Dawn of a new era รุ่งอรุณแห่งยุคใหม่ - ตอนที่ 87
ตอนที่ 87 แบบทดสอบอันยิ่งใหญ่
เป็นวิถีของธนูที่แม่นยำมาก!
ลูกธนูที่สมบูรณ์แบบนี้ยิงเข้าไปในดวงตาของยักษ์เป็นการโจมตีที่รุนแรงมาก
และเมื่อเปรียบเทียบกับนักรบผู้ยิ่งใหญ่ วิถีของลูกธนูที่แสนธรรมาดาของเขาก็เหมือนกับนักเรียนประถมที่เผชิญหน้ากับนักศึกษา ไม่ถือว่ามีฝีมือเลยสักนิด
ในใจของเฉินโจวอี้อุทานอย่างตกตะลึง ในขณะเดียวกันก็อ้าปากเปล่งเสียงออกมา
ความประหม่าและใจจดใจจ่อกับการต่อสู้ครั้งก่อน ทำให้เขาเกือบลืมไปเลยว่ามีผู้รับรองเอกสารสามคนอยู่ด้านหลัง
ก็แน่หล่ะ ถึงอย่างไรก็ตามครั้งนี่ไม่ใช่การต่อสู้ที่แท้จริงระหว่างความเป็นความตาย
แต่เป็นการประเมินครั้งแรกต่างหาก ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่จะปล่อยให้ผู้รับการประเมินนี่ตายโดยเสียแรงเปล่า
ถ้าหากปล่อยให้ยักษ์นั่นปะทะเข้ามา เมื่อถึงเวลานั้นจำนวนคนที่จะตายก็ไม่ใช่แค่หนึ่งหรือสองคน มันสามารถทำลายได้ทั้งกองทัพเลย
สำหรับคนกลุ่มของพวกเขา จริงๆแล้วยักษ์ก็ยังไม่มีวิธีที่จะต่อสู้ได้
การป้องกันที่แข็งแกร่งจนเกือบจะเป็นภูมิคุ้มกันของการโจมตีทั้งหมด ลูกธนูของนักรบธรรมดาไม่อาจสร้างความเสียหายได้ อย่างมากก็แค่สร้างความเสียหายได้แค่เล็กๆน้อยๆเท่านั้น
และพละกำลังที่น่ากลังของยักษ์ เพียงแค่โจมตีเบาๆ นักรบที่ร่างการอ่อนแอ เกรงว่าจะสามารถโจมตีจนถึงเลือดถึงเนื้อ
เมื่อเห็นว่ายักษ์ล้มลง ทุกคนก็โล่งใจและถอนหายใจดังเสียงเฮ้อๆ
บางคนก็ทิ้งตัวลงบนพื้นโดยไม่คำนึงถึงตูดของพวกเขาไม่ว่าจะนั่งลงไปที่อะไร สีหน้าซีดเผือด คล้ายกับทั้งร่างกายเหมือนกับหลุดพ้นแล้วยังไงยังงั้น
ฉากแบบนี้ สำหรับนักรบที่ยังขาดประสบการณ์เหล่านี้ มันน่าตื่นเต้นเร้าใจเกินไป
จริงๆแล้วก็เหมือนกับการเดินไปที่ประตูนรกซึ่งห่างจากความตายเพียงแค่นิดเดียว
เฉินโจวอี้สังเกตว่ามีผู้รับรองเอกสารถือแฟ้มเอกสารตั้งแต่ต้นจนจบและจดบันทึกบางสิ่งบางอย่างลงไปและเห็นได้ชัดว่าเขาจดบันทึกความสามารถที่แสดงออกมาให้เห็นของทุกคน
….
ในเวลานี้ก็มีคนร้องตะโกนออกมาด้วยความตกใจ
“ยักษ์นั่นยังไม่ตาย”
ทุกคนเตรียมป้องกันทันที ไม่เว้นแม้กระทั่งคนที่นั่งอยู่ที่พื้นก็ลุกขึ้นยืนทันทีทันใด
แค่เห็นร่างของยักษ์ที่มีแสงสีเหลืองสลัวๆส่องสว่างอยู่ทั้งตัวและกล้ามเนื้อทั่วทั้งตัวก็ปูดขึ้นมา กลิ่นอายของความอึดอัดที่คลุมเครือ บรรยากาศหมอกควันตลบอบอวลไปทั่วทุกสารทิศ
แขนของมันยันไปกับพื้นค่อยๆลุกขึ้นยืนจากนั้นมันก็ลุกขึ้นยืนมาด้วยความเซ ร่างกายของมันแกว่งไปแกว่งมาคล้ายกับคนเมาเหล้า
มันจ้องมองกองกำลังด้วยความโกรธและทำเสียงคำรามคลุมเครือในปากดูเหมือนมันพร้อมที่จะวิ่งไปโจมตีกองกำลัง
แต่ทว่าพอมันเดินโซซัดโซเซได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ล้มลงไปที่พื้นอีกครั้ง
ดวงตาของมันถูกปักลงไปลึกด้วยลูกธนู ไม่เว้นแม้กระทั่งขนนกที่อยู่ท้ายลูกธนูก็เกือบจะปักลงไปมิด ลูกธนูนั้นพุ่งตรงเข้าไปในสมองอย่างชัดเจนแต่ถึงโดนแบบนั้นมันก็ยังไม่ตาย
เฉินโจวอี้หันหลังกลับไปและพบว่าผู้อำนวยการได้วางคันธนูแล้วดูเหมือนว่ายักษ์นี่จะไม่มีแรงคุกคามแล้วและเขาก็ไม่ได้เตรียมตัวจะลงมืออีกครั้ง
ดูเหมือนว่าพวกเขาจะต้องลงมือด้วยตัวเอง!
เฉินโจวอี้หยิบลูกธนูออกมาและง้างคันธนูของเขา
เมื่อมองไปที่ตาข้างหนึ่งของมันที่ยังดีอยู่ เขาเล็งเป้าอยู่นานพอสมควร
และก็ปล่อยสายของธนูที่เขาเล็งเป้าอยู่นาน
ลูกธนูวิ่งผ่านอากาศไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ
ในตอนนี้เฉินโจวอี้อยู่ห่างจากยักษ์เพียงแค่ยี่สิบสามสิบเมตร ความห่างแค่นี้ ไม่ว่าจะเป็นจอมยุทธฝึกหัดคนใดก็ตาม ยิงเข้าตรงเป้าได้อย่างง่ายดายด้วยลูกธนูดอกเดียวและโดยธรรมชาติแล้วไม่มีทางที่จะพลาดเป้าได้
ในเวลาต่อมาลูกธนูก็วิ่งทะลุผ่านแสงสีเหลือง ปักเข้าไปที่ใจกลางของลูกตา ของเหลวที่ข้นหนืดในลูกตาก็ระเบิดออกมาด้วยความรุนแรง
ยักษ์คำรามอีกครั้งและมันพยายามที่จะลุกขึ้นยืนอีกครั้ง หลังจากที่สมองถูกทำลายไปดูเหมือนมันจะสับสนมึนงง ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรกำบังลูกตาของมันได้และมันพยายามที่จะยืนขึ้นอีกครั้งและอีกครั้ง
เฉินโจวอี้ใช้โอกาสนี้ในการดึงลูกธนู ดึงสายธนูและยิงออกไป การเคลื่อนไหวทั้งหมดนี้เขาใช้เวลาน้อยกว่า 0.3 วินาทีในการยิงอีกลูกธนูพุ่งเข้าตาของยักษ์อีกครั้งและเกือบทะลุเข้าเนื้อ
“เร็วเข้า โจมตีอีก!”
ในเวลานี้คนอื่นๆก็เข้ามาโต้ตอบ พากันยิงธนูในทันทีทันใด
ครึ่งนาทีผ่านไป เฉินโจวอี้และคนไม่กี่คนที่กล้าจะเดินไปที่ด้านหน้าของยักษ์ ตอนนี้ยักษ์ไร้เสียงหายใจไปแล้ว แสงสีเหลืองบนร่างกายก็จืดจางหายไปแล้ว ในที่สุดมันก็ตาย
ร่างอันใหญ่โตของมันนอนคว่ำลงบนพื้น ผิวหนังบนร่างกายของมันหยาบเหมือนกระดาษทรายและร่างทั้งร่างนั้นมีกลิ่นเหม็นที่แปลกประหลาดและน่ารังเกียจทำให้รู้สึกคลื่นไส้อาเจียน
สิ่งมีชีวิตนี้ดูเหมือนจะทำให้ผู้คนหวาดกลัว
ถึงแม้ว่ามันจะตายไปแล้ว การที่ยืนอยู่ข้างหน้าศพของยักษ์นี่ ทำให้เฉินโจวอี้รู้สึกถึงแรงกดดันอย่างรุนแรง การหายใจได้เปลี่ยนไปไม่ราบรื่นเหมือนอย่างเคย
ทันใดนั้นเขาก็ดึงดาบออกมา เขาสะบัดดาบออกไปอีกที่อย่างรุนแรงและรวดเร็ว
ดาบที่เพิ่งแทงเข้าไปในเนื้อของมัน ก็รู้สึกถึงแรงต้านทานขนาดใหญ่ ซึ่งค่อนข้างเข้าใจยาก หลังจากที่แทงไปเจอกระดูกก็ไม่สามารถแทงลงไปได้อีก
เขาหยิบดาบที่ติดอยู่แล้วดึงมันกลับมาอีกครั้ง คราวนี้เขาเล็งไปที่ช่องว่างระหว่างกระดูกสันหลังส่วนคอและออกแรงแทงดาบไปอีกครั้ง
คราวนี้แทงลงไปได้ลึกมากกว่า 20 เซนติเมตรและกระดูกสันหลังส่วนคอถูกแทงลงไปได้
เขาฟันดาบลงไปมากกว่าสิบครั้งติดต่อกันจนหายใจหอบแฮกๆ และในที่สุดตัดหัวทั้งหมดของก็ถูกตัด เลือดสีแดงฉานที่มีแรงดันสูงจากแผลสาดกระเซ็นไปทั่วทุกสารทิศ เฉินโจวอี้หลบไม่พ้น ถูกเลือดกระเด็นใส่เลอะเปรอะเปื้อนอยู่ไม่น้อย
ลู่เหว่ยเฟิงดูเหมือนอยากจะอาเจียนบางสิ่งออกมา เมื่อเดินไปที่ด้านข้างร่างนั้น เขาปิดจมูกของเขาและพูดว่า: “เหม็นคาวชิบหาย”
เลือดของยักษ์นั้นเต็มไปด้วยกลิ่นคาวที่รุนแรงและเฉินโชวอี้รู้สึกว่ากลิ่นนั่นแทงเขามาที่จมูกยากที่จะหายใจได้ แต่กลับมีคนพูดว่า: “เหม็นคาวมั้ย ทำไมฉันไม่คิดอย่างนั้นนะ?”
คนที่ท้องเสียก็ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองขี้เหม็นอยู่แล้ว
” รีบแล้วเช็ดเลือดของยักษ์นั่นออกซะ เลือดของสิ่งมีชีวิตบางอย่างมีฤทธิ์กัดกร่อนที่รุนแรงและมันอันตรายมาก อย่าไปโดนมันง่ายๆแบบนั้นถ้าไม่จำเป็น” ผู้อำนวยการรีบส่งเสียงบอกในทันที
เฉินโจวอี้ได้ยินเสียงเตือนนั้นก็ตกใจกลัวสะดุ้งโหยง เขารีบถอดเสื้อที่เลอะเลือดนั่นออกทันที และรีบเช็ดเลือดออกจากร่างกาย สุดท้ายเขาก็พบว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นที่ผิวของเขาเลย แม้กระทั่งรอยแดงก็ไม่มี
อันที่จริงแล้วเขาก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่เหนือธรรมชาติอยู่แล้วในระดับนึงแล้ว
ความสามารถในการควบคุมอากาศที่อ่อนแอชั่วคราวนั้นไม่ได้ถูกเอ่ยถึง ต้นไม้ในโลกแห่งแสงทำให้เขาได้รับการเยียวยามากยิ่งขึ้น ก็เพื่อให้เขาสามารถต้านทานความเสียหายส่วนใหญ่ได้ ถ้าหากความสามารถนี้ไม่ได้ใช้ในการต่อสู้กับความแข็งแรงทนทานของความสามารถแสงเขาอาจจะแพ้ยักษ์นี่…
….
“มีคนเถื่อนกำลังมาทางนี้สามคน”
มีคนร้องเตือนออกมา
ตั้งแต่การต่อสู้เริ่มจนถึงตอนนี้ เวลาก็ล่วงเลยไปกว่าสามนาที
จนถึงเวลานี้ก็พบว่ามีคนเถื่อนที่กล้าหาญสองสามคนมาตรวจลาดเลาสถานการณ์
ฉันต้องพูดเลยว่าคนเถื่อนกลัวพวกยักษ์ขนาดไหน ความกลัวมันฝังลึกลงไปถึงกระดูกสันหลังเลยทีเดียว
แต่สำหรับพวกเขา ไม่ต้องสงสัยเลยมันคือเรื่องที่ดี
การต่อสู้จะเริ่มต้นขึ้นเร็ว ๆ นี้
เมื่อเปรียบเทียบยักษ์แล้ว กับพวกคนเถื่อนจะต้องรับมือมากขึ้น ความคิดก็ผ่อนคลายมากขึ้นไม่ได้รอให้คนเถื่อนมาใกล้มากกว่านี้ ง้างลูกธนูเจ็ดแปดดอกขึ้นมา อดใจรอไม่ไหวที่จะยิงพวกคนเถื่อนทั้งสาม
การต่อสู้ครั้งต่อไปคือการสังหารหมู่
คนป่าเถื่อนมีวิธีการโจมตีที่จำกัด อาวุธที่ใช้สู้ในระยะยาวมีเพียงหอกไว้ใช้ขว้างปาที่ได้ระยะไม่ไกลมาก ความแม่นยำก็แทบจะไม่มี ทั้งหมดนี้เทียบไม่ได้กับคนที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการฝึกต่อสู้อยู่ทุกวัน
นอกจากนี้ในชนเผ่าทั้งหมดนั้นก็ไม่มีนักรบที่แข็งแกร่งอะไร
ในฐานะที่เป็นทาสรับใช้เลี้ยงดูอาหารการกินของยักษ์ ชนเผ่านี้เห็นได้ชัดว่ามีการขาดแคลนอาหารแม้แต่นักรบบางคนผอมและดูอ่อนแอขาดสารอาหารอย่างชัดเจน ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้นักรบไม่สามารถสร้างความแข็งแกร่งขึ้นมาได้
ในตอนท้ายของการต่อสู้ ลูกธนูของเฉินโจวอี้ถูกยิงไปแล้ว เขาต่อสู้อย่างเด็ดขาด ดึงดาบออกมาแล้ววิ่งเขาไปในชนเผ่า คนเถื่อนบางคนที่พยายามหลบหนีถูกจับและไม่สนใจคำอ้อนวอนขอความเมตตา ไม่หยุดการฆ่าเลยแม้แต่น้อย
….
ระหว่างทางกลับบนถนน บรรยากาศเงียบสงบไม่มีใครพูดจาอะไร
บางคนมีสีหน้าไร้ความรู้สึก บางคนแสดงสีหน้าที่เจ็บปวด บางคนก็ใจลอย
ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บสาหัสในการต่อสู้ครั้งนี้ ผู้บาดเจ็บเพียงคนเดียว ล้มลงและเป็นแผลถลอกโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่การสังหารหมู่นี้มีการฆ่าทั้งผู้หญิง คนแก่และเด็ก รวมไปถึงเด็กทารกก็ไม่เว้น
สำหรับความคิดมนุษยธรรมของคนทั่วไป ไม่ต้องสงสัยเลยว่าก่อให้เกิดความขัดแย้งครั้งใหญ่ของยักษ์ การขัดแย้งที่รุนแรงในจิตใจแบบนี้ไม่ใช่จะใช้เวลาสั้นๆเยียวยามันได้
“ระหว่างเผ่าพันธุ์ไม่มีความปราณีมีแต่ความอยู่รอดเท่านั้น ฉันหวังว่าพวกนายจะจำและเตือนสติตัวเองได้! ผู้อำนวยการฟางกล่าวว่า: หลังจากการตรวจสอบการประเมินแล้ว ผู้ที่ผ่านการประเมินมีดังนี้ : เฉินโจวอี้ ว่านเชาชุน … ลู่เหว่ยเฟิง ฉิ้นกั๋วข่าย รวมทั้งหมดสิบสองคน เมื่อถึงเวลาจะประกาศรายชื่อในเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ ขอแสดงความยินดีกับผู้ที่ผ่านการประเมินเพื่อเป็นจอมยุทธ “