Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1331
การกลับมาและได้พบกับเฉินหลินนี้ก็ทำให้เขาคิดว่าอีกฝ่ายเองก็น่าจะรู้ที่อยู่ของหลุมศพชายชราเป็นอย่างดี
“อื้ม รู้”
เฉินหลินตอบกลับ
เป็นเพราะก่อนหน้านี้ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่นางเองก็ไหว้หลุมศพของปู่ทวดทุกๆปีอยู่แล้ว
หลินเทียนพยักหน้าของเขาพร้อมกับพูดว่า
“นำทางฉันไปหน่อย ”
เฉินหลินตอบรับกลับพร้อมทั้งหันมองกลับไปทางตึกด้านหลังด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาเพราะนี่เคยเป็นที่อยู่ของนางทว่าตอนนี้นางกลับไม่เหลืออะไรอีกต่อไปแล้ว
นางปาดคราบน้ำตาออกพร้อมทั้งเดินนำทางหลินเทียนออกไปจากละแวกนี้อย่างรวดเร็ว
สามปีมานี้หลายๆสิ่งเปลี่ยนไปอย่างมากแต่นางเองก็ยังจดจำเส้นทางได้อย่างดีเนื่องจากใช้ชีวิตอยู่ในเมืองนี้มากว่า 20 ปีแล้ว
“หลุมศพของคุณปู่ทวดถูกฝังเอาไว้ภายในป่าที่อยู่รอบนอก มันน่าจะใช้เวลาเดินทางนานมากๆ ”
นางส่งเสียงออกมา
“ไม่เป็นไร ”
หลินเทียนตอบกลับไป
เฉินหลินได้ตอบกลับก่อนที่จะเดินนำทางเขาต่อไป
หลินเทียนก้าวเดินตามหลังของนางไปอย่างรวดเร็ว
ถึงแม้ว่าความเร็วของนางจะต่ำมากๆแต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรแม้แต่น้อย
หลังจากที่เวลาผ่านไปได้ประมาณสองชั่วโมงพวกเขาก็ได้ไปถึงภูเขาที่อยู่ในพื้นที่รอบนอกของเมืองนี้
“ด้านหน้านี้แหละ ”
นางส่งเสียงออกมา
หลินเทียนที่เดินตามหลังเองก็ได้ก้าวออกไปยังพื้นที่ๆเต็มไปด้วยของเส้นไหว้
เฉินหลินเดินนำทางเขาไปเรื่อยๆก่อนที่จะส่งเสียงออกมาว่า
“ถึงแล้ว…..”
ระหว่างที่ชี้ออกไปนั้นสีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปอย่างมากถึงขั้นที่ไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้
เป็นเพราะว่าหลุมศพด้านหน้าได้ถูกขุดทำลายออกมาทำให้โครงกระดูกมากมายกระจัดกระจายออกไปทั่วพื้นดินและเมื่องมองไปยังป้ายหลุมศพแล้วจะเห็นว่ามันมีชื่อของ……เฉินฉีหยวนถูกสลักเอาไว้
หลินเทียนได้แต่มองออกไปด้วยร่างกายที่อดสั่นไปไม่ได้
เป็นเพราะว่ามีคนมาทำลายหลุมศพแห่งนี้ !
“คุณ….ปู่ ”
เฉินหลินอดหลั่งน้ำตาออกมาไม่ได้พร้อมทั้งส่งเสียงออกมาว่า
“เป็นพวกมันแน่ๆ ! ก่อนหน้านี้พวกมันเองก็ข่มขู่พวกเราว่าหากไม่ยอมขายก็จะขุดหลุมศพบรรพบุรุษของพวกเรา ! ”
หลุมศพได้ถูกขุดขึ้นมาขณะที่โลงศพถูกทำลายทำให้พื้นดินโดยรอบอยู่ในสภาพที่เละเทะอย่างมากแถมยังสามารถบอกได้เลยว่าอย่างน้อยๆก็ถูกทำลายมานานหลายปีแล้ว
เฉินหลินไม่ใช่คนโง่ดังนั้นจึงตระหนักได้ทันทีว่าเป็นฝีมือของอันธพาลเหล่านั้นทำให้นางได้แต่ร้องไห้ออกมา
สำหรับทุกคนแล้วหลุมศพของบรรพบุรุษนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญและมีความหมายมากๆแต่ตอนนี้นอกจากบ้านจะถูกทำลายและพ่อแม่ถูกฆ่าแล้วอีกฝ่ายยังทำลายหลุมศพบรรพบุรุษของนาง
นางส่งเสียงสะอื้นออกมาและก้าวออกไปเพื่อเตรียมจะจัดการหลุมศพให้กับปู่ของตัวเองทว่าหลินเทียนได้ยื่นมือออกมาขวางนางเอาไว้
“ให้เป็นหน้าที่ฉันเอง ”
เขาพูดออกมา
เขาให้นางยืนอยู่กับที่ก่อนที่จะก้าวออกไปพร้อมทั้งใช้มือค่อยๆเก็บเอาเศษกระดูกที่กระจัดกระจายไปทั่วกลับลงไปภายในโลงศพที่แตกหักก่อนที่จะปิดมันโดยที่ไม่ได้ใช้พลังเทวะแม้แต่น้อยก่อนที่จะกลบดินทั้งหลายเพื่อฝังศพกลับลงไปอย่างช้าๆ
เฉินฉีหยวนนั้นเคยเป็นทหารเก่าที่ไม่ได้มียศสูงมากนักและหลังจากที่เกษียณราชการออกมาแล้วแม้ว่าจะไม่ได้มีวีรกรรมที่ยิ่งใหญ่อะไรแต่สำหรับเขากลับคิดว่าชายชราคนนั้นเป็นทหารที่คู่ควรและยิ่งใหญ่อย่างมาก
“ปีนั้นฉันมีอายุ 12 ขวบ….”
เขาย่อตัวลงพร้อมทั้งโปรยดินลงบนโลงศพก่อนที่จะหันมองกลับไปทางเฉินหลินแล้วพูดต่อว่า
“เพื่อนของปู่เธอมาเยี่ยมปู่เธอที่บ้านเด็กกำพร้าซึ่งฉันเองก็ได้ยินการบทสนทนาของพวกเขาดีแม้ว่าจะไม่มีอะไรมากอย่างการที่เพื่อนของเขาถามเขาว่าทั้งๆที่มีเงินเก็บอยู่ไม่มากแล้วทำไมถึงได้เอาเงินมาเสียกับกลุ่มคนที่ไม่ได้เป็นญาติพี่น้องอะไรกับเขา ”
เฉินหลินที่อยู่ด้านหลังเองก็เชื่อปักใจแล้วว่าหลินเทียนที่ดูมีอายุประมาณ 20 ปีนี้เป็นเด็กกำพร้าที่ปู่ทวดของนางเก็บมาเลี้ยงและเมื่อได้ยินประโยคนี้ก็อดถามออกมาไม่ได้ว่า
“คุณปู่ตอบว่าไงงั้นหรอคะ ? ”
เป็นเพราะว่าความต่างด้านอายุของนางและปู่ทำให้ไม่เคยได้พบหน้ากับเลยด้วยซ้ำแต่ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นบรรพบุรุษของนางดังนั้นจึงอยากจะรู้เรื่องของเขาอย่างมาก
หลินเทียนได้หยิบเอากองดินขึ้นมาพร้อมๆกับโปรยลงไปก่อนที่จะทำความสะอาดฝุ่นทั้งหลายพร้อมทั้งตอบกลับไปว่า
“เขาตอบกลับไปว่า ฉันอยากจะทำให้เด็กๆพวกนี้รู้ว่าโลกใบนี้มันงดงามแงะมหัศจรรย์”
ร่างกายของเฉินหลินที่ยืนอยู่ด้านหลังถึงกับสั่นสะท้านไปทันที
ตัวนางนั้นมีอาชีพเป็นครูเกี่ยวกับภาษาดังนั้นจึงเข้าใจความหมายอันลึกซึ้งของคำพูดนี้ดี
เป็นเพราะการที่ปู่ของนางรับเลี้ยงเด็กเหล่านี้เอาไว้ก็เพื่ออยากจะให้พวกเขารู้ว่าโลกนี้ยังมีความหวังและเต็มไปด้วยสิ่งสวยงามและความอบอุ่น
“คุณปู่ ”
นางส่งเสียงสั่นๆออกมาเพราะตระหนักได้แล้วว่าบรรพบุรุษของนางเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ถึงเพียงใด
หลินเทียนไม่ได้พูดอะไรต่อก่อนที่จะปัดฝุ่นทั้งหลายตามป้ายหลุมศพพร้อมทั้งจัดระเบียบมันใหม่อีกครั้ง
ท้องฟ้าได้ถูกปกคลุมไปด้วยความมืดขณะที่หมู่ดาวรายล้อมม่านฟ้าเอาไว้พร้อมปรากฏดวงจันทร์ขนาดใหญ่ส่องประกายแสงระยิบระยับลงมายังพื้นโลก
หลินเทียนยังคงยืนอยู่อย่างนั้นไม่ต่างจากก้อนหินโดยที่ไม่ขยับไปไหนแม้แต่น้อย
เฉินหลินเองก็ยืนอยู่ข้างๆเขาโดยที่ไม่ได้พูดอะไรขณะที่มองไปยังป้ายหลุมศพตรงหน้าอย่างสงบ
เวลาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็วจนถึงช่วงที่ดวงจันทร์ได้ลับฟ้า
ไม่นานดวงอาทิตย์ก็สาดแสงอันอบอุ่นปกคลุมไปทั่งทั้งพื้นโลกใบนี้
มันเป็นเวลาเดียวกันนี้เองที่จิตสังหารอันเข้มข้นได้แผดขยายออกไปรอบทิศทางถึงขั้นทำให้อากาศโดยรอบเย็นตัวลงอย่างรุนแรง
ร่างกายของหลินเทียนในตอนนี้รายล้อมไปด้วยประจุสายฟ้าที่โลดแล่นไปทั่วร่างขณะที่แววตาส่องประกายความเย็นยะเยือกถึงขีดสุดออกมา
“เล่าเรื่องเกี่ยวกับอันธพาลและทุกคนที่ไปสร้างปัญหาที่บ้านเธอมาให้ฉันฟังทั้งหมด ”
เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำอย่างมาก
การกลับมาในครั้งนี้กลับพบว่าที่อยู่ของผู้มีพระคุณของเขากลับถูกทำลาย ลูกหลานถูกสังหารแถมหลุมศพเองก็ยังถูกขุดทำลายนี่มันทำให้เขาหมดความอดทนโดยทันที
ร่างกายของเฉินหลินได้แต่สั่นสะท้านไปอย่างรุนแรงถึงขั้นที่ขาอ่อนแรงลงอย่างฉับพลัน
เป็นเพราะว่าสายตาของหลินเทียนในตอนนี้มันทำให้นางรู้สึกกลัวเสมือนกำลังเผชิญหน้าอยู่กับปีศาจร้ายอย่างไรอย่างนั้น
นางส่งเสียงตอบรับสั่นๆออกมาก่อนที่จะบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้กับหลินเทียนและรู้ดีว่าที่อยู่ของพวกอันธพาลมันอยู่ไหน
ดวงตาของหลินเทียนส่องประกายความเย็นยะเยือกออกมาก่อนที่จะหันมองไปทางหลุมศพเล็กน้อยพร้อมทั้งแผดคลื่นพลังออกมาโอบร่างของเฉินหลินเอาไว้พร้อมทั้งปรากฏตัวขึ้นใจกลางห้องสำนักงานแห่งหนึ่ง
มันเป็นอาคารสูงประมาณ 40 เมตร มีทั้งหมด 12 ชั้นซึ่งสายตาของผู้คนทั้งหลายต่างพากันจ้องมองมาทางเขาและเฉินหลินด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
“ทั้งสองคนนี้มัน……อยู่ดีๆโผล่ออกมาได้ไงกัน ?! นี่มัน….เรื่องบ้าอะไรกัน ?! ”
หนึ่งในผู้คนส่งเสียงออกมา
ณ ตอนนี้พวกเขาสังเกตเห็นเพียงแค่ประกายแสงเล็กน้อยก่อนที่ร่างของหลินเทียนและเฉินหลินจะปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของพวกเขา
เฉินหลินเองก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปไม่ต่างกัน
เป็นเพราะว่านางเองก็รู้ดีว่าสถานที่แห่งนี้กับหลุมศพของปู่นางห่างไกลกันมากทว่าหลินเทียนกลับนำนางมาที่นี่ได้ภายในชั่วพริบตา
หากว่าใช้เวลาเดินอย่างน้อยๆก็กินเวลาเป็นครึ่งวัน !
ทว่าตอนนี้มันกลับเคลื่อนที่มาได้ภายในชั่วพริบตา !
“นี่……”
นางได้แต่สั่นสะท้านไป
นางรู้ดีว่าเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับหลินเทียนแต่ก็ยังทำให้นางตกตะลึงไม่น้อยแม้จะรู้อยู่แล้วว่าหลินเทียนไม่ใช่คนธรรมดา
การเคลื่อนย้ายชั่วพริบตาแบบนี้มันไม่ต่างไปจากเทพเจ้าเลยด้วยซ้ำ !
หลินเทียนไม่ได้สนใจสีหน้าที่ตกตะลึงของคนรอบข้างแม้แต่น้อยก่อนที่จะแผดจิตสัมผัสอันทรงพลังออกไปโดยรอบด้วยสายตาที่เย็นยะเยือกพลางก้าวเดินออกไป
แม้ว่าเฉินหลินจะยังอยู่ในอาการที่ตกตะลึงแต่ก็รีบก้าวเดินตามหลังเขาไปอย่างรวดเร็ว
หลินเทียนก้าวเดินเข้าไปภายในห้องขนาดใหญ่ที่มีหญิงสาวรูปร่างเร่าร้อนกำลังเต้นอยู่ท่ามกลางแสงสี
“หนุ่มหล่อดูไม่คุ้นหน้าเลย ครั้งแรกงั้นหรอ ? อยากจะเล่นอะไรกันล่ะ ? ที่นี่มีทุกอย่างที่อยากได้เลยนะ ”
หญิงสาวรูปร่างยั่วเย้าได้ก้าวเดินเข้ามาใกล้ก่อนที่จะส่งเสียงกระซิบออกมาว่า
“โดยเฉพาะสาวๆอันเร่าร้อนและทรงเสน่ห์ที่จะดูแลคุณอย่างดี ! ”