Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1319
ปรากฏร่างหลายร่างเรียงรายกันอยู่คนหมู่เมฆสีดำทมิฬที่อยู่บนฟากฟ้าซึ่งแต่ละร่างล้วนอัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายทำลายล้างอันทรงพลังที่สามารถบดขยี้ห้วงจักรวาลลงได้ง่ายๆส่งผลให้ดวงวิญญาณของทุกผู้คนที่อยู่ภายในดินแดนแห่งนี้สั่นไหวอย่างรุนแรง
“นี่มัน ……ทำไมท้องฟ้าถึงได้กลายเป็นแบบนี้ ?! ”
“มันเกิด…..อะไรขึ้น ?! ”
“กลิ่นอาย….นี้มัน……”
ทุกชีวิตพากันหวาดหวั่น
กลิ่นอายทำลายล้างที่แผดขยายไปทั่วทั้งดินแดนแห่งนี้ให้ความรู้สึกไม่ต่างกับวันสิ้นโลกอย่างแท้จริง
เหล่าผู้เชี่ยวชาญเผ่ายมโลกที่รอดชีวิตเหลืออยู่ต่างพากันสั่นไปด้วยความกลัว
ทึ้มม ~!
เสียงฟ้าร้องคำรามถูกส่งออกมาอย่างดัง
ภาพคลื่นสายฟ้าอันน่าสะพรึงกลัวนี้สร้างความหวาดหวั่นให้กับผู้คนอย่างมาก
หลินเทียนที่ยืนอยู่ใจกลางดินแดนที่ล่มสลายนี้หันมองออกไปยังร่างเงาที่ให้ความรู้สึกเสมือนสร้างขึ้นจากสัจธรรมของโลกใบนี้
“เหมือนครั้งที่สาม”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง
เป็นเพราะเขาเองก็ก้าวข้ามทัณฑ์สวรรค์มาแล้วหลายๆครั้งและภาพที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ไม่ต่างจากทัณฑ์สวรรค์รอบที่สามของเขาเลยด้วยซ้ำ
แต่แน่นอนว่าพลังทำลายของมันยิ่งใหญ่กว่าจนเทียบกันไม่ได้
ทึ้มม ~!
เสียงฟ้าร้องคำรามถูกส่งออกมาอีกครั้งขณะที่คลื่นสายฟ้าอันทรงพลังส่งแรงกดดันลงมาจากฟากฟ้า
มันเป็นเพียงประกายสายฟ้าที่เกิดจากทัณฑ์สายฟ้าระลอกนี้ทว่ากลับอัดแน่นไปด้วยพลังทำลายล้างที่หนักหน่วงไม่ได้ด้อยไปกว่าทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่สิบเจ็ดแม้แต่น้อย
ร่างกายของหลินเทียนในตอนนี้ยังคงรายล้อมไปด้วยประกายแสงเจ็ดสีที่เข้มข้นเสมือนสวมเกราะเอาไว้ก่อนที่คลื่นสายฟ้าเหล่านั้นจะสลายหายไปโดยที่ไม่สามารถแตะต้องร่างของหลินเทียนได้
ตู้มมม ~!
คลื่นสายฟ้าอันทรงพลังส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหวออกมาอีกครั้งสร้างความรู้สึกที่น่าสะพรึงกลัวให้กับผู้คนโดยรอบ
และมันเป็นตอนนี้เองที่ภาพร่างเหล่านั้นได้ก่อตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์โดยที่แต่ละร่างล้วนแสดงสีหน้าที่ราบเรียบออกมาแต่กลับให้ความรู้สึกไม่ต่างจากต้นตอแห่งการทำลายล้างที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่ 17 กว่าหลายร้อยเท่า
ฟึ้บบ !
ฟึ้บ !
ฟึ้บบ ~!
หมู่นางฟ้าที่เคลื่อนตัวลงมาได้บดขยี้มิติที่อยู่รอบข้างออกเป็นชิ้นๆเสมือนว่าแปรเปลี่ยนกลายเป็นความว่างเปล่าโดยที่ไม่สามารถฟื้นฟูกลับมาได้ง่ายๆ
หลินเทียนที่กำลังกำกระบี่เอาไว้ด้วยมือขวาได้โบกมือซ้ายออกไปเพื่อส่งลำแสงเจ็ดสีออกไปเบื้องหน้า
นี่ทำให้ภาพร่างของนางฟ้าได้สั่นไหวไปอย่างรุนแรงก่อนที่จะแหลกสลายหายไปอย่างสมบูรณ์
เป็นเพราะว่าพลังอำนาจของประกายแสงเจ็ดสีนี้แข็งแกร่งกว่ามาก !
ตู้มม ~!
เสียงดังกึกก้องถูกส่งออกมาจากม่านฟ้าขณะที่คลื่นสายฟ้ามากมายโลดแล่นออกไปทั่วทิศทาง
ม่านฟ้าที่แปรเปลี่ยนกลายเป็นทะเลแห่งการทำลายล้างได้กดทับลงมา
หลินเทียนที่ยืนอยู่ท่ามกลางดินแดนที่ล่มสลายนี้ได้ใช้ประกายแสงเจ็ดสีปกป้องร่างกายเอาไว้ได้โดยที่ไม่ได้รับความเสียหายใดๆ
สายฟ้าเหล่านี้มิอาจแตะต้องร่างของเขาได้ !
“มาสิ ! ”
เขาแหงนหน้ามองขึ้นไปพร้อมทั้งส่งเสียงออกมา
เสมือนว่าหมู่เมฆนี้มีสติปัญญาเป็นของตัวเองและสัมผัสได้ถึงการยั่วยุของหลินเทียนทำให้มันระเบิดคลื่นสายฟ้าอันทรงพลังออกมาส่งผลให้พลังทำลายพุ่งสูงขึ้นกว่าเก่าเป็นสิบๆเท่า
เปรี้ยงง ~!
เปรี้ยง !
เปรี้ยงง !
เสียงฟ้าร้องคำรามถูกส่งออกมาพร้อมๆกับแรงกดดันอันทรงพลังที่กดทับลงมาเบื้องล่าง
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่เหล่าร่างเงาทั้งหลายที่รวมตัวกันอยู่บนฟากฟ้าได้โถมลงมาพร้อมๆกันด้วยพลังทำลายที่พร้อมจะบดขยี้ดินแดนแห่งนี้
มันทำให้โลกทั้งใบสั่นไหวอย่างรุนแรงขณะที่กลิ่นอายทำลายล้างแผดขยายออกไปทั่วพื้นที่
“ระลอกสุดท้ายแล้ว ”
หลินเทียนพึมพำออกมา
เขาที่ยืนอยู่ท่ามกลางศูนย์กลางทำลายล้างนี้สัมผัสได้ถึงพลังทำลายล้างที่พร้อมจะบดขยี้ร่างของเขาด้วยสีหน้าที่ไม่ได้หวาดหวั่นแม้แต่น้อย
ตู้มม !
เคล็ดวิชาดวงใจสุริยันหมุนวนอย่างรวดเร็วก่อนที่จะส่องสว่างออกไปรอบทิศทาง
“ใช้เจ้าล่ะนะ”
เขามองไปยังกระบี่เทวะในมือก่อนที่จะส่งถ่ายพลังเทวะลงไปพร้อมทั้งฟาดฟันขึ้นไปยังม่านสายฟ้าที่กำลังกดทับลงมา
แกร๊ง !
เสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาอย่างดังถึงขั้นที่พลังทำลายอันรุนแรงนี้ก้าวข้ามดินแดนแห่งนี้ไปยังโลกอีกฝั่งทำให้ทุกชีวิตต่างสั่นสะท้านไปด้วยความกลัว
กระบี่เทวะสั่นไหวพร้อมทั้งส่งคลื่นพลังอันหนักหน่วงพวยพุ่งขึ้นไปบนฟากฟ้า
ฟึ้บบบ ~!
ฟึ้บ !
ฟึ้บบบ !
คลื่นกระบี่อันทรงพลังได้บดขยี้ทุกสรรพสิ่งที่อยู่ในเส้นทางของมันไม่ว่าจะเป็นนางฟ้า อัศวิน ผีร้าย อสูรหรืออื่นๆโดยที่ไม่มีสิ่งใดสามารถหยุดยั้งมันได้
คลื่นกระบี่ยังคงพวยพุ่งออกไปฟาดฟันเข้าใส่ม่านฟ้าพร้อมทั้งบดขยี้หมู่เมฆสีดำทมิฬลงด้วยพลังทำลายที่ส่องประกายแสงเจ็ดสีสว่างไสวไปทั่วทิศทาง
เปรี้ย ~!
เสียงปริแตกถูกส่งออกมาอย่างดังกึงก้อง
เมื่อมองออกไปแล้วจะพบว่าหมู่เมฆได้แหลกสลายหายไปขณะที่ปรากฏรอยปริแตกที่สุดของฟ้าพร้อมๆกับประกายแสงลึกลับที่รั่วไหลออกมา
มันเป็นประกายแสงที่อัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายอันทรงพลังแต่กลับให้ความรู้สึกที่อ่อนโยนเสมือนศูนย์รวมแห่งความหวัง
ร่างกายของหลินเทียนถึงกับสั่นสะท้านไปอย่างรุนแรงเพราะเมื่อมองออกไปแล้วจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันยิ่งใหญ่ที่ไม่ใช่ของโลกใบนี้
“นี่มัน…..”
ดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้นอย่างฉับพลัน
กลิ่นอายที่ไหลทะลักออกมานี้มันยิ่งใหญ่เกินกว่าที่จะเป็นของสวรรค์ชั้นที่หนึ่งถึงเก้าเสมือนว่ามันเป็นต้นตอแห่งความเป็นไปได้ทั้งปวง
พลังฉีที่สัมผัสได้มันเข้มข้นยิ่งกว่าสถานที่ไหนๆภายในโลกใบนี้ถึงขั้นทำให้ดวงวิญญาณของเขาสั่นสะท้านไม่หยุดหย่อน
นี่ทำให้เขาสรุปได้เลยว่าเบื้องหลังรอยแยกนั้นจะต้องเป็นสถานที่ๆยิ่งใหญ่กว่าสวรรค์ชั้นที่เก้า
“ด้านหลังนั้นมัน…..สวรรค์ชั้นที่สิบ ?! ”
ดวงตาของเขาได้หดเล็กลงขณะที่หัวใจเต้นถี่ขึ้น
เขาเชื่อในลางสังหรณ์ของตัวเองเป็นอย่างดีว่านั่นจะต้องเป็นสวรรค์ชั้นที่สิบอย่างแน่นอน !
กระบี่เจ็ดสีของเขาได้ฟาดฟันม่านพลังของสวรรค์ชั้นที่สิบออก !
รอยแยกที่ส่องประกายแสงอันลึกลับออกมาค่อยๆรักษาตัวเองอย่างช้าๆ
นี่ทำให้ร่างกายของเขาสั่นไหวไปอีกครั้งก่อนที่จะกัดฟันเอาไว้แน่นแล้วพุ่งออกไปอย่างไม่ลังเล
วิ้สสส ~!
เสียงพุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาขณะที่เขาใช้ทักษะก้าวย่างแห่งสวรรค์จนถึงขีดสุด
รอยแยกขนาดเจ็ดฟุตค่อยๆรักษาตัวอย่างช้าๆจนเหลือหกฟุต ห้าฟุต สี่ฟุต สามฟุต สองฟุตและปิดลงอย่างสมบูรณ์
รอบตัวเขาในตอนนี้รายล้อมไปด้วยความมืดมิดขณะที่กลิ่นอายของเขาหายไปจากดินแดนผนึกยุคบรรพกาลอย่างสมบูรณ์
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานขนาดไหนก่อนที่จะพบกับแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์แห่งความมืดนี้ก่อนที่สายลมอ่อนๆจะพัดพาความเย็นอันอ่อนโยนมาสู่ร่างของเขา
เมื่อมองออกไปแล้วจะพบกับต้นหญ้ามากมายที่มีความสูงประมาณหนึ่งฟุตรายล้อมไปด้วยก้อนหินและบรรยากาศที่เงียบสงบ
หลินเทียนหันมองออกไปยังภาพที่อยู่ตรงหน้าของเขา
พื้นที่แห่งนี้ไม่มีภูเขาใหญ่ ไม่มีสัตว์อสูรแต่มีเพียงพื้นดินราบอันกว้างใหญ่เท่านั้น
เขาที่ยืนอยู่ท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ได้ถูกสายลมอ่อนๆพัดเข้าใส่ทำให้เสื้อผ้าและผมสีดำยาวของเขาปลิวไสว
“นี่คือสวรรค์ชั้นที่สิบ ? ”
เขาได้แต่ผงะไป
เป็นเพราะเขาเคยจินตนาการภาพของสวรรค์ชั้นนี้เอาไว้มากมายว่าจะต้องเป็นดินแดนที่เก่าแก่มีขุนเขาและแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์อยู่มากมายทว่าภาพตรงหน้าของเขากลับต่างออกไปอย่างมากเพราะนอกจากดินแดนอันกว้างใหญ่ที่อัดแน่นไปด้วยพลังฉีแล้วมันก็ไม่มีอะไรอีกเลยยกเว้นความรกร้าง
“บึ้สส ~!”
อากาศโดยรอบสั่นไหวเล็กน้อย
ปรากฏหมู่เมฆเจ็ดสีขึ้นเหนือศีรษะของเขาก่อนที่ประกายแสงอันอ่อนโยนจะโอบอุ้มร่างของเขาเอาไว้