Dawn of a new era รุ่งอรุณแห่งยุคใหม่ - ตอนที่ 91
ตอนที่ 91 สิ่งต่างๆยังคงเหมือนเดิม
ในเวลานี้จากสถานที่ที่อยู่ไกลสุดลูกหูลูกตามีรถทหารขับมาด้วยความเร็วสูง
เมื่อรถหยุดทำให้ยางรถถูเสียดสีไปกับพื้นและทำให้เกิดเสียงที่แสบหู
ทหารยี่สิบสามสิบคนกระโดดลงจากรถอย่างรวดเร็ว บางคนก็ยิงเตือนให้ระวัง บางคนก็มองไปที่ทหารที่ถูกฆาตกรรมหมู่และอีกหลายคนที่มีปืนก็เล็งไปที่เฉินโจวอี้ที่ยืนถือดาบอยู่
โชคดีที่ความเข้าใจผิดนี้จะถูกยกเลิกในไม่ช้า
ผู้นำของกองทหารตรวจสอบศพที่มากมายเหล่านี้ด้วยในหน้าที่ห่อเหี่ยว แต่ก็ยังปลุกใจให้ฮึกเฮิมจับมือกับเฉินโจวอี้ ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของคุณ
พบเจอเหตุการณ์แบบนี้ ฉันไม่คิดว่าทุกคนที่ดูอยู่ข้างๆช่วยเหลือตัวเองได้เพียงแต่ว่าคราวนี้ฉันจะไปเมืองตงหนิงกับครอบครัวของฉัน ฉันหวังว่าคุณจะเก็บมันไว้เป็นความลับ เฉินโจวอี้พูดออกมา ถึงอย่างไรก็ตามลัทธินอกรีตก็ยังไม่ได้หายไปในที่สุด ถ้าหากมันแสดงตัวตนออกมาก็มีแนวโน้มมากที่จะเกิดการปะทะตอบโตกัน
“แน่นอน”
….
เฉินโจวอี้กลับไปที่รถบัส
ภายในรถเงียบมากและทุกคนจ้องมองมาที่เฉินโจวอี้ด้วยความเคารพยำเกรง
จอมยุทธอยู่ไกลจากคนธรรมดาและไม่คุ้นเคยกัน คล้ายกับว่าคนจากบนฟ้า
เมื่อเผชิญหน้ากับคนที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ไม่มีใครสามารถที่จะรู้สึกผ่อนคลาย ยิ่งกว่านั้นคือเมื่อมานานก่อนหน้านี้พวกเขายังเห็นเหตุการณ์การสังหารนองเลือดด้วยตาของของพวกเขาเอง
เฉินโจวอี้นั่งอยู่ในตำแหน่งเดิมและแม่ของเฉินโจวอี้หันหลังกลับมาถลึงตาใส่ไปหนึ่งที
เธอไม่ได้รับอันตรายอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะนั่นคือลูกชายของเธอที่มีพลังที่แข็งแกร่ง
โชคดีที่ดูเหมือนว่าจะได้รับผลกระทบจากบรรยากาศที่เงียบสงบภายในรถ สุดท้ายแล้วเธอก็ไม่พูดอะไรเลยเหรอ?
อย่างไรก็ตามช่วงเวลาที่ดีมักจะไม่นาน หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง รถก็มาถึงสถานี
….
“เพี๊ยะ!”
ตอนนี้แกยิ่งต่อต้านมากขึ้นเรื่อยๆหล่ะ?
หลังจากที่ท้ายทอยของเฉินโจวอี้รู้สึกเจ็บ เขาก็มักจะหดคอของเขาเป็นประจำ
แม่ของเฉินโจวอี้พูดด้วยความโกรธจนตีไม่ลง สถานการณ์ที่อันตรายขนาดนั้น ยังพรวดพราดพุ่งเข้าใส่ ไม่รักชีวิตแล้วหรือไง?
เธอเป็นคนที่ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก แต่สำหรับเธอความปลอดภัยของลูกชายของเธอเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
” ที่จริงแล้วมันไม่ได้เป็นอันตรายเลย” เฉินโจวอี้พยายามที่จะพูดโต้แย้งออกมาประโยคหนึ่งผลลัพธ์ก็คือท้ายทอยเค้าโดนฝ่ามือนั้นตีมาอีกที
เฉินซิงเยว่ที่อยู่ข้างๆกำลังมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น
เอาหล่ะ เอาหล่ะ เขาเป็นจอมยุทธอยู่แล้วไม่ใช่เด็กหรือคนธรรมดา ฉันเชื่อว่าใจของเขาก็เหมาะสมที่จะทำมัน เฉินต้าเหว่ยพูดโน้มน้าวใจออกมาหนึ่งประโยค
” เหมาะสมกับผีนะสิ ฉันดูๆแล้วมันคือความโง่ชัดๆ ทำไมฉันถึงมีลูกชายที่โง่ขนาดนี้ได้”
ก่อนอื่นอย่าพูดแบบนี้ หลายคนกำลังมองอยู่!
….
เมืองตงหนิงเต็มไปด้วยตำรวจและทหาร การรักษาความปลอดภัยเข้มงวดมาก จิตใจของผู้คนค่อนข้างมั่นคง ร้านค้าส่วนใหญ่ทั้งสองฝั่งเปิดและมีคนเดินอยู่ไม่น้อยเลยที่เดียว
คนจำนวนมากที่ไม่กลับบ้าน แต่กลับเลือกโรงแรมที่อยู่ห่างจากบ้านแทน
มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น สภาพจิตใจของคนส่วนใหญ่ก็ถูกบ่มเลี้ยงให้เปลี่ยนเป็นความระมัดระวังมากขึ้นภายในจิตใจ ถึงอย่างไรก็ตามตอนนี้ลัทธินอกรีตก็ยังไม่ได้ถูกกำจัดออกไป ไม่มีใครสามารถรับประกันได้และยังไม่มีใครใส่ใจกับเรื่องนี้หลังจากเช็คอินที่โรงแรมแล้ว เฉินโจวอี้ก็กลับไปที่ห้องของเขาและวางกระเป๋าลง
เขาเปิดหน้าต่างและตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบๆ ที่ตรงนี้อยู่ในพื้นที่แหล่งค้าขายที่เจริญคึกคัก ด้านหน้าของถนนมีเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจหลายคนลาดตระเวนไปมา
น่าจะปลอดภัยกว่า
เขาดูเวลาดูเวลาอีก ก็ยังคงเป็นเวลาเก้าโมงเช้าอยู่ อีกนานกว่าจะถึงเวลาของมื้อเที่ยง
เขาเคาะประตูห้องของพ่อและแม่เพราะว่าเขามีข้อแก้ตัวที่จะหยิบกระเป๋าเอกสารออกจากโรงแรมได้
….
เดินไปบนถนนผ่านโรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง
มองไปเห็นนักเรียนประถมกำลังเรียนวิชาพละศึกษาอยู่ในสนามกีฬา
ทันใดนั้นเฉินโจวอี้ก็คิดได้ทันทีว่าที่เมืองตงหนิงกำลังจะเปิดสอนอีกครั้งหลังจากหยุดเรียนไป
ในใจเขาอดไม่ได้แปรเปลี่ยนเป็นความดีใจ เขาโบกรถแท็กซี่อย่างรวดเร็ว
จะไปไหนครับ” คนขับถาม
“มัธยมอู่จง!”
คนขับชำเลืองมองเฉินโจวอี้ผ่านกระจกมองหลังแล้วพูดว่า มันสายแล้วนะ?
เร็วเข้า! เฉินโจวอี้พูดด้วยความกระวนกระวายใจ
จะไปเดี๋ยวนี้แหละ! คนขับยิ้มและออกตัวอย่างรวดเร็ว
ทิวทัศน์ที่มองออกไปทางนอกหน้าต่างก็จางหายไปอย่างรวดเร็วทำให้ใจของเขาเต้นรัวตุ๊บๆ
สิบนาทีต่อมาเฉินโจวอี้ก็แบงค์หนึ่งร้อยหยวนให้คนขับและเปิดประตูรถ
ยังไม่ได้ทอนเงินคุณเลย!
“ไม่ต้องแล้ว!”
เฉินโจวอี้เดินไปทางประตูโรงเรียนอย่างรวดเร็ว
ประตูไฟฟ้าดั้งเดิมของประตูโรงเรียนถูกรื้อถอนออกและถูกแทนที่ด้วยประตูเหล็กขนาดใหญ่ที่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสี่คนยืนอยู่ทั้งสองฝั่ง
ในช่วงเวลานี้โรงเรียนมีความมั่นคงทางด้านความปลอดภัยอย่างชัดเจน
แน่นอนว่าประตูเหล็กขนาดใหญ่นั้นใช้สำหรับการเข้าออกยานพาหนะของเจ้าหน้าที่ในโรงเรียนและสำหรับนักเรียนเวลาเดินเข้เดินออกก็ประตูเหล็กเล็ก ๆนั่น
คุณลุง เปิดประตูให้หน่อยครับ! เฉินโจวอี้เคาะที่ห้องรักษาความปลอดภัย
ยามของห้องรักษาความปลอดภัยมองไปที่เฉินโจวอี้อย่างระมัดระวังและถามด้วยความไม่แน่ใจว่า ไอ้หนุ่มนายมาหาใคร?
เด็กหนุ่มที่ดูวัยรุ่นนี้แต่ออร่าที่ออกมาจากเด็กหนุ่มนั้นดูเข้มแข็งและยิ่งใหญ่ ความคลุมเครือที่รู้สึกกดดันนี้ทำให้เขาไม่สามารถตัดสินได้ว่านี่เป็นนักเรียนหรือคนนอก
ฉันคือเฉินโจวอี้ มัธยมหกห้องเจ็ด
ยามที่ป้อมยามจ้องมองเขาด้วยสายที่น่าสงสัยภายใต้แว่นสายตายาวนั้นพลางหยิบบัญชีรายชื่อมาค้นหาชื่อ แต่ก็พบว่ามีชื่อของเขาอยู่ในชั้นมัธยมหกห้องเจ็ดจริงๆ
เฉินโจวอี้ก็โล่งอกและถอนหายใจออกมาด้วยเหมือนกัน ดูเหมือนว่าบัญชีรายชื่อของนักเรียนจะไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยไม่เช่นนั้นเขาต้องปีนกำแพงด้านนอกเพื่อข้ามเข้าไป
หลังจากเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นนักเรียนทัศนคติของยามก็เปลี่ยนไปพลังและความกระฉับกระเฉงก็ตามมาเช่นกัน
นายดูเวลา นายมาสายตั้งชั่วโมงกว่าๆ มา นายต้องมาลงชื่อก่อน
เฉินโจวอี้ ไม่มีทางเลือกนอกจากลงชื่อของเขา
….
กลับเข้ามาในโรงเรียนอีกครั้ง เขาเลยมีความรู้สึกแบบเมื่อก่อน
โรงเรียนก็ยังคงเป็นโรงเรียนแต่เขาไม่เหมือนเขาในตอนเมื่อก่อน
เขาเดินไปที่ระเบียงทางเดินของห้องเจ็ดอย่างรวดเร็ว มองทะลุผ่านหน้าต่างเข้าไปข้างใน แต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของจางเซียวเยว่ เขาคิดว่าเขามองพลาดและมองเข้าไปอีกที…
ในเวลานี้ยังเป็นเวลาเรียนอยู่ ครูประจำชั้นเฉาลี่ลี่กำลังพูดอยู่หน้าห้องและพูดจนปากเปียกปากแฉะ
การสอบประจำเดือนของเดือนนี้ ความสำเร็จของเธอในการสอบครั้งนี้คืออะไร?
ห้อเจ็ดของเราเกือบจะอยู่ที่อันดับสุดท้าย!
ฉันได้สอนหนังสือเป็นเวลาหกปีและสอนจบมาแล้วสามรุ่น
แต่พวกเธอเป็นรุ่นแรกที่แย่ที่สุดเท่าที่ฉันเคยสอนมา
ในเวลานี้เห็นบางคนเสมองออกไปนอกหน้าต่าง บางคนก็เล่นหูเล่นตา ครูเฉาลี่ลี่ถึงกับควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่
ซุนซิน นอกหน้าต่างนั่นมีอะไรน่าดูเหรอ เธอยืนขึ้นและบอกพวกเราทีสิ … การสอบประจำเดือนครั้งที่แล้วของเธอได้คะแนนน้อยที่สุด การสอบครั้งนี้ไม่สามารถสอบซ่อมได้ ถ้าคะแนนยังเป็นเหมือนเดิม….
ซุนซินตอบพูดเสียงดังเหมือนหมูไม่กลัวน้ำร้อน “เป็นเพราะว่าเฉินโจวอี้ส่งผลกระทบต่อหนูคะ!
ครูเฉาลี่ลี่งงนิดหน่อยและประตูก็เปิดออก เธอประหลาดใจที่เห็นวัยรุ่นคนนี้เปลี่ยนไปเหมือนคนไม่รู้จักกัน
“เฉินโจวอี้!”
ถึงแม้ว่าจะยังไม่เห็นจางเซียวเยว่ ในใจก็เกิดอาการว้าวุ่น แต่เฉินโจวอี้ยังคงส่งรอยยิ้มแล้วพูดทักทาย” สวัสดีครับครูเฉา!”
เฉาลี่ลี่ถามด้วยความแปลกใจ นายจริงๆด้วย วันนี้นายกลับมาแล้วเหรอ ? ทำเรื่องกลับมาเรียนต่อแล้วใช่มั้ย
ไม่ใช่ครับ ผมแค่มาหาเพื่อนของผม! เฉินโจวอี้กล่าว
จากนั้นเขาก็พูดว่า อีกอย่างนึง ตอนนี้ผมผ่านการฝึกหัดจนได้เป็นจอมยุทธแล้วครับ
เขาไม่ได้พูดใบรับรองการเป็นจอมยุทธ อย่างไรก็ตามก็ยังคงน่าตกใจเกินไปอยู่ดี
แต่ถึงอย่างนั้น เฉาลี่ลี่ก็ยังแปลกใจจนอ้าปากค้างอยู่ดี ทั้งห้องเรียนส่งเสียงเจี๊ยวจาว โรงเรียนมัธยมอู่จงเป็นโรงเรียนมัธยมธรรมดา ในทุกปีจำนวนคนที่ได้รับใบรับรองการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้นั้นน้อยกว่าโรงเรียนที่มีชื่อเสียง
ครูเฉา ผมไม่รบกวนเวลาเรียนดีกว่า รอเลิกเรียนแล้วผมค่อยมาอีกที!
เฉินโจวอี้เดินลงบันไดด้วยจิตใจที่ซึมเศร้าและนั่งลงข้างส่วนหย่อมดอกไม้ด้วยความใจลอยอย่างเงียบๆ
ไม่ได้เกิดเรื่องไม่ดีกับจางเซียวเยว่ใช่มั้ย?
ยิ่งเขาคิดมากเท่าไรจิตใจเขาก็ยิ่งไม่สงบ
ความยุ่งเหยิงภายในใจนี้!
ไม่ง่ายเลยที่จะรอจนกว่าเสียงระฆังจะดังขึ้นในที่สุด
เฉินโจวอี้ลุกขึ้นแล้วเดินกลับไปที่ชั้นเรียนและทันใดนั้นก็ถูกรายล้อมไปด้วยคนกลุ่มใหญ่
นายเปลี่ยนใหญ่มาก ฉันจำนายแทบไม่ได้แหน่ะ
เฉินโจวอี้นายผ่านการทดสอบจอมยุทธจริง ๆ หรือเปล่า?
น่าอิจฉาจริงๆ ในที่สุดนายก็เป็นอิสระ
“น่าสงสารที่พวกเรายังต้องทนทุกข์อยู่!
เขาต้องรับมือกับเพื่อนร่วมชั้นที่กระตือรือร้นและมีความอยากรู้อยากเห็น เฉินโจวอี้จึงดึงซุนซินและไปที่ระเบียงทางเดินแล้วถามว่า ทำไมถึงไม่เห็นหัวหน้าห้องเลยหล่ะ
“แหม่ เปิดปากคำแรกก็ถามถึงหัวหน้าห้องเลยนะ นายนี่เลยจริงๆเลย มีเพื่อนต่างเพศนี่มันเป็นอย่างนี้นี่เอง
อย่ามาพูดไร้สาระ บอกมาเร็ว!
เมื่อเห็นว่าเฉินโจวอี้เป็นคนใจร้อน ซุนซินก็รู้สึกกดดันอย่างมากในการอธิบายและตอบออกไปอย่างรวดเร็วว่า
เธอย้ายโรงเรียนไปแล้ว ฉันได้ยินมาว่าพ่อของเธอย้ายไปทำงานที่อื่นและเธอต้องย้ายโรงเรียนไปด้วย
” เธอบอกหรือเปล่าว่าไปที่ไหน?” เฉินโจวอี้ถามอย่างรวดเร็ว
” เธอไม่มีเรียน ฉันจะไปรู้ได้ยังไง ไปถามครูประจำชั้นเองสิ !”