Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1325
ความจริงที่ว่าเฒ่าขี้เมาได้ก้าวข้ามมายังสวรรค์ชั้นนี้พร้อมๆกับชิงๆก่อนแล้วพร้อมทั้งเดินทางออกนอกโลกใบนี้ไปทำให้เขาได้แต่แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมา
“ทำไมตาเฒ่านี่ถึงได้สุดยอดไปทุกเรื่องจริงๆ ”
หลินเทียนพึมพำอยู่กับตัวเอง
ไม่กี่ปีก่อนหน้านี้เขาพยายามตามหาร่องรอยของอีกฝ่ายไปทั่วทั้งสวรรค์ทุกชั้นแต่ไม่คิดเลยว่าจะก้าวข้ามมายังสวรรค์ชั้นที่ 10 ก่อนแล้ว
ประกายแสงยังคงพวยพุ่งเข้าใสจากรอบทิศทางก่อนที่จะสลายหายไปพร้อมๆกับภาพทั้งหลายอย่างช้าๆ
“ฟู้วว ~! ”
สายลมอ่อนๆพัดผ่านสถานที่แห่งนี้ทำให้ใบหญ้าโบกสะบัด
หลินเทียนยังคงยืนอยู่กับที่ด้วยท่าทางที่ว่างเปล่า
จ้าวสวรรค์ทั้งเก้า หวูยี่และเฒ่าขี้เมาล้วนแล้วแต่ก้าวข้ามมายังสวรรค์ชั้นนี้ก่อนแล้ว
เรื่องเหล่านี้มันทำให้เขาได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมา
เป็นเพราะหลายปีก่อนหน้านี้พวกเขาเหล่านี้ล้วนสามารถทำลายม่านพลังมายังสวรรค์ชั้นนี้ได้
สายลมอ่อนๆพัดผ่านสถานที่แห่งนี้ทำให้ผมสีดำยาวของเขาปลิวไสวไปตามกระแสลม
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้แหงนหน้ามองขึ้นไปบนฟากฟ้า
ภาพที่เขาเห็นก่อนหน้านี้นั้นเป็นการจากไปของจ้าวสวรรค์ทั้งเก้า การกลับมาของหวู่ยี่และการจากไปของเฒ่าขี้เมาและชิงชิง
“มันมีอะไรพิเศษซ่อนอยู่ ? ”
เขาแสดงสีหน้าที่สงสัยออกมา
สวรรค์ชั้นนี้มีม่านฟ้าสีครามรายล้อมอยู่รอยทิศทางให้ความรู้สึกที่ธรรมดาๆไม่ได้มีอะไรพิเศษ
อย่างไรก็ตามในเมื่อทั้งเก้าคน เฒ่าขี้เมาและชิงชิงล้วนเหาะจากไปก็แสดงให้เห็นถึงความพิเศษของมัน
นี่ทำให้เขาหยุดชะงักไปก่อนที่จะแผดพลังออกมาห่อหุ้มร่างกายเอาไว้แล้วเหาะขึ้นฟ้าไปอย่างช้าๆ
เวลาได้ผ่านไปกว่าสองชั่วโมงเต็ม
มันเป็นตอนนี้เองที่ความเร็วของเขาได้เพิ่มสูงขึ้นและไม่รู้เลยว่าเหาะขึ้นมาไกลขนาดไหนก่อนที่อากาศจะเริ่มหนักขึ้นทำให้รู้สึกได้ถึงแรงดึงดูด
ยิ่งสูงขึ้นแรงดึงดูดก็ยิ่งแรงขึ้นก่อนที่จะเริ่มลุกไหม้เป็นเปลวเพลิง
“นี่มัน…….”
เขาได้แต่ขมวดคิ้วเข้าหากัน
อย่างไรก็ตามเขาก็ยังคงเหาะต่อไปด้วยความเร็วที่สูงมากขึ้นกว่าเก่า
พริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปอีกกว่าสิบห้านาที
มันเป็นตอนนี้เองที่เขาสัมผัสได้ถึงแรงต้านมหาศาลไม่ต่างจากผนึกที่พยายามหยุดยั้งเขาเอาไว้
ทว่าแม้มันจะทรงพลังแต่ก็ไม่มีทางที่จะหยุดยั้งเขาในตอนนี้ได้
เขาส่งความคิดออกไปพร้อมทั้งทำให้ประกายแสงสีทองที่รายล้อมร่างของเขาเอาไว้ยิ่งทรงพลังขึ้นมากกว่าเก่าพร้อมทั้งทำลายผนึกนี้แล้วพุ่งทะลวงผ่านมันไปอย่างง่ายดาย
หลังจากนั้นสถานที่โดยรอบก็เริ่มมืดลงขณะที่อากาศโดยรอบให้ความรู้สึกที่หนักอึ้ง
เขาได้แต่ผงะไปพร้อมทั้งหันมองออกไปรอบๆด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมาก
“นี่มัน ?! ”
ใบหน้าของเขาเปลี่ยนสีไปทันที
เป็นเพราะเมื่อมองออกไปแล้วจะพบได้กับภาพของดวงดาวขนาดใหญ่ที่ให้ความรู้สึกเก่าแก่เรียงรายกันอยู่มากมายให้ความรู้สึกที่งดงามอย่างมาก
หากเทียบกันกับดวงดาวเหล่านั้นแล้วจุดที่เขายืนอยู่นั้นไม่ได้แตกต่างไปจากเศษฝุ่นเลยด้วยซ้ำ
“ห้วงอวกาศ ! ”
ร่างกายของเขาสั่นไหวไม่หยุด
เป็นเพราะว่าการพุ่งทะลวงม่านฟ้าสวรรค์ชั้นที่ 10 นั้นเป็นการทะลวงผ่านออกมายังห้วงอวกาศ !
ออกมายังห้วงจักรวาล !
“นี่มัน…….”
เขาได้แต่โง่งมไปทันที
เมื่อมองออกไปยังหมู่ดาวเหล่านี้แล้วเขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันไหนที่เขาสามารถออกอยู่ในสถานที่แห่งนี้ได้
เรื่องพวกนี้มันเป็นเหมือนเรื่องเพ้อฝันที่ทำให้เขาผู้ซึ่งอยู่ในเขตแดนที่แข็งแกร่งเองก็ยังโง่งมไม่น้อย
เขากวาดสายตาออกไปยังดวงดาวที่อยู่รอบๆส่องประกายแสงหลากสีออกมาก่อนที่จะก้มมองกลับลงไปยังดวงดาวด้านล่าง
เป็นดวงดาวขนาดใหญ่รายล้อมไปด้วยกลุ่มหมอกส่งกลิ่นอายที่คุ้นเคยออกมา
“ดวงดาวสวรรค์สิบชั้น ! ”
สายตาของเขาหดเล็กลงอย่างมาก
เป็นเพราะว่าที่แท้จริงแล้วสวรรค์สิบชั้นนั้นเป็นดาวเคราะห์ขนาดใหญ่ในห้วงจักรวาล !
“นี่……”
เขาได้แต่มองไปทางมันด้วยสีหน้าที่ตกตะลึงอย่างมาก
จนถึงช่วงที่ผ่านไปซักระยะถึงจะสงบสติลงได้
“หากว่าผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆรู้เรื่องนี้ก็คงจะโง่งมไม่น้อย ”
เขาได้แต่เผยรอยยิ้มอันขมขื่นออกมา
หลังจากนั้นก็สูดหายใจเข้าลึกพร้อมทั้งสำรวจดวงดาวสวรรค์สิบชั้นอย่างตั้งใจก่อนที่จะเริ่มก้าวเดินออกไปในห้วงอวกาศเพื่ออยากจะสำรวจดวงดาวดวงอื่นที่อยู่ใกล้ๆ
ตัวเขาสามารถอาศัยอยู่ในห้วงอวกาศได้ไม่ต่างจากปกติซึ่งแน่นอนว่าหากเป็นคนปกติแล้วไม่มีทางหายใจได้แน่ๆทว่าเขาต่างออกไปเพราะเขาอยู่ในเขตแดนจ้าวสวรรค์แล้วดังนั้นต่อให้ไม่หายใจ ไม่ทานอะไรก็ไม่มีทางได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย
เขาก้าวเดินอยู่กลางห้วงอวกาศจนเหาะออกไปไกลจากดวงดาวสวรรค์สิบชั้น
เมื่อมองออกไปแล้วจะพบได้กับห้วงจักรวาลอันมืดมิดที่รายล้อมไปด้วยหมู่ดาวและประกายแสงสีเงินมากมายอันกว้างใหญ่จนน่าสะพรึงกลัว
มนุษย์เป็นเพียงฝุ่นผงเท่านั้น
“วิ้สส ~!! ”
“วิ้สส ~! ”
“วิ้ส ~ ”
ณ ตอนนี้เองที่มีเสียงพุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาขณะที่เขามองไปยังร่างสามร่างที่อัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายอันทรงพลังกำลังพุ่งผ่านม่านฟ้าไปด้วยความเร็วที่สูงอย่างมาก
“จ้าวสวรรค์สามคน ! ”
สีหน้าของเขเปลี่ยนไปโดยทันทีเพราะไม่คิดเลยว่าก้าวแรกที่ออกมายังห้วงจักรวาลนี้จะได้พบกับผู้บ่มเพาะในเขตแดนจ้าวสวรรค์เหมือนๆกัน
“ดาวสวรรค์สิบชั้นก็ถือเป็นดาวเคราะห์สำหรับอยู่อาศัย หรือว่าพวกเขาเองก็มาจากดาวเคราะห์อื่น ? ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง
ตัวเขาเองก็ไม่ได้คิดว่ามันแปลกอะไรเพราะหลังจากที่รู้ว่าดาวสวรรค์สิบชั้นนั้นเป็นดาวเคราะห์ขนาดใหญ่ในห้วงอวกาศแล้วดังนั้นในเมื่อมันยังเป็นสถานที่ๆมีผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งดังนั้นก็ไม่แปลกอะไรที่ดาวดวงอื่นจะมีเหมือนๆกัน
“หื้ม ? ”
ณ ตอนนี้เองที่ทั้งสามคนที่กำลังเหาะไปเองก็ตระหนักได้ถึงการคงอยู่ของเขาเช่นกันก่อนที่จะส่งเสียงออกมา
พวกเขาล้วนแล้วแต่มีรูปลักษณ์ของวัยกลางคนแต่เมื่อสัมผัสถึงกลิ่นอายของอายุแล้วจะพบว่าอย่างน้อยๆก็มีอายุมากกว่าหมื่นปี พวกเขาสวมชุดสีม่วง ดำ และน้ำตาลเอาไว้ขณะที่หันมองมาทางหลินเทียนด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย
วิ้ส วิ้ส วิ้สส ! ทั้งสามคนพุ่งเข้ามาทางเขาด้วยกลิ่นอายที่ทรงพลังอย่างมาก
“กายสังสารวัฏจริงๆด้วย ! ”
หนึ่งในพวกเขาส่งเสียงที่ตกตะลึงออกมา
เมื่อมองมาทางหลินเทียนแล้วสายตาของพวกเขาบ่งบอกได้ถึงความโลภโดยทันที
สายตาของหลินเทียนหดเล็กลงเพราะดูเหมือนว่านอกจากดาวสวรรค์สิบชั้นแล้วกายราชันทั้งสิบสองเองก็เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย
เขาหันมองออกไปด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจมากนักเพราะสายตาของอีกฝ่ายกำลังมองเหมือนว่าเขาเป็นเหยื่ออย่างไรอย่างนั้น
เขาแผดคลื่นพลังอันแข็งแกร่งออกไปห่อหุ้มแก่นสังสารวัฏของเขาทำให้ต่อให้เป็นจ้าวสวรรค์ที่แข็งแกร่งกว่าเขาก็ยากที่จะสัมผัสได้ถึงกายสังสารวัฏยกเว้นการใช้จิตสัมผัสกับแก่นสังสารวัฏของเขาเท่านั้น
“อื้ม ?! สามารถยับยั้งกลิ่นอายของแก่นพลังได้ ? ”
อีกฝ่ายสที่สวมชุดสีดำได้ส่งเสียงออกมาพลางจ้องมองไปทางหลินเทียนด้วยสีหน้าแปลกๆ
ณ ตอนนี้พวกเขาล้วนพากันจับจ้องไปทางหลินเทียนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโลภอย่างมาก
หลินเทียนหันมองออกไปทางพวกเขาก่อนที่จะเหาะจากไป
“วิ้สส ~! ”
“วิ้ส ! ”
“วิ้สสส ! ”
เสียงพุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาขณะที่ชายวัยกลางคนทั้งสามคนพุ่งเข้ามาขวางร่างของเขาเอาไว้
“คิดจะหนี ? อย่าหวังไปหน่อยเลย ! ”
ชายชุดม่วงส่งเสียงแสยะออกมา
“จัดการมัน ! ”
“ลงมือ ! ”
อีกสองคนต่างส่งเสียงออกมาพร้อมๆกับซัดฝ่ามืออันทรงพลังเข้าใส่ทางเขาด้วยเขตแดนจ้าวสวรรค์ระดับ 7 ตอนปลายเพื่อพยายามจะชิงเอาแก่นสังสารวัฏของเขา
เสียง ตู้มม ~! ถูกส่งออกมาขณะที่อักขระมากมายรายล้อมร่างของเขาเอาไว้
มันเป็นการโจมตีที่ทรงพลังอย่างมาก
แววตาของหลินเทียนส่องประกายความเย็นยะเยือกออกมาก่อนที่จะซัดฝ่ามือสวนกลับไป
ฝ่ามือธรรมดาๆของเขากลับอัดแน่นไปด้วยคลื่นพลังอันแข็งแกร่งที่บดขยี้ฝ่ามือของอีกฝ่ายแหลกสลายหายไปทันที
เลือดสาดกระจายออกไปทั่วทิศทางขณะที่สีหน้าของชายชุดดำเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง
“เจ้า……”
บึ้สส !!
ห้วงจักรวาลได้สั่นไหวอย่างรุนแรงขณะที่ฝ่ามือของหลินเทียนยังคงพุ่งต่อไปอัดเข้าใส่ร่างของอีกฝ่ายด้วยพลังทำลายที่ไม่ลดลงแม้แต่น้อย
พุฟฟ ~!
ฝ่ามืออันทรงพลังนี้ได้อัดเข้าใส่ร่างของอีกฝ่ายอย่างจังพร้อมทั้งบดขยี้ร่างกายจนแหลกสลายเหลือไว้เพียงดวงวิญญาณที่รีบพุ่งถอยห่างออกไปอย่างยากลำบาก
สายตาของหลินเทียนในตอนนี้เย็นยะเยือกอย่างมากก่อนที่จะส่งคลื่นกระบี่สีทองพุ่งทะลวงผ่านดวงวิญญาณของอีกฝ่ายทำให้มันได้แต่ส่งเสียงกรีดร้องออกมาก่อนที่จะสลายหายไป
นี่ทำให้ชายวัยกลางคนอีกสองคนที่เหลืออยู่ต่างพากันมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง
“เจ้า…..”
พวกเขาพากันก้าวถอยหลังกลับไปด้วยสายตาที่หวาดหวั่นถึงขีดสุด
เป็นเพราะว่าชายชุดดำนั้นอยู่ในเขตแดนจ้าวสวรรค์ระดับ 7 ตอนปลายอันทรงพลังกลับถูกตบตายด้วยการโจมตีเดียว
หลินเทียนหันมองออกไปยังทั้งสองคนที่อยู่ห่างออกไป
ด้วยระดับพลังของเขาในตอนนี้แล้วเรียกได้เลยว่าแข็งแกร่งไร้เทียมทานภายใต้เขตแดนจักรพรรดิแห่งความว่างเปล่าดังนั้นต่อให้เป็นจ้าวสวรรค์ตอนปลายก็สามารถสังหารได้ด้วยการโจมตีเดียว
“อยากได้แก่นสังสารวัฏของข้า ? ”
เขาหันมองออกไปพร้อมทั้งส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมา