Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1324
ประกายแสงสีขาวอันทรงพลังและเข้มข้นจำนวนมากโถมเข้าสู่ร่างของเขาพร้อมๆกับพลังฉีของสวรรค์ชั้นนี้ทำให้กลิ่นอายของเขาพุ่งสูงขึ้นด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่ออย่างมาก
“บึ้สส ! ”
ประกายแสงสีทองอันเข้มข้นส่องประกายออกไปรอบทิศทางและทำให้อากาศโดยรอบบิดตัวอย่างรุนแรง
เขาหมุนวนเคล็ดวิชาดวงใจสุริยันอย่างรวดเร็วทำให้ร่างกายของเขาผ่อนคลายขณะที่ปลดผนึกไปในเวลาเดียวกัน
หลังจากนั้นประกายแสงสีขาวที่ไหลเวียนเข้าสู่ร่างของเขาก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นๆ
พริบตาระดับพลังของเขาก็ได้ไปถึงเขตแดนจ้าวสวรรค์ระดับ 5 ตอนปลาย
และมันยังคงพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยที่ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดแม้แต่น้อย
เขายังคงปลดผนึกและดูดซับพลังทั้งหลายที่ส่งผ่านข้ามห้วงมิติมาอยู่กว่าสองชั่วโมงเต็มๆ
“ตู้มม ~! ”
มันเป็นตอนนี้เองที่กลิ่นอายอันเข้มข้นได้ระเบิดออกมาจากร่างของเขาอีกครั้งหลังจากที่ตัดผ่านเขตแดนจ้าวสวรรค์ระดับ 6
แน่นอนว่าเขาเองก็สัมผัสได้ถึงสิ่งเหล่านี้ดีแต่ก็ไม่ได้สนใจและยังคงพยายามปลดผนึกม่านพลังต่อไปอย่างตั้งใจในขณะที่ประกายแสงสีขาวยังคงพุ่งข้ามมิติมาจากสวรรค์แต่ละชั้นด้วยพลังที่เข้มข้นยิ่งกว่าพลังฉีจากสวรรค์ทั้งสิบชั้น
ก่อนหน้านี้เขาไม่คิดเลยด้วยซ้ำว่าหลังจากที่ถ่ายถอดเรื่องเหล่านี้ไปแล้วจะได้รับการตอบแทนกลับมาเช่นนี้ทำให้เขายิ่งตั้งใจขึ้นไปอีก
“เขตแดนนิรันด์ที่แท้จริงคือการมีร่างกายเป็นอมตะและดวงวิญญาณที่ไม่มีวันดับสูญ รับรู้ได้ถึงสัจธรรมแห่งนิรันด์”
“เขตแดนนิรันด์ทองคำคือเขตแดนที่สามารถควบคุมสัจธรรมแห่งนิรันด์ทั้งหลาย ”
“นิรันด์ล้ำลึกคือการเข้าใจถึงความลึกล้ำของทักษะต่างๆมีพลังที่กล้าแกร่งไร้เทียมทาน ”
เขาส่งเสียงอันราบเรียบออกไปทั่วสวรรค์ทั้งสิบชั้นให้ความรู้สึกไม่ต่างจากเสียงแห่งสัจธรรม
……….
ประกายแสงเจิดจรัสที่สาดส่องอยู่ในสวรรค์ชั้นที่เก้ายิ่งเข้มข้นขึ้นกว่าเก่าถึงขั้นแทบจะบดบังดวงอาทิตย์แต่กลับให้ความรู้สึกที่อบอุ่นอย่างมาก
ในตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญทั่วสวรรค์ชั้นนี้ต่างพากันนั่งขัดสมาธิลงกับพื้นโดยที่ทิ้งทุกอย่างเอาไว้เพื่อรับฟังเสียงเหล่านี้
ระหว่างนี้ถ่อยคำทั้งหลายก็ทะลวงผ่านม่านสวรรค์ชั้นที่เก้าลงไปยังสวรรค์ชั้นที่แปดก่อนที่ผู้คนทั้งหลายจะพากันนั่งขัดสมาธิลงกับที่เพื่อรับฟังคำสอบ
ยิ่งรับฟังเท่าไหร่กลิ่นอายของพวกเขาก็ยิ่งพุ่งสูงขึ้นมากเท่านั้น
“ตู้มม ~! ”
“ตู้ม! ”
“ตู้มม ! ”
นี่ทำให้กลิ่นอายอันทรงพลังพวยพุ่งออกมาทั่วสวรรค์ทุกชั้นอย่างต่อเนื่องขณะที่ผู้เชี่ยวชาญหลายๆคนที่อยู่ในช่วงคอขวดต่างตัดผ่านไปยังระดับพลังใหม่
………
หลินเทียนที่อยู่ในสวรรค์ชั้นที่สิบยังคงรายล้อมไปด้วยประกายแสงสีทองอันเข้มข้น
“บึ้สส ~! ”
ประกายแสงสีขาวยิ่งเข้มข้นมากขึ้นๆพร้อมทั้งไหลซึมเข้าสู่ร่างของเขาอย่างบ้าคลั่งส่งผลให้กลิ่นอายของเขายังคงพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เขาตั้งใจปลดผนึกม่านพลังพร้อมๆกับถ่ายทอดคำสอนต่อไป
พริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าสามวันเต็มๆ
หลังจากที่ผ่านสามวันมานี้เขาก็ได้หยุดมือลง
“เยี่ยม ! ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง
ในเวลาเดียวกันนี้ม่านพลังยังคงหนาแน่นและแข็งแรงอยู่อย่างเก่าทำให้แม้แต่เขตแดนจ้าวสวรรค์ก็ไม่สามารถก้าวข้ามมาได้ทว่ายิ่งเวลาผ่านไปเรื่อยๆก็จะกลับสู่สภาวะปกติภายใน 40 วันและตราบเท่าที่อยู่ในเขตแดนกึ่งจักรพรรดิตอนปลายก็จะสามารถก้าวข้ามมาได้
“อย่างน้อยๆบ่มเพาะอยู่ที่นี่ก็จะเร็วกว่าสวรรค์ชั้นที่ 9 หลายสิบเท่า ”
เขาพึมพำออกมา
เป็นเพราะว่าสวรรค์ชั้นนี้รายล้อมไปด้วยแผ่นดินที่ราบเรียบก็จริงทว่าพลังฉีภายในสถานที่แห่งนี่มันเข้มข้นเกินคำบรรยายทำให้ช่วยเพิ่มผลลัพธ์ด้วยความพยายามเพียงแค่ครึ่งเดียว
“บึ้สส ~! ”
ร่างกายของเขายังคงแผดประกายแสงสีทองออกมาอย่างเข้มข้นขณะที่คลื่นพลังสีขาวยังคงไหลเวียนเข้าสู่ร่างของเขาจนเวลาผ่านไปกว่าครึ่งเดือนถึงจะจางลง
หลังจากนั้นอีกสามวันมันก็สลายหายไปอย่างสมบูรณ์แต่ประกายแสงจากพลังฉีของสวรรค์ชั้นนี้ยังคงโถมเข้ามาด้วยพลังที่เบาบางลงมาก
“เขตแดนจ้าวสวรรค์ระดับ 7 ! ”
หลินเทียนได้หยุดการบ่มเพาะลงด้วยดวงตาที่ส่องประกายออกมาหลังจากที่สัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของตัวเอง
ณ ตอนนี้หากว่าเขาต้องเผชิญหน้ากับบรรพบุรุษสูงสุดเผ่ายมโลกอีกครั้งก็สามารถสังหารอีกฝ่ายได้ภายในการโจมตีเดียวและด้วยพลังของเขาในตอนนี้จึงเรียกได้ว่าแข็งแกร่งที่สุดภายใต้เขตแดนจักรพรรดิแห่งความว่างเปล่า
“เยี่ยม ”
เขาส่งเสียงออกมด้วยดวงตาที่ส่องประกาย
การที่บังเอิญก้าวข้ามมาในสวรรค์ชั้นนี้ทำให้เขาได้รับผลประโยชน์อย่างใหญ่หลวงไม่ว่าจะเป็นความลับแห่งความเป็นอมตะหรือแม้กระทั่งการตัดผ่านเขตแดนจ้าวสวรรค์ระดับ 7 นี่มันทำให้เขารู้สึกเหมือนฝันไปด้วยซ้ำ
มันเป็นผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่อย่างมาก
“เป็นความชอบของกระบี่เทวะอย่างเดียวเลยไม่งั้นก็คงไม่สามารถก้าวข้ามมาที่นี่ได้และคงตกตายลงภายใต้ทัณฑ์สายฟ้าไปแล้ว ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง
เขายังคงยืนอยู่กับที่พลางยิ่งคิดว่ากระบี่เทวะภายในทะเลความรู้ของเขามันทรงพลังอย่างมาก
เคล็ดวิชาดวงใจสุริยันได้หมุนวนขณะที่เขากำลังจะปรับสมดุลของรากฐานการบ่มเพาะ
“ฟู้วว ~! ”
สายลมอ่อนๆพัดผ่านสถานที่แห่งนี้
ประกายแสงไหลเวียนเข้าสู่ร่างของเขาจากรอบทิศทางแม้มันจะเบาบางลงอย่างมากก็ตาม
และมันเป็นตอนนี้เองที่ทะเลความรู้ของเขาได้สั่นไหวอย่างรุนแรงก่อนที่จะปรากฏภาพร่างอันเลือนรางขึ้นภายในสมองของเขาซึ่งเหมือนว่าเคยเป็นภาพความทรงจำของสถานที่แห่งนี้
เขาได้พบกับร่างเก้าร่างที่ก้าวข้ามมายังสวรรค์ชั้นนี้และพุ่งผ่านม่านสวรรค์ออกไป
ร่างทั้งเก้าร่างนี้อาจจะดูเลือนรางทว่ากลิ่นอายที่ส่งออกมามันทำให้หัวใจของเขาสั่นไหวไปทันที
“จ้าวสวรรค์ไท่หยาง จ้าวสวรรค์ไท่หยิน จ้าวสวรรค์ฮุ่นต๊วน จ้าวสวรรค์จางหลง จ้าวสวรรค์อ้อเจียน จ้าวสวรรค์เหยาฮ้วง จ้าวสวรรค์เต๋าฮ้วง จ้าวสวรรค์เต๋าเหลินและจ้าวสวรรค์เฟิงเฉิน ”
สายตาของเขาหดเล็กลงโดยทันที
แม้ว่าทั้งเก้าร่างจะดูเลือนรางทว่ากลิ่นอายที่พวกเขาส่งออกมาล้วนแล้วแต่ให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยอย่างมากเพราะเขาเชี่ยวชาญทักษะของทั้งเก้าคนเป็นอย่างดีถึงขั้นที่เคล็ดวิชาบ่มเพาะจันทราของจ้าวสวรรค์ไท่หยินที่ไป่เฉียวเป็นคนถ่ายทอดให้กับเขาด้วยมือตัวเอง
“ทั้งเก้าคนนี้ไม่ได้หายไปกับห้วงกาลเวลาและยังไม่ได้ตายลงแถมยังก้าวข้ามมายังสวรรค์ชั้นนี้ก่อนแล้ว ?! ”
เขาได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมา
เป็นเพราะการผสานของอักษรโบราณทั้งหลายกับทะเลความรู้ของเขาทำให้เขาได้รับรู้เรื่องราวที่ทำให้เขาได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมา
เหล่าจ้าวสวรรค์ทั้งเก้าผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในสวรรค์สิบชั้นที่ทุกคนต่างคิดว่าตกตายลงไปโดยที่ไม่สามารถก้าวข้ามมายังสวรรค์ชั้นที่ 10 นี้ได้
ทว่าความจริงมันกลับกัน
ทั้งเก้าคนนี้ล้วนก้าวข้ามมายังสวรรค์ชั้นนี้กันก่อนแล้ว !
“นี่มัน…….”
เขาได้แต่ผงะไป
เป็นเพราะว่าผู้ไร้เทียมทานทั้งเก้าคนนี้แข็งแกร่งสมคำร่ำลือจริงๆ
ภาพร่างอันเลือนรางของทั้งเก้าคนค่อยๆสลายหายไปก่อนที่จะปรากฏภาพร่างใหม่ขึ้นมา
มันแปรเปลี่ยนกลายเป็นภาพร่างของหญิงสาวสวมกระโปรงสีขาวยืนอยู่ท่ามกลางสายลมอ่อนๆด้วยท่าทางที่ราบเรียบให้ความรู้สึกที่ทำให้จิตใจสงบ
“หวูยี่ ! ”
ใบหน้าของหลินเทียนเปลี่ยนสีไปทันที
เป็นเพราะจะให้เขาจดจำหญิงสาวคนนี้ไม่ได้ ได้อย่างไรกันเพราะมันเป็นคนที่เขาคุ้นเคยอย่างมาก นางเป็นจ้าวภูผาแห่งหมอกที่เป็นคนมีนิสัยเงียบๆและมักจะส่งเสียงอันไพเราะออกมาด้วยจิตสัมผัสเสมอ
หวูยี่เองก็เคยก้าวข้ามมายังสวรรค์ชั้นนี้แล้วเช่นกัน !
ภาพนี้แสดงให้เห็นภาพที่นางพุ่งทะลุม่านสวรรค์ไปก่อนที่ไม่นานหลังจากนั้นจะกลับลงมาแล้วหายไปภายในสวรรค์ชั้นนี้อย่างเงียบๆ
“นี่นางออกไปจากโลกแห่งนี้และกลับลงไปยังสวรรค์ชั้นที่ 9 อีกครั้ง ? ”
ดวงตาของหลินเทียนแสดงให้เห็นถึงความไม่อยากจะเชื่อออกมาโดยทันที
หญิงสาวที่ดูเงียบสงบและเยือกเย็นคนนั้นสามารถก้าวออกจากโลกใบนี้ได้นานแล้ว !
“บึ้สส ~! ”
ประกายแสงอันเข้มข้นได้แผ่วลงๆเสมือนว่ากำลังจะสลายหายไป
ปรากฏภาพร่างใหม่ขึ้นและเป็นภาพของชายวัยกลางคนปรากฏตัวขึ้นภายในสถานที่แห่งนี้พร้อมๆกับหญิงสาวชุดกระโปรงสีครามก่อนที่จะเหาะออกไปจากโลกใบนี้
“ท่านอาจารย์ ! ท่านภรรยาอาจารย์ ! ”
สีหน้าของเขาได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง
ชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างที่ผอมบางใบหน้าที่เอื่อยเฉื่อยนี้คือคนที่เขาเคารพนับถือที่สุดในชีวิตอย่างเฒ่าขี้เมา
หญิงสาวชุดกระโปรงสีครามเองก็เป็นที่รู้จักกันอย่างดีว่าเป็นลูกสาวของผู้อาวุโสสูงสุดนิกายอาทิตย์ผลาญฟ้าอย่าง…..ชิงชิง
“นี่มัน…..”
เขาได้แต่ผงะไป
เป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้เมื่อหลายปีก่อนตอนที่เผ่ายมโลกกำลังจะบุกมานั้นเขาก็ได้ไปถามหาเฒ่าขี้เมากับผู้อาวุโสสูงสุดและได้คำตอบกลับมาว่าเฒ่าขี้เมาได้จากไปพร้อมๆกับภรรยาอาจารย์แล้วซึ่งหลังจากนั้นเขาก็พยายามหาเบาะแสเกี่ยวกับทั้งสองคนไปทั่วสวรรค์ทั้งชั้นถึงขั้นขอช่วยให้ย่าเอ๋อทำนายแต่ก็ไม่ได้ผลลัพธ์อะไรแต่เขาไม่คิดเลยว่าเฒ่าขี้เมาจะก้าวข้ามมายังสวรรค์ชั้นที่ 10 แล้ว