Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1326
เขาก้าวเดินออกไปทางทั้งสองคนด้วยสีหน้าที่ราบเรียบอย่างมาก
“เจ้า…..คิดจะทำอะไรกัน ?! ”
ทั้งสองคนได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาพลางอดก้าวถอยหลังกลับไปด้วยความหวาดกลัวไม่ได้เพราะว่าชายชุดดำที่อยู่ในเขตแดนจ้าวสวรรค์ระดับ 7 ตอนปลายกลับถูกสังหารลงด้วยการโจมตีเดียวเท่านั้น !
“คิดจะชิงแก่นพลังของข้า เจ้าคิดว่าข้าจะทำอะไรล่ะ ? ”
เขาก้าวออกไป
ชายชุดม่วงและชุดน้ำตาลได้แต่สั่นสะท้านไปก่อนที่หนึ่งในพวกเขาจะส่งเสียงออกมาว่า
“เข้าใจผิดแล้ว ! นี่เป็นการเข้าใจผิด ! ข้าและคนอื่นๆแค่รู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นกายราชันในตำนานเท่านั้นถึงได้อยากจะทดสอบความแข็งแกร่งของท่าน ไม่ได้มีความคิดจะชิงเอาแก่นสังสารวัฏแม้แต่น้อย !ท่านเจ้าใจผิดแล้ว ! ”
เป็นเพราะพลังทำลายล้างที่หลินเทียนส่งออกมานั้นทำให้พวกเขาได้แต่หวาดหวั่นไม่ต่างจากกำลังเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจักรพรรดิแห่งความว่างเปล่าแล้วจะไปกล้ายอมรับได้อย่างไรกันล่ะว่าต้องการชิงเอาแก่นสังสารวัฏของหลินเทียน
“งั้นรึ ? งั้นข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าได้ทดสอบแล้วกัน ลิ้มรสชาติให้เต็มอิ่มล่ะ ”
เขาตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือกเพราะไม่มีทางเชื่อคำพูดโง่ๆของอีกฝ่ายอยู่แล้ว
น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำก่อนที่คลื่นพลังอันหนักหน่วงจะกวาดออกไปรอบทิศทาง
“ตู้มม ~! ”
“ตู้ม ! ”
ชายวัยกลางคนทั้งสองต่างถูกกระแทกปลิวออกไปไกลพร้อมๆกับกระอักเลือดออกมาคำโต
“เจ้า…. ”
พวกเขาพยายามพยุงตัวเองกลับขึ้นมาด้วยสีหน้าที่น่าเกลียดอย่างมาก
หลินเทียนก้าวออกไปด้วยร่างกายที่รายล้อมไปด้วยประกายแสงสีทองพลางถามออกมาว่า
“เป็นไง ? ไม่ต้องรีบร้อนล่ะ ”
เขาพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าที่เรียบเรียบและไม่ได้เผยจิตสังหารออกมาแม้แต่น้อยแต่กลับทำให้หัวใจของชายวัยกลางคนทั้งสองได้แต่สั่นสะท้านไปอย่างใหญ่หลวง
“หนีเร็ว ! ”
พวกเขาต่างมองไปทางกันและกันก่อนที่จะกัดฟันแล้วสังเวยทักษะเทวะออกมาเพื่อพุ่งหนีไป
“เหอะ ! ”
หลินเทียนแสยะออกมาอย่างเย็นชาก่อนที่จะพุ่งไปขวางทางของพวกเขาเอาไว้พร้อมทั้งเหวี่ยงเตะเข้าใส่อย่างจัง
“ตู้มม ~! ”
“ตู้ม ! ”
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาขณะที่ร่างของทั้งสองคนลอยเคว้งออกไปไกลด้วยสภาพที่โชกไปด้วยเลือด
ชายชุดม่วงได้ส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมาว่า
“สหาย อย่าให้มันมาเกินไปนะ พวกข้าเป็นผู้อาวุโสของนิกายสังหารเทพจากหมู่ดาวอมตะที่มีเส้นสายอยู่ทั่วหมู่ดาวแห่งนี้ หากว่าสหายสังหารเราแล้วก็คงไม่ได้รับประโยชน์อะไร ”
“หมู่ดาวอมตะ นิกายสังหารเทพ ”
หลินเทียนหันมองไปทางพวกเขา
ดูเหมือนว่าห้วงจักรวาลนี้จะแบ่งแยกอาณาเขตเป็นหมู่ดาว ?
จากชื่อก็บ่งบอกแล้วว่ามันเต็มไปด้วยดาวเคราะห์ที่อยู่อาศัยมากมาย
เขาหันมองออกไปด้วยสีหน้าที่ราบเรียบพร้อมทั้งก้าวเดินออกไป
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่เขาได้ซัดฝ่ามืออันทรงพลังออกไป
นี่ทำให้สีหน้าของชายวัยกลางคนทั้งสองเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงพร้อมทั้งรีบสังเวยทักษะเทวะอันทรงพลังออกมารับเอาไว้
“นิกายของเราแข็งแกร่งไร้เทียมทานและมีผู้เชี่ยวชาญเขตแดนอนันตกาลคอยประจำกาล เจ้าอยากจะหาที่ตายหรือไงกัน ! ”
ชายชุดม่วงส่งเสียงออกมา
“นี่คือคำขู่ ? รู้ไหมว่าข้าไม่ชอบเวลาที่ถูกขู่มากที่สุด ! ”
หลินเทียนตอบกลับด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำพร้อมทั้งส่งการโจมตีที่รุนแรงยิ่งกว่าเก่าออกไป
เป็นเพราะเห็นว่าเขานั้นเป็นกายสังสารวัฏทำให้อีกฝ่ายเปิดฉากรุมเขาแล้วเขาจะไปเมตตาปราณีมันได้อย่างไรกัน
“บึ้สส !! ”
ประกายแสงสีทองสาดส่องออกไปทั่วทิศทางขณะที่ทักษะเทวะของอีกฝ่ายถูกทำลายลงก่อนที่ลำแสงนี้จะพุ่งทะลวงใส่ร่างของชายชุดม่วง
“พุฟฟ ! ”
เสียงกรีดร้องถูกส่งตามกลับมาขณะที่ร่างกายของอีกฝ่ายระเบิดออกเหลือไว้เพียงดวงวิญญาณที่พุ่งหนีก่อนที่จะถูกบดขยี้ลงอยู่ดี
“เจ้า…. ”
ชายชุดน้ำตาลได้แต่มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงพร้อมทั้งรีบพุ่งหนีไปเพราะไม่คิดเลยว่าขนาดขู่ด้วยชื่อของนิกายแล้วก็ยังไม่เป็นผลแถมการที่ชายชุดม่วงยังถูกสังหารไปด้วยการโจมตีเดียวนี่ทำให้เขาหวาดผวาไปทันที
หลินเทียนหันมองออกไปด้วยสีหน้าที่ราบเรียบก่อนที่จะเหาะออกไปพร้อมทั้งโบกมือสร้างคลื่นกระบี่สีทองขึ้นมา
ทว่ามันเป็นตอนนี้เองที่เขาได้หยุดเท้าลงด้วยคิ้วที่ยกตัวขึ้นเล็กน้อยพลางหันมองออกไปทางฝ่ายตรงข้าม
เป็นเพราะว่ามีกลิ่นอายแปลกๆกำลังโถมเข้ามาทางนี้
หลังจากนั้นเสียงแปลกๆก็ได้ถูกส่งออกมาพร้อมๆกับคลื่นพลังอันน่าสะพรึงกลัว
เมื่อมองออกไปแล้วจะพบได้กับคลื่นพลังสีเงินที่กระจายตัวออกมาเป็นระลอกๆ
“นี่มัน ?”
สายตาของเขาถึงกับหดเล็กลงหลังจากที่สัมผัสได้ถึงอันตรายจากมัน
ชายชุดดำเองก็ได้แต่หันมองออกไปด้วยร่างกายที่สั่นสะท้านอย่างรุนแรง
“อ๊ากก ~! ”
เขาส่งเสียงโห่ร้องออกมาด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป
“นั่นมันอะไรน่ะ ? ”
หลินเทียนถามออกมา
อีกฝ่ายได้แต่ผงะไปพร้อมทั้งทิ้งเรื่องที่หลินเทียนกำลังไล่ตามเขาไปก่อนที่จะส่งเสียงออกมาว่า
“คลื่นทำลายล้างที่เกิดจากห้วงจักรวาล หากว่าโดนเข้าต่อให้เป็นจักรพรรดิแห่งความว่างเปล่าก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะรอดกลับออกมาดังนั้นถึงได้ชื่อว่าทางกลับบ้านเก่า ”
สายตาของหลินเทียนได้หดเล็กลงโดยทันที หรือนี่มันเหมือนๆกับพายุอวกาศ ?
ดูๆแล้วน่าจะรุนแรงกว่ามาก
“ตู้มมม ~! ”
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาขณะที่ชายวัยกลางคนรีบพุ่งกลับมาอย่างรวดเร็ว
สีหน้าของหลินเทียนได้เปลี่ยนไปอีกครั้งหลังจากที่สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแห่งความตายอันน่าสะพรึงกลัว
ชายวัยกลางคนเองก็ได้แต่พุ่งหนีมาด้วยร่างกายที่สั่นสะท้านไม่หยุด
ความกลัวทำให้เขาหันหลังพุ่งหนีมาทางที่หลินเทียนอยู่เท่านั้น
หลินเทียนเองก็ไม่มีเวลามาสังหารอีกฝ่ายดังนั้นถึงได้รีบหันหลังแล้วพุ่งหนีไปด้วยความเร็วดั่งสายฟ้า
ตู้มมม ~!
คลื่นพลังอันหนักหน่วงทำให้ดาวบางดวงถึงกับสั่นสะท้าน
ไม่นานคลื่นพลังอันหนักหน่วงนี้ก็ได้พุ่งตามหลังของชายวัยกลางคนเข้ามาเรื่อยๆ
ระยะห่างระหว่างทั้งสองยิ่งลดลงเรื่อยๆ
นี่ทำให้ชายวัยกลางคนได้แต่สั่นสะท้านไปพร้อมทั้งใช้พลังทั้งหมดไปกับการพุ่งหนีให้เร็วที่สุด
“ช่วยข้าด้วย ! ”
เขาส่งเสียงกรีดร้องออกมาพลางขอให้หลินเทียนช่วยเอาไว้โดยที่ไม่สนใจเรื่องที่หลินเทียนกำลังจะฆ่าเขาด้วยซ้ำ
แน่นอนว่าหลินเทียนเองก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือนี้แต่เขาจะไปช่วยได้อย่างไรกันดังนั้นถึงได้รีบพุ่งหนีไปด้วยความเร็วที่สูงขึ้นกว่ากว่า
“อ๊ากก ~! ”
เสียงกรีดร้องอย่างน่าสังเวชถูกส่งออกมาทั่วทิศทาง
หลินเทียนหันมองกลับไปยังร่างของชายวัยกลางคนที่ถูกกลืนเขาไปภายในคลื่นพลังสีเงินขณะที่ร่างกายของอีกฝ่ายสลายหายไปพร้อมๆกับดวงวิญญาณทำให้เขารู้สึกได้ถึงอันตรายจนท้องไส้ปั่นป่วน
และที่สำคัญที่สุดคือความเร็วของคลื่นพลังนี้ที่พุ่งมาทางเขาด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ
เขากัดฟันเอาไว้แน่นพร้อมทั้งหมุนวนเคล็ดวิชาดวงใจสุริยันก่อนที่จะรีบพุ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
ความเร็วของเขาทำให้ห้วงอวกาศถึงกับบิดตัวอย่างรุนแรง
อย่างไรก็ตามระยะห่างระหว่างเขาและคลื่นพลังนี้กลับยิ่งเข้าใกล้กันเรื่อยๆ
เป็นเพราะว่ามันรวดเร็วกว่าความเร็วสูงสุดของเขามาก
“ตู้มมม ~! ”
คลื่นพลังอันหนักหน่วงได้พุ่งเข้าตามติดร่างของเขาด้วยความเร็วอันน่าสะพรึงกลัว
นี่ทำให้ดวงวิญญาณของเขาสั่นไหวอย่างรุนแรงถึงขั้นที่รู้สึกขนหัวลุกอย่างมาก
เขาสังเวยคลื่นกระบี่ศุกลสวรรค์อันทรงพลังออกมาฟาดฟันเข้าใส่ทางด้านหลัง
อย่างไรก็ตามมันกลับเป็นการกระทำที่เปล่าประโยชน์เพราะมันดูดเอาคลื่นกระบี่ของเขาเข้าไปไม่ต่างจากหลุมดำแม้แต่น้อย
“ตู้มมม ~! ”
คลื่นพลังยิ่งพุ่งเข้าใกล้ร่างของเขาด้วยพลังที่สามารถบิดห้วงอวกาศที่อยู่รอบๆ
เขาพยายามทำทุกวิถีทางแต่ก็ยังไม่สามารถทิ้งระยะห่างออกไปได้จนในที่สุดก็ถูกดูดเข้าไปด้วย
พริบตานี้เองที่เขาสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังอันหนักหน่วงที่ทำให้ร่างกายของเขาปริแตกในชั่วพริบตา
แรงกดดันอันหนักหน่วงซึมซับเข้าไปภายในรอยแตกนี้ทำให้อวัยวะทั่วร่างของเขาแหลกสลาย
เขาพยายามอย่างสุดความสามารถแต่ก็ยังเปล่าประโยชน์ขณะที่คลื่นพลังพยายามบดขยี้ร่างกายของเขา
“ระยำเอ้ย ! ”
เขากัดฟันเอาไว้แน่นพร้อมทั้งสังเวยเอาวงเวทย์สังสารวัฏและสัจธรรมของเขาออกมา
การปรากฏตัวของวงเวทย์สัจธรรมสังสารวัฏนี้ทำให้สภาพของเขาดีขึ้นมากแต่แม้จะเป็นเช่นนั้นก็ยังไม่สามารถหลุดออกจากวังวนนี้ได้เพียงแค่ลดพลังทำลายของมันเท่านั้น
“ตู้มม ~! ”
คลื่นพลังอันหนักหน่วงได้พัดพาร่างของเขาไปยังหมู่ดาวที่ห่างไกล
เขาพยายามปกป้องร่างกายเอาไว้ขณะที่รอยปริแตกขยายตัวออกอย่างต่อเนื่อง
เขาหมุนวนเคล็ดวิชาสุริยันปรินิพพานเพื่อฟื้นฟูอาการบาดเจ็บไปพร้อมๆกัน
ทว่าเป็นเพราะแรงกดดันที่หนักหน่วงนี้ยิ่งทำให้ร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บมากขึ้นกว่าเก่า
ภาพรอบตัวของเขาเปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่องขณะที่ร่างกายของเขาถูกซัดออกไปไกลสุดขอบจักรวาล
เขายังคงพยายามปกป้องร่างกายเอาไว้อย่างไม่ยอมแพ้
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานขนาดไหนจนถึงตอนที่เขาหมดเรี่ยวหมดแรงทำให้การป้องกันของเขาเริ่มสลายหายไป
มันเป็นเวลาเดียวกันกับที่แรงกดดันได้จางลงทำให้ร่างกายของเขารู้สึกผ่อนคลายขึ้นอย่างมาก
ร่างกายของเขาจุดประกายเปลวเพลิงสีแดงฉานขึ้นมาขณะที่รักษาอาการบาดเจ็บอย่างรวดเร็วพลางหันมองออกไปรอบๆ
“ที่นี่มัน……”
เขาหันมองออกไปพร้อมทั้งพบว่าที่นี่มันไม่ใช่พื้นที่อาณาเขตดวงดาวสวรรค์สิบชั้นอีกต่อไปแล้ว