Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1327
เป็นห้วงอวกาศอันกว่างใหญ่และมืดมิดมีแสงประกายสีเงินส่องประกายระยิบระยับออกมาจากรอบๆให้ความรู้สึกที่งดงามอย่างมาก
หลินเทียนกวาดสายตาของเขาออกไปยังดวงดาวขนาดใหญ่มากมายที่อยู่ห่างออกไป
“นี่ถูกพัดมาถึงไหนแล้วกัน ? ”
คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันโดยทันที
เมื่อมองออกไปรอบๆแล้วเขาพบว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในอาณาเขตของดาวสวรรค์สิบชั้นเลยแม้แต่น้อย
เขาใช้ทักษะสุริยันปรินิพพานเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บอย่างรวดเร็วก่อนที่จะเหาะออกไปเรื่อยๆ
หลังจากนั้นไม่นานเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมงเต็ม
หนึ่งชั่วโมงมานี้เขาได้เดินทางออกมาเป็นระยะทางที่ไกลมากๆเพื่อค้นหาตำแหน่งของดวงดาวสวรรค์สิบชั้นทว่าก็หาไม่พบแถมยังไม่สามารถสัมผัสถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยได้แม้แต่น้อย
“นี่………”
คิ้วของเขายิ่งขมวดเข้าหากันมากกว่าเก่า
เป็นเพราะว่าตอนนี้เขาหาดาวของตัวเองไม่พบทำให้ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าจะไปหามันอย่างไร
เนื่องจากตัวเขาเองก็ไม่รู้เลยว่าดาวสวรรค์สิบชั้นนั้นนับว่าอยู่ในหมู่ดาวอะไรและไม่รู้ตำแหน่งที่แน่ชัดของมันหรือเรียกได้ว่าไม่รู้อะไรเลยก็ว่าได้ทำให้ไม่ต่างจากการค้นหาเข็มในของฟางที่ต่อให้อยู่ในเขตแดนจักรพรรดิแห่งความว่างเปล่าก็ไม่มีทางหาพบได้
นี่ทำให้เขาถึงกับหมดคำพูดไปด้วยสีหน้าที่ตกต่ำลงอย่างมากเพราะเขาที่เพิ่งออกมาจากดวงดาวกลับต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์แบบนี้
“ลองตั้งใจหาดูก่อนแล้วกัน ”
เขาพึมพำออกมาอย่างหมดหนทาง
เขาถูกพัดมายังสถานที่ๆไม่รู้จักเลยแม้แต่น้อยและแม้มันจะทำให้เขารู้สึกหดหู่แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรมากเพราะอย่างน้อยๆเขาก็เอาชีวิตรอดกลับออกมาได้
แม้ว่าตอนนี้จะไม่สามารถหาเส้นทางกลับไปได้แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะหาไม่ได้ดังนั้นตราบเท่าที่เขาแข็งแกร่งขึ้นและอยู่ในเขตแดนอนันตกาลก็สามารถค้นหาเส้นทางกลับไปได้ไม่ยากนัก
แม้ว่าจะพูดแบบนี้แต่เขาก็ล้มเลิกการค้นหาไม่ได้ถึงได้เหาะออกไปเรื่อยๆเพื่อค้นหาดาวสวรรค์สิบชั้นต่อไประหว่างที่รักษาอาการบาดเจ็บไปในตัว
พริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าสามวันเต็ม
สามวันมานี้เขาอาการบาดเจ็บของเขาได้ฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์แล้ว
อย่างไรก็ตามเขาก็ยังไม่พบที่อยู่ของดาวสวรรค์สิบชั้นเลยแม้แต่น้อยและถึงขั้นที่ไม่มีเบาะแสเลยด้วยซ้ำ
“หาดาวบ่มเพาะใกล้ๆก่อนดีไหม ? ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง
เป็นเพราะว่าจากประสบการณ์ในช่วงสามวันมานี้ทำให้เขาตระหนักได้แล้วว่าตัวเองถูกซัดออกมาไกลมากๆ
คำว่าไกลนี่หมายถึงไกลมากๆถึงขั้นที่เขาในตอนนี้ไม่สามารถกลับไปได้ด้วยซ้ำ
นี่ทำให้เขาเหลือเพียงแค่การเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองให้มากขึ้นแล้วค่อยค้นหาตำแหน่งที่แน่ชัดเพื่อกลับไป
มันเป็นสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกหมดหนทางอย่างมากแต่ก็ไม่มีทางอื่นอีกแล้ว
“บึ้สส ~! ”
ประกายแสงเจ็ดสีถูกส่งออกมาจากกระบี่เทวะภายในทะเลความรู้ของเขาขณะที่มันสั่นไหวเล็กน้อยพร้อมทั้งชี้นำเขาไปทางตะวันออกเฉียงใต้
สีหน้าของเขาได้เปลี่ยนไปเพราะไม่คิดเลยว่ากระบี่เทวะจะตอบสนองในตอนนี้
“มันมีอะไรในทิศทางนั้นกัน ? ”
เขาหันมองตามออกไป
เป็นเพราะการตอบสนองนี้ทำให้เขาไม่ลังเลเลยที่จะเหาะออกไป
เขาไม่ได้พบกับผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆระหว่างทางไปเลยแม้แต่น้อย
เวลาได้ผ่านไปกว่าเจ็ดวันอย่างรวดเร็ว
ช่วงเจ็ดวันมานี้เขาไม่รู้เลยว่าตัวเองเดินทางออกมาเป็นระยะทางไกลขนาดไหนและได้หยุดเท้าลงที่นี่
เมื่อมาถึงสถานที่แห่งนี้แล้วกระบี่เทวะก็ได้ชี้นำเขาไปยังดวงดาวที่อยู่ด้านหน้า
เมื่อมองออกไปแล้วจะพบได้กับดวงดาวที่เต็มไปด้วยน้ำสีครามขนาดไม่ใหญ่มากถึงขั้นที่หากเทียบกับสวรรค์สิบชั้นแล้วมันเล็กกว่าหลายเท่าตัวแต่กลับให้ความรู้สึกที่น่าหลงใหลเสมือนดั่งอัญมณีที่งดงาม
“นี่มัน ?! ”
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมากพร้อมๆกับรีบเหาะเข้าไปไกล
มันเป็นเพราะว่าความรู้สึกอันคุ้นเคยที่ส่งออกมา
“โลก ! ”
เขาส่งเสียงอันตกตะลึงออกมา
เป็นเพราะว่าสถานที่แห่งนี้คือบ้านเกิดของเขา เขาซึ่งเป็นเด็กกำพร้าได้โตขึ้นที่นี่ก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุทำให้เขาหลุดไปยังสวรรค์สิบชั้นและเริ่มต้นเส้นทางการบ่มเพาะขึ้น
เขาไม่คิดเลยว่าหลังจากที่หลงออกมาจากดาวสวรรค์สิบชั้นแล้วจะล่องลอยมาถึงที่นี่ได้
เขาได้แต่มองไปยังภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่ตกตะลึงถึงขีดสุด
ระหว่างนี้เขาก็ได้พบกับดาวเทียมในวงโคจรมากมายรายล้อมอยู่ทั่วโลกใบนี้ซึ่งสามารถส่งข้อมูลและภาพต่างๆกลับลงไปยังองกรต่างๆที่อยู่บนโลก
และมันเป็นตอนนี้เองที่เหล่านักบินอวกาศทั้งหลายต่างโง่งมไปตามๆกัน
ร่างกายของพวกเขาต่างแข็งเป็นหินด้วยดวงตาที่เบิกกว้างขึ้นอย่างมากถึงขั้นที่แก้วกาแฟในมือตกลงไปกระแทกกับพื้น
หลังจากนั้นเองที่เจ้าหน้าที่ต่างๆพากันสั่นสะท้านไปตามๆกัน
“นี่มัน……อะไรกัน ?! เกิดอะไรขึ้น…… ?! ”
“มีคน…….ยืนอยู่…….นอกโลก ?! ”
“ภาพหลอน ! นี่มันเป็นภาพลวงตาแน่ๆ ! ใช่แน่ๆ ! ”
ภาพที่ดาวเทียมส่งกลับลงไปยังโลกนั้นค่อนข้างจะเลือนรางไม่สามารถมองเห็นรูปลักษณ์ของหลินเทียนได้แต่สามารถบ่งบอกได้เลยว่ามันเป็นรูปร่างของมนุษย์จึงทำให้ผู้คนได้แต่สั่นสะท้านไป
นี่มีคนสามารถยืนอยู่นอกโลกได้ !
……………
หลินเทียนที่อยู่ท่ามกลางอวกาศได้แต่เหม่อไปขณะที่จ้องมองไปยังโลกใบนี้โดยที่ไม่รู้เลยว่าผู้คนมากมายกำลังตกตะลึงไปกับการปรากฏตัวของเขา
เขาได้แต่นิ่งไป
หลายปีก่อนหน้านี้เขาได้ก้าวข้ามไปยังสวรรค์สิบชั้นด้วยอุบัติเหตุและหลายปีผ่านมานี้เขาก็ได้กลับมาที่บ้านเกิดของเขาอีกครั้ง
“นี่คือ…….โชคชะตา ? ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง
บึ้สส ~!
กระบี่เทวะภายในทะเลความรู้ของเขาได้สั่นไหวอย่างรุนแรงขณะที่ประกายแสงเจ็ดสีสาดส่องออกมาพร้อมทั้งชี้นำเขาไปยังโลกตรงหน้า
เขาได้ดึงสติกลับคืนมาพร้อมทั้งสัมผัสถึงการชี้นำนี้ก่อนที่จะจ้องมองออกไปด้วยดวงตาที่เปล่งประกายออกมาเล็กน้อย
“ที่นั่นมีของที่พิเศษอยู่อย่างแน่นอน ”
เขาหันมองออกไปรอบๆ
เป็นเพราะว่าการตอบสนองของกระบี่เทวะมันทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที
นี่แสดงให้เห็นว่าโลกใบนี้ต้องมีอะไรที่น่าทึ่งอยู่อย่างแน่นอนไม่งั้นแล้วกระบี่เทวะก็คงจะไม่สั่นไหวอย่างรุนแรงแบบนี้
เขาจ้องมองลงไปทางมันก่อนที่จะหันมองกลับไปด้านหลังด้วยดวงตาที่เปล่งประกายพร้อมทั้งหันกลับมามองที่โลกเบื้องหน้าอีกครั้ง
เป็นเพราะเขาไม่พบทางกลับไปยังดาวสวรรค์สิบชั้นดังนั้นจึงต้องรอให้แข็งแกร่งขึ้นกว่านี้แต่ก็ไม่คิดเลยว่าจะถูกกระบี่เทวะชี้นำมาที่โลกที่เป็นบ้านเกิดขอเขาดังนั้นถึงอย่างไรเขาก็ต้องกลับไปที่โลกก่อน
แม้ว่าจะไม่พูดถึงเรื่องความแข็งแกร่งหรือเรื่องสิ่งที่กระบี่เทวะชี้นำแต่เป็นเพราะเขาใช้ชีวิตและเติบโตขึ้นที่นี่กว่า 20 ปีดังนั้นเขาจึงต้องกลับไป
มันยังมีหลายๆที่ๆที่เขาอยากกลับไปดู
เมื่อมองลงไปแล้วดวงตาของเขาได้เปล่งประกายออกมาก่อนที่เขาจะเหาะลงไป
พริบตาที่เข้าสู่ชั้นบรรยากาศของโลกนั้นร่างกายของเขาก็ได้เปล่งประกายแสงสีทองออกมาก่อนที่จะจุดประกายเปลวเพลิงขึ้น
“ช่วงที่ออกจากชั้นบรรยากาศของดาวสวรรค์สิบชั้นก็ไฟลุกแบบเดียวกัน ดูเหมือนว่ามันคือแรงต้านอากาศนี่เอง ”
เขานึกถึงภาพก่อนหน้านี้พลางพึมพำกับตัวเองว่า
“มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติของดวงดาว ”
ตัวเขาในตอนนี้อยู่ในเขตแดนจ้าวสวรรค์ที่แข็งแกร่งดังนั้นถึงได้สามารถเข้าใจถึงแก่นแท้ต่างๆได้อย่างง่ายดาย
เขาพุ่งผ่านชั้นบรรยากาศลงมายังโลกใบนี้ด้วยร่างกายที่ท่วมไปด้วยเปลวเพลิงที่รุนแรงขึ้นยิ่งกว่าเก่า
นี่ทำให้เหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้งหลายในโลกต่างพากันนั่งไม่ติดเก้าอี้
หลายๆคนถึงกับมีดวงตาที่เบิกกว้างขึ้นเป็นไข่ห่าน
“นี่ นี่……”
“พุ่งลงมายังโลก ?! ”
“นี่คือเทพเจ้า ?! ”
พวกเขาต่างพากันส่งเสียงออกมา
หลินเทียนยังคงพุ่งลงมาด้วยร่างกายที่รายล้อมไปด้วยเปลวเพลิง
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ผ่านชั้นบรรยากาศของโลกมาได้ทำให้เปลวเพลิงสลายหายไปพร้อมพบกับกลุ่มเมฆสีขาวที่ล่องลอยอยู่ในอากาศ
เขาหยุดอยู่กับที่ก่อนที่จะก้มมองลงไปยังตึกสูงระฟ้าที่อยู่เบื้องล่าง
“กลับมาแล้ว ”
เขาพึมพำออกมา