้าไปอีก เมื่อถูกร่างนี้หายใจรด พวกเขาตกใจกลัวจนต้องหยุดเดินทันทีทันใด
ส่วนหัวถูกตีด้วยของแข็งจนแตกละเอียด มันสมองข้างในไหลออกมาหมดแล้วกลายเป็นพื้นที่ว่างๆ เกือบจะทั้งหมดของใบหน้ามีแต่ผิวหนังที่เน่าเปื่อย ดวงตาทั้งสองข้างเต็มไปด้วยน้ำหนองขุ่นๆ มือและเท้าบวมๆนั้นกำลังถูกหนอนแมลงวันเจาะเข้าเจาะออก
ถึงแม้ว่าหัวจะเน่าเปื่อยเสียหายไปเยอะ แต่เฉินโจวอี้ก็ยังคงมองออกว่า นี่มันคือหัวของมนุษย์
นอกจากโครงหน้าแล้ว ฟันหน้าที่เปิดโล่งของเขา ร่องรอยของข้อบกพร่องนี้ก็ปรากฏออกมาอย่างชัดเจน
“ทุกคน ไม่ว่าจะเห็นอะไรก็ตามจงปิดปากเอาไว้ ถ้าหากทำไม่ได้ ก็ขอให้หยุดอยู่ตรงที่เดิมและอย่าทำร้ายพวกเรา ” คนหนึ่งพูดขึ้นมาด้วยเสียงต่ำและหนักแน่นพร้อมกับในหน้าที่ดูเคร่งขรึม
“ไม่เลวนี่ ถ้าไม่ได้ตั้งใจจริงที่จะมา ก็ไม่ต้องมาเข้าร่วมการทดสอบชาวยุทธฝึกหัดสิ ” มีคนคล้อยตามพูดเบาๆออกมาทันที
เสียงตะโกนของผู้หญิงทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยกลัว
ผู้หญิงบางคนรับไม่ได้ ใบหน้าพะอืดพะอม ทำท่าเปิดปากดูเหมือนอยากจะพูดอะไร แต่สุดก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
กองกำลังหยุดพักสักครู่หนึ่งก่อนที่จะไปต่อ ข้างหน้ายิ่งไปต่อกระดูกสีขาวยิ่งขึ้นเรื่อยๆ บางส่วนก็ยังเป็นศพที่เน่าเปื่อยอยู่
ทั้งหมดนี่คือมนุษย์
คำว่า”อาหาร” เห็นได้ชัดว่ามากเกินไปสำหรับยักษ์ ถ้าตายเร็วเกินไปมากกว่าจำเป็นก็ต้องปล่อยทิ้งให้เน่าเปื่อยไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่งนอกจากกระดูกสีขาวของศพแล้ว ที่นี่ยังเต็มไปด้วยอุจจาระ
อุจจาระทุกๆกองมีความสูงมากกว่าครึ่งเมตร ดึงดูดพวกแมลงมานับไม่ถ้วนอย่างเช่นแมลงวัน
กลุ่มคนที่หลบซ่อนอยู่ในพงหญ้า เกือบจะถูกพวกแมลงพวกนี้ทับหัวทับหน้าปกคลุมไปทั่ว
เฉิยโจวอี้ที่กำลังตึงเครียดก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจกับยักษ์ที่สกปรกและเกียจคร้านนี่ มันใช้ชีวิตอยู่ในกองอุจจาระและเศษซากอาหารที่เน่าเปื่อยนี่
แต่ทันใด จิตใจเขาก็ไม่คิดถึงเรื่องนี้แล้ว
ได้ยินเสียงกรนดังสนั่นคล้ายฟ้าร้อง บรรยากาศลมหายใจที่กดดันตลบไปทั่วทุกสารทิศ ทำให้ผู้คนรู้สึกหายใจได้ไม่ทั่วท้อง
มีคนหนึ่งยืนขึ้นอย่างรวดเร็วและมองไปที่มันด้วยความกล้าหาญและนั่งนองๆข้างร่างนั้นและพูดเสียงต่ำออกมา
“ทุกคนปรึกษาหารือสักนิด ระยะทางเพียงแค่หกสิบเจ็ดสิบเมตร ตอนนี้จะอยากหรือไม่อยากก็ต้องโจมตี”
“ไกลเกินไป ยากที่จะโจมตี ถ้าก้าวไปใกล้อีกหน่อยละก็อย่างน้อยที่สุดก็ต้องเข้าใกล้ห้าสิบเมตร “นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินโจวอี้พูดออกมาตั้งแต่เขาเข้ามาในโลกประหลาดนี่
ทุกคนมองไปทางเฉินโจวอี้และมองดูธนูอันใหญ่ยักษ์ในมือของเขา นี่คือธนูต่อสู้หกร้อยปอนด์และเป็นธนูที่หนักที่สุดยกเว้นธนูต่อสู้ในมือของผู้อำนวยการ
เฉินโจวอี้เด็กที่สุดในกลุ่มของผู้เข้าร่วมทดสอบจอมยุทธฝึกหัด แต่พละกำลังของเขากลับมากที่สุด
“คำพูดของหนุ่มน้อยคนนี้พูดถูก ถ้าเข้าใกล้กว่านี้อีกหน่อย จะสามารถโจมตีมันได้ถึงตายเลย”
“ไม่ต้องห่วง ยักษ์ยังหลับอยู่”
การปรึกษาหารือแบบเรียบง่ายผ่านไปครู่เดียวทุกคนก็ได้ข้อตกลง
กลุ่มคนที่เดินอย่างระมัดระวังอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดก็หยุดฝีเท้าลง
ทุกคนลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ
ยักษ์ที่อยู่ไกลออกไปนอนแผ่อยู่บนพื้นหญ้า รูปร่างที่ใหญ่โตทำให้คนมองเห็นมันได้อย่างชัดเจน
มองดูจากระยะหกเจ็บสิบเมตรดูเหมือนไม่ใหญ่ ถ้าหากคนตัวยักษ์ลุกขึ้นยืนแล้วละก็ หัวของมันจะสูงถึงชั้นสามของตึก ถ้าเอื้อมมือออกไปแตะได้ถึงชั้นสี่ของตึกเลย
สมองที่ว่างเปล่าของมันก็เหมือนตะกร้าใบใหญ่
เขามีหน้าตาไม่เรียบร้อยผมเพ้ากระเซอะกระเซิง เนื้อตัวสกปรกจนดูไม่ออกว่าผิวสีอะไร เล็บเท้าบนเท้าทั้งคู่ของเขายาวจนเล็บม้วนเข้าไปซึ่งเห็นได้ชันเลยว่าเขาไม่มีความคิดที่จะตัดมันเลย
รอบด้านสงบมากๆ จนอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลงไป เหงื่อที่หน้าผากพากันไหลออกมา
เฉินโจวอี้กำลังเฝ้าดูด้วยใจเต้นตึกตัก เขารีบดึงลูกธนูออกมา ดึงธนูเล็งไปที่หัวของยักษ์ หางตาของเขาเห็นการเคลื่อนไหวของผู้คนที่อยู่ใกล้เคียงและหันหัวของเขาแล้วกระซิบเบาๆ : “แบบนี้ไม่ได้การละ ใครจะเป็นผู้ออกคำสั่ง?”
“ให้ฉันเอง!” ชายหน้าใหญ่วัยกลางคนในตอนแรกลุกขึ้นยืนออกมา
“ทุกคนดูสัญญาณมือของฉัน นี่คือสาม นี่คือสอง นี่คือหนึ่ง นี่คือบุกโจมตี เมื่อถึงเวลาจะให้จังหวะ”
สัญญาณมือของเขาคือสัญญาณมือที่ใช้กันโดยทั่วไป กระชับเข้าใจง่าย เมื่อทุกคนเห็นก็เข้าใจแล้ว เขาลดธนูลงและเดินไปอีกด้าน
เฉินโจวอี้สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วดึงลูกธนูอีกครั้ง ธนูที่หนักหกร้อยปอนด์ถูกเข้าออกแรงดึงสายธนูให้เปิดออก เล็งไปที่ขมับของยักษ์
“3”
“2”
“1”
ในช่วงเวลานั้นไม่มีใครโจมตีล่วงหน้าเพราะมันตึงเครียดเกินไป โดยเนื้อแท้แล้วในฐานะนักรบ คุณสมบัติพื้นฐานทางจิตใจนั้นแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปมาก
ในขณะที่ฝ่ายตรงกันข้ามโบกมือ เฉินโจวอี้ก็ปล่อยสายของธนูในชั่วพริบตาเดียว
ลูกธนูพุ่งไปอย่างรวดเร็ว เสียงแผดคำรามก็ดังตามมา
ระยะที่ห่างห้าหกสิบเมตร สำหรับลูกศรแบบที่มีความเร็วเหนือเสียงซึ่งถูกยิงด้วยธนูขนาดใหญ่ ทั้งหมดเกิดขึ้นในชั่วพริบตาเดียว
น่าเสียดายที่การเล็งเป้าของเขาเอียงไปนิดหน่อย เขายิงไปโดนกระดูกโหนกแก้มยักษ์แทน
การยิงธนูเป็นคุณสมบัติพื้นฐานของจอมยุทธฝึกหัดทุกคน ถึงแม้ว่าหลาย ๆ คนจะเต็มไปด้วยความตึงเครียด แต่ไม่มีใครที่ไม่เคยพลาด
ผ่านไปครู่เดียวหัวของยักษ์ก็มีแต่ลูกธนูปักอยู่เต็มไปหมด
น่าเสียดายที่ลูกธนูเหล่านี้ตื้นเกินไปและส่วนใหญ่พวกมันถูกยิงเข้าไปแค่ชั้นผิวหนังของใบหน้าของยักษ์เท่านั้น ในจำนวนนั้นมีลูกธนูอยู่ไม่กี่ดอกของผู้ที่มีฝีมือสูงที่แม่นยำ ถึงแม้จะยิงโดนไปที่ขมับแต่ก็ปักเข้าไปแค่ไม่กี่นิ้วดูเหมือนแค่ไปติดอยู่เฉยๆ
เฉินโจวอี้รู้สึกแย่อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
ในเวลาต่อมา คนตัวยักษ์ก็คำรามเสียงอันน่าเวทนาออกมา เขายืนขึ้นอย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกันก็มีแสงสว่างสีเหลืองโผล่ขึ้นมาจากผิวของร่างกาย
เจ้ายักษ์โมโหเดือดดาลและดุร้าย แสดงให้เห็นเขี้ยวสีเหลืองอันแหลมคมราวกับกริช มืออันใหญ่โตของมันปัดที่หน้าและร่างกาย ลูกธนูส่วนใหญ่บนร่างกายและหัวถูกมือใหญ่ๆนั่นปัดออกและหล่นลงมา
ลูกธนูที่เหลือถูกดึงออกมาจากมันจนหมด เลือดที่รินไหลออกมาจากบาดแผลก็หยุดไหลในไม่ช้า
ในช่วงเวลานั้นมีลูกธนูหลายลูกที่ยิงมาที่ศีรษะและหน้าอกของยักษ์ แต่ก็ถูกดึงออกเบาๆได้ด้วยมืออันใหญ่ของมันและถูกขัดวางโดยแสงที่ส่องสว่างออกมาจากร่างกาย
ความหวาดกลัวที่รุนแรงนี้เข้าจู่โจมหัวใจ บางคนเริ่มที่จะถอยหลังอย่างช้าๆ ถ้าไม่ใช่เพราะผู้รับรองเอกสารสามคนที่ยังคงนั่งอยู่ข้างหลัง หลายคนอาจหันหลังหนีไปด้วยความหวาดกลัวแล้ว
ยักษ์ตนนี้มีพลังมากกว่าที่คิดเอาไว้และแสงสีเหลืองลึกลับบนร่างกายมันแสดงให้เห็นชันเจนแล้วว่ามันเป็นสิ่งเหนือธรรมชาติ
“ปุถุชนผู้โง่เขลา มาทำหยาบคาบไม่ให้เกียรติกับยักษ์ผู้ยิ่งใหญ่ ข้าจะกินพวกแกเพื่อถือซะว่าเป็นการชดเชย “เสียงคำรามของความโกรธขอมันเหมือนเสียงฟ้าร้องที่ดังไม่หยุด
เมื่อเสียงคำรามลดลง ลูกธนูที่เล็งมาเป็นเวลานาน ก็ถูกปล่อยผ่านฝ่ามือของเขาอย่างรวดเร็วทะลุแสงสลัวของผิวภายนอกไป แต่หลังจากทะลุแสงนั่นเข้าไปมันก็แข็งแกร่งและในที่สุดมันก็ปักเข้าไปที่แก้มยักษ์
ในใจของเฉินโจวอี้ตกตะลึงและในขณะที่เขาถอยห่างออกไปอย่างช้า ๆ เขาก็ดึงลูกธนูออกมาอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่คนตัวยักษ์ดึงลูกธนูออกแล้วก็มองไปทางเฉินโจวอี้อย่างรวดเร็ว ในดวงตาของยักษ์กำลังเผาไหม้ด้วยความโกรธ มันก้มตัวลงไปและหยิบไม้ขนาดใหญ่ใต้ฝ่าเท้าของมันขึ้นมาแล้วสาวเท้าเข้าไปหาเฉินโจวอี้ ทำให้พื้นดินก็สั่นสะเทือนเบาๆ
มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่คนตัวยักษ์จะวิ่งได้เร็ว มันเหมือนรถบรรทุกหนักที่บินได้สี่สิบห้าเมตร ยักษ์ยังไม่ทันมาถึงลมก็พัดไปแล้ว
บางคนกลัวจนหน้าซีดและหันหลังหนีไป
บางคนก็ตัวแข็งทื่อและยืนใจลอยคาที่อยู่ตรงจุดนั้น ราวกับว่าจิตวิญญาณนั้นตกใจกลัว
เฉินโจวอี้ยังไม่ทันปล่อยลูกธนูออกไป เขาทิ้งธนูอันนั้นทันทีทันใดและดึงดาบยาวออกมาอย่างรวดเร็ว
เมื่อมองดูยักษ์ที่กำลังเข้ามาใกล้เรื่อยๆหัวใจของเขาจะเต้นเหมือนจังหวะกลอง จู่ๆศีรษะเข้าก็เกิดอาการชา!
เวรเอ้ย มาเป็นอะไรตอนนี้?
ไม่ใช่แค่ฉันที่ยิงแก
เขารู้สึกชัดเจนว่ายักษ์ตนนี้กำลังพุ่งมาหาเขา
ในเวลานี้ถ้าคิดจะหนีอีกละก็มันคงสายเกินไปแล้ว ถึงจะพยายามวิ่งจนสุดชีวิต ก็วิ่งหนีไม่พ้นยักษ์ที่น่ากลัวนี่ได้
ขณะที่เขากำลังจะปล่อยลูกธนู ลูกธนูดอกนั้นเหมือนแสงฟ้าแลบผ่านแสงไฟฟ้าไป ทะลุผ่านอากาศไปในชั่วพริบตาเดียว และพุ่งเข้าไปในดวงตาของยักษ์
เวลาต่อมา ร่างกายของคนตัวยักษ์สั่นสะเทือน เดินได้แค่ไม่กี่ก้าวก็ค่อยๆล้มลงไป แรงกระแทกที่หล่นไปที่พื้นดินทำให้พื้นดินถึงกับสั่นสะเทือน
เฉินโจวอี้หันหลังกลับและมองดูก็เห็นผู้อำนวยการที่อยู่ไม่ไกลเท่าไหร่นักถือคันธนูขนาดยักษ์เพื่อรักษาตำแหน่งยิงธนูและสายธนูข้างบนก็ยังคงสั่นไหวอย่างดุรุนแรง