Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1329
ชายชราทั้งสองคนต่างจ้องมองมาทางเขาด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจเพราะหลินเทียนนั้นยังดูมีอายุราวๆ 20 ปีเท่านั้นแต่กลับรู้ชื่อของบรรพบุรุษบ้านตระกูลเฉินอย่างเฉินฉีหยวนได้อย่างละเอียด
แต่แม้จะคิดว่ามันแปลกๆแต่ก็มีข่าวลือแพร่ออกไปทั่วพื้นที่แห่งนี้ดังนั้นถึงไม่ได้สนใจอะไรมากนักและคิดว่าหลินเทียนน่าจะไปได้ยินข่าวลือเหล่านั้นมา
“ได้ยินมาว่าแต่ก่อนเฉินฉีหยวนนั้นเป็นคนที่ช่วยรับเลี้ยงเด็กกำพร้าทั้งหลายโดยการเปลี่ยนบ้านพักของตัวเองเป็นสถานรับเลี้ยงเด็กหลายๆคนดังนั้นจะเรียกว่าเป็นคนดีคนหนึ่งเลยก็ว่าได้แถมลูกหลานของเขาก็เป็นคนที่ทำงานสุจริตแต่กลับต้องตกตายลงเมื่อสามปีก่อน นี่มัน…….เป็นเวรกรรมจริงๆ ”
ชายชราถอนหายใจออกมา
ชายชราอีกคนเองก็ได้แต่ก่นด่าออกมาว่า
“เวรกรรมอะไรกัน ! ข้าบอกแล้วไงว่ามันเกี่ยวข้องกับไอ้บริษัทกิเลนนั่นอย่างแน่นอน ! พวกมันต่ำช้ายิ่งกว่าหมูกว่าหมา อีกไม่นานพวกมันก็คงจะได้ตายกันไปหมดแล้ว ”
หลินเทียนได้หันมองออกไปยังตึกตรงหน้าพร้อมทั้งกำหมัดเอาไว้แน่น
เป็นเพราะว่าลูกหลานของผู้ที่เคยเลี้ยงดูเขากลับถูกกระทำแบบนี้จนตายอย่างน่าอนาถภายในบ้านของตัวเอง
เขาได้แต่มองออกไปด้วยแววตาที่ส่องประกายจิตสังหารออกมาอย่างเข้มข้น
“ขอบคุณลุงทั้งสองมากๆ ”
เขาส่งเสียงออกมาก่อนที่จะขอตัวลาแล้วหันหลังเดินเข้าไปภายในตึกนั้น
ไม่นานเขาก็เข้าไปด้านใน
เป็นเพราะว่าเขาต้องยืนยันให้ได้ว่าผีที่ว่านี่มีความเกี่ยวข้องกับลูกหลานของชายชราคนนั้นไหม
ตึกนี้มีความสูงกว่าร้อยเมตรและถูกสร้างขึ้นกว่า 39 ชั้นเหนือที่ดินของบ้านพัก
หลินเทียนที่ได้มาถึงก็ได้ก้าวเข้าไปก่อนที่จะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่เย็นยะเยือก
เขากวาดจิตสัมผัสออกไปทั่วไม่เว้นบันไดขึ้นไปจนถึงชั้นบนทุกชั้น
พริบตาเขาก็ขึ้นไปจนถึงที่ชั้นที่ 4
“ผีร้าย ! ”
“ท่านนักบวชช่วยปัดเป่ามันไปเร็ว ! ”
เขาที่ขึ้นไปถึงด้านบนก็ได้ยินเสียงที่หวาดหวั่นถูกส่งออกมา
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พบกับนักบวชที่กำลังแสดงสีหน้าที่หวาดผวากำลังวิ่งผ่านมาเสมือนว่าเพิ่งพบเจอกับสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในชีวิต
“ท่านนักบวช….กลับมาก่อน ! ”
“ผีร้ายมันกำลังออกมาแล้ว ! ”
“หนีเร็ว ! ”
เสียงกรีดร้องถูกส่งออกมาอย่างต่อเนื่อง
หลินเทียนได้ก้าวเดินออกไปทางทิศทางนั้นอย่างไม่ลังเล
เขาได้พบกับกลุ่มคนนับสิบที่กำลังยืนรวมตัวกันอยู่ตรงทางเดินด้วยร่างกายที่สั่นสะท้านขณะที่กำลังมองเข้าไปภายในห้องที่เปิดอยู่ด้วยสายตาที่หวาดหวั่น
หลินเทียนที่มาถึงที่นี่ได้เดินผ่านกลุ่มคนเหล่านี้ไปอย่างไม่สนใจก่อนที่จะเข้าไปภายในห้องใหญ่ห้องนั้น
มันมีกลิ่นอายหยินที่เข้มข้นอย่างมากบ่งบอกได้ถึงการคงอยู่ของดวงวิญญาณ
“เจ้าหนุ่มอย่าเข้าไปนะ ! ภายในนั้นมันมีผีร้ายสิงอยู่ ! ”
“ใช่ รีบกลับมาแล้ว ! ผีร้ายตัวนั้นมันน่ากลัวสุดๆ……..ขนาดนักบวชยังหมดปัญญาเลย ! ”
“กลับมาเร็ว ! อย่าไปทางนั้น ”
เหล่าผู้คนทั้งหลายที่กำลังสั่นอยู่ต่างพากันมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปพร้อมทั้งส่งเสียงเตือนออกมาซึ่งเจ้าของห้องนี้เป็นชายวัยกลางคนและภรรยาของเขาซึ่งหลังจากที่ได้ซื้อห้องนี้มาแล้วก็เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ได้ไม่นานก่อนที่จะได้พบกับผีร้ายภายในห้องก่อนที่จะว่าจ้างนักบวชด้วยเงินจำนวนมากเพื่อปัดเป่ามันแต่ก็ไม่คิดเลยว่ามันจะเปล่าประโยชน์เนื่องจากวินาทีแรกที่อีกฝ่ายได้เห็นห้องพักก็ได้แต่แสดงสีหน้าที่หวาดหวั่นออกมาพร้อมทั้งหันหลังหนีไปทันที
ดังนั้นเมื่อเห็นว่าหลินเทียนกำลังเดินเข้าไปใกล้สองสามีภรรยาถึงได้ส่งเสียงออกมาโดยทันที
หลินเทียนไม่ได้สนใจเสียงเหล่านี้แม้แต่น้อยก่อนที่จะก้าวเดินเข้าไปภายในห้องพร้อมทั้งปิดประตูห้องเอาไว้ด้วยพลังเทวะของเขาพร้อมวางข่ายอาคมปิดกั้นทำให้คนธรรมดาไม่สามารถฝ่าเข้ามาได้แม้จะมีกุญแจก็ตามที
“นี่มัน….ประตูปิดเอง ?! ”
“เป็นผีนางนั้นแน่ๆ ! ต้องเป็นไอ้ผีร้ายตัวนั้น เจ้าหนุ่มนั่น……ตายแน่ ! ”
“ทำไมคนหนุ่มแบบนั้นถึงได้กล้าเข้าไปกัน ?! ไม่เห็นหรือไงว่ามันผิดปกติ……..”
เหล่าผู้คนที่อยู่ด้านนอกและเห็นว่าหลินเทียนได้เดินเข้าไปก่อนที่ประตูจะปิดเองต่างคิดว่าเป็นฝีมือของผีร้ายทำให้พวกเขายิ่งหวาดหวั่นขึ้นไปอีกโดยเฉพาะสองสามีภรรยาคู่นั้นเพราะหากว่ามีคนตายในห้องพวกเขาเพิ่มก็จะกลายเป็นความรับผิดชอบของพวกเขา
…………….
หลินเทียนที่ปิดกั้นห้องนี้เอาไว้ด้วยพลังเทวะแล้วก็ได้กวาดสายตาออกไปรอบๆ
ภายในห้องนี้หน้าต่างทุกบานถูกปิดเอาไว้ทำให้ค่อนข้างมืดและมีเพียงแสงจากเทียนรวมถึงข้าวสารและป้ายยันต์สีเหลืองกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น
“โร๊ววว ~! ”
เสียงกู่ร้องของผีร้ายได้ถูกส่งออกมาอย่างน่าสะพรึงกลัว
ที่มุมห้องมีร่างๆหนึ่งกำลังยืนอยู่ซึ่งถ้าจะพูดให้ถูกมันคือร่างวิญญาณของหญิงสาว
บนร่างของนางเต็มไปด้วยเลือดขณะที่ร่างกายถูกเผาจนเกรียมรายล้อมไปด้วยกลิ่นอายสีดำเข้มมีนิ้วยาวเหมือนตะเกียบ
อีกฝ่ายที่กำลังมองมาทางเขาได้ส่งเสียงกรีดร้องออกมาด้วยความแค้นพร้อมทั้งกระโจนเข้าใส่โดยทันที
วินาทีที่เข้ามาใกล้ข้าวสารเสกนี้ทำให้ดวงวิญญาณของนางถูกผนึกเอาไว้ก่อนที่นางจะพยายามขัดขืนแต่ก็เปล่าประโยชน์
หลินเทียนได้มองออกไปยังร่างที่ถูกเผาจนเกรียมใบหน้ากว่าครึ่งเน่าเปื่อยดวงตาสีแดงก่ำอันดุร้าย
แม้จะเป็นเช่นนั้นแต่เขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยของชายชรา
นี่แสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายเป็นดวงวิญญาณของลูกหลานผู้มีพระคุณของเขาอย่างแน่นอน !
อีกฝ่ายส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่งขณะที่กำลังจ้องมองมาทางเขา
ตอนนี้ดวงวิญญาณของนางมีเพียงความแค้นเท่านั้น
เขาที่กำลังมองออกไปก็รู้สึกแย่ไม่ได้ต่างกันนัก
ไม่คิดเลยว่าลูกหลานของผู้มีพระคุณของเขาจะจบชีวิตลงด้วยสภาพแบบนี้
เขาโบกมือส่งคลื่นพลังกลีบดอกบัวหยินหยางออกไปโอบร่างของนางเอาไว้
พริบตานี้เองที่ร่างวิญญาณของนางได้สั่นไหวอย่างรุนแรงก่อนที่จะส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนออกมา
แต่ไม่นานหลังจากนั้นความดุร้ายก็สลายหายไปก่อนที่สติปัญญาจะเริ่มกลับคืนมา
ไม่นานเวลาก็ได้ผ่านไปหลายสิบลมหายใจ
มันเป็นช่วงที่ความชั่วร้ายที่อัดแน่นอยู่ภายในห้องรวมถึงรอยเผาไหม้และบาดแผลตามร่างกายของนางก็สลายหายไปอย่างสมบูรณ์
ณ ตอนนี้นอกจากการที่ไม่มีกายหยาบแล้วก็ดูไม่ได้ต่างไปจากเด็กสาวอายุ 22 ปีทั่วไปเลยด้วยซ้ำ
มันเป็นตอนนี้เองที่หลินเทียนได้โบกมือคลายผนึกให้กับนาง
นางได้หันมองไปรอบๆเสมือนคนที่เพิ่งตื่นขึ้นก่อนที่จะระลึกถึงภาพเหตุการณ์บางอย่างได้
“คุณพ่อ ! คุณแม่ ! ”
นางส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างดังด้วยความรู้สึกที่ปั่นป่วนพลางหันมองไปรอบๆก่อนที่ร่างกายของนางจะสั่นสะท้านไม่หยุด
หลินเทียนที่กำลังมองนางอยู่ได้พบว่าเป็นเพราะเหตุผลบางอย่างทำให้ดวงวิญญาณของนางยังคงถูกรักษาเอาไว้และแปรเปลี่ยนกลายเป็นผีร้ายไปแต่เขาได้อาศัยเคล็ดวิชาดวงใจสุริยันขจัดความชั่วร้ายไปพร้อมทั้งปกป้องดวงวิญญาณของนางเอาไว้ด้วยกลีบดอกบัวหยินหยางทำให้นางอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด
ร่างกายของนางได้แต่สั่นสะท้านอยู่นานกว่าจะหยุด
“คุณ….เป็นใครกัน ? ”
นางหันมองมาทางเขา
เป็นเพราะเรื่องเหล่านี้ทำให้รู้ว่าหลินเทียนไม่ใช่คนธรรมดาๆ
“หลินเทียน , เด็กกำพร้าที่ปู่ทวดของคุณเคยชุบเลี้ยง ”
หลินเทียนตอบกลับไป
หญิงสาวได้แต่สั่นสะท้านไปพร้อมๆกับส่งเสียงออกมาว่า
“คะ..คุณ ”
นางส่งเสียงต่อว่า
“ปู่ทวดตายไปตั้ง 30 กว่าปีแล้วเด็กที่ปู่เลี้ยงไว้มันจะดูหนุ่มขนาดนี้ได้อย่างไรกัน ?! คุณดู…..มีอายุพอๆกับฉันเลยด้วยซ้ำ ”
นางรู้ดีว่าตัวเองไม่ได้มีชีวิตอยู่แล้วและตระหนักได้ว่าหลินเทียนเองก็ไม่ใช่คนธรรมดาๆที่สามารถสยบวิญญาณร้ายของนางเอาไว้ได้ง่ายๆแถมยังเรียกสติของนางได้อีกก็จริงแต่เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเทียนแล้วก็อดประหลาดใจไม่ได้
“เกือบเท่าเธอ ? ”
หลินเทียนมองออกไปพร้อมทั้งพูดต่อว่า
“ดูเหมือนว่าการคาดเดาของเธอจะไม่ค่อยตรงนะ ”
เป็นเพราะหากวัดตามอายุจริงๆแล้วตอนนี้เขาน่าจะมีอายุราวๆ 70-80 ปีแต่เป็นเพราะระดับพลังที่สูงส่งทำให้รูปลักษณ์ของเขาไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง
“คุณ……..”
นางได้แต่สั่นสะท้านไป
เมื่อมองออกไปยังหลินเทียนแล้วกลิ่นอายที่เขาส่งออกมามันทำให้นางรู้สึกหวาดหวั่นจากเบื้องลึกของหัวใจ
แน่นอนว่าหลินเทียนเองก็ตระหนักได้ถึงจุดนี้ดีดังนั้นถึงได้โบกมือส่งประกายแสงสีทองออกไปโอบร่างวิญญาณของนางเพื่อพยุงอาการและปรับสภาพอารมณ์
“ไม่ต้องกลัวฉันหรอก ฉันจะไม่ทำร้ายเธอ ”
เขาพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำว่า
“ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นเมื่อสามปีก่อน ”