Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1332
หญิงสาวรูปร่างยั่วยวนที่เป็นคนของที่นี่ได้ก้าวเดินเข้ามาทางเขา
หลินเทียนยังคงแสดงสีหน้าที่ราบเรียบออกมาโดยที่ไม่ได้สนใจแม้แต่น้อยก่อนที่จะก้าวเดินออกไปด้านหน้า
บันไดตรงหน้าของเขาทอดยาวขึ้นไปยังชั้นด้านบน
“นี่หนุ่มหล่อคิดจะไปไหนงั้นหรอ ? ”
หญิงสาวได้ส่งเสียงออกมาและหลังจากที่พบว่าหลินเทียนยังคงแสดงสีหน้าที่เคร่งขรึมออกมาโดยที่ไม่สนใจนางและกำลังเดินขึ้นไปด้านบนโดยที่มีเฉินหลินเดินตามหลังก็ทำให้สีหน้าของนางตกต่ำลงทันทีก่อนที่จะส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมาว่า
“อยากจะมาหาเรื่องหรือไงกัน ? ”
ระหว่างที่พูดนางก็ได้หันไปส่งสัญญาณให้กับชายรูปร่างกำยำทั้งหลายที่อยู่ห่างออกไป
แน่นอนว่าภายในห้องบันเทิงพิเศษนี้ก็ย่อมมีการรักษาความปลอดภัยที่พิเศษเช่นกัน
“เจ้าหนูจะมาสร้างปัญหา ? ”
หนึ่งในพวกเขาส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมาพลางล้อมร่างของหลินเทียนและเฉินหลินเอาไว้ด้วยสีหน้าที่ดุร้าย
ผู้คนทั้งหลายที่อยู่ภายในสถานที่แห่งนี้เองที่ต่างพากันหันมองมาในทิศทางเดียวกัน
“มีคนมาสร้างปัญหา ? ”
“ไม่น่าจะเป็นไปได้ไหม ? ที่นี่เป็นถึงถิ่นของพี่ชายฮู ใครจะกล้าสร้างปัญหากัน ? นี่มันรนหาที่ตายชัดๆ ? ”
“ร่างกายผอมบางแบบนั้นกล้าสร้างปัญหา ? ”
กลุ่มอันธพาลพากันหันมองมาทางหลินเทียนพร้อมทั้งส่งเสียงเยาะเย้ยออกมาแต่ความจริงแล้วรูปร่างของหลินเทียนเองก็ดูไม่ได้แข็งแรงอะไรมากนัก
“ดูไม่ได้เอาซะเลย ”
ผู้คนพากันส่งเสียงออกมา
หลายๆคนต่างตั้งหน้าตั้งตารอรับชมสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
เพราะถึงอย่างไรพวกเขาเองก็มาที่นี่เพื่อจะรับชมเรื่องที่น่าตื่นเต้นอยู่แล้ว
การต่อสู้นั้นเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นมากๆ
ณ ตอนนี้กลุ่มชายรูปร่างกำยำเองก็ตั้งท่าเหมือนว่ากำลังจะต่อสู้กับหลินเทียน
เสียงจังหวะเพลงยิ่งเข้มข้นขึ้นไปอีกเสมือนผู้จัดพบว่าหลายๆคนกำลังล้อมร่างของหลินเทียนเอาไว้ถึงได้เปิดเพลงปลุกกำลังใจให้กับเหล่าชายรูปร่างกำยำ
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่หญิงสาวทั้งหลายก็ยังคงเต้นยั่วยวนอยู่ด้วยเครื่องแต่งกายที่เปิดเผย
สีหน้าของหลินเทียนที่ถูกขวางทางเอาไว้โดยกลุ่มคนยังคงราบเรียบอย่างเคย
สายตาของชายรูปร่างกำยำทั้งหลายเย็นยะเยือกยิ่งกว่าเก่าเพราะแค่มองดูก็รู้ว่าหลินเทียนจงใจจะมาสร้างปัญหาดังนั้นถึงได้เปิดฉากโจมตีเข้าใส่โดยทันที
ชายรูปร่างกำยำปล่อยหมัดเข้าใส่ทางเขาอย่างไม่ปราณีแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตามมันเป็นตอนนี้เองที่ร่างกายของพวกเขาต่างสั่นสะท้านไปอย่างรุนแรงเสมือนโดนฟ้าผ่าเข้าใส่ก่อนที่จะสลบลงกับพื้นอย่างกะทันหัน
สายตาของหลินเทียนยังคงความเย็นยะเยือกขณะที่ก้าวเดินต่อขึ้นไปด้านบนพร้อมๆกับเฉินหลิน
“นี่มัน…..”
“ทุกคน…….ล้มลงหมด ?! ”
“เกิดอะไรขึ้นกัน ? ”
กลุ่มคนที่อยู่ภายในห้องนี้ต่างพากันผงะไปขณะที่หญิงสาวที่กำลังเต้นยั่วยวนได้แต่สั่นสะท้านด้วยดวงตาที่เบิกกว้างขึ้นอย่างมาก
เป็นเพราะพวกเขาไม่เห็นการเคลื่อนไหวของหลินเทียนแม้แต่น้อยทว่าชายรูปร่างกำยำทั้งหลายกลับสลบไป
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่หญิงสาวรูปร่างเร่าร้อนได้ส่งเสียงสั่นๆออกมาว่า
“นะ…นาย…….”
เมื่อมองไปทางหลินเทียนแล้วมันทำให้นางได้แต่สั่นไปพลางก้าวถอยกลับไปทรุดอยู่ด้านหลังโดยที่ไม่กล้าปริปากอีกแม้แต่น้อยแม้ว่าจะไม่รู้ว่าชายรูปร่างกำยำหมดสติไปได้อย่างไรแต่มันต้องเกี่ยวข้องกับหลินเทียนอย่างแน่นอนแล้วจะให้นางกล้าหยุดหลินเทียนได้ไงกัน ?
หลินเทียนใช้เพียงแรงกดดันอ่อนๆทำให้ชายรูปร่างกำยำทั้งหลายสลบไปก่อนที่จะก้าวเดินต่อขึ้นไปโดยที่ไม่ได้สนใจคนอื่นๆแม้แต่น้อย
จนถึงช่วงที่ร่างของเขาและเฉินหลินได้เดินจากไปแล้วอย่างแท้จริงแต่คนที่อยู่ภายในห้องก็ยังตกตะลึงไม่หาย
“นี่มัน…เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ? ”
หลายๆคนพากันส่งเสียงออกมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เพิ่งเห็นไป
……….
หลินเทียนก้าวเดินต่อขึ้นไปจนถึงที่ชั้น 12 อย่างรวดเร็ว
มันเป็นชั้นที่สูงที่สุดซึ่งมีห้องกว้างที่อัดแน่นไปด้วยผู้คนรวมถึงคนเฝ้าตามทางเดิน
“ใครกัน ?! ใครปล่อยให้นายขึ้นมาได้กัน ! ”
สีหน้าของยามเฝ้าทางเดินได้เปลี่ยนไปหลังจากที่พบว่าหลินเทียนและเฉินหลินกำลังเดินเข้ามา
แน่นอนว่ามันเป็นสถานที่ๆคนธรรมดาไม่สามารถเข้ามาได้
หลินเทียนยังคงมีสีหน้าที่เย็นยะเยือกขณะที่ก้าวเดินออกไปโดยที่ร่างกายปลดปล่อยแรงกดดันอ่อนๆออกมาทำให้ยามทั้งหลายสลบไป
เขาก้าวเดินเข้าไปภายในห้องอย่างไม่รอช้า
ที่นี่มีผู้คนอยู่กว่าร้อยคนซึ่งหลังจากที่เห็นการปรากฏตัวของหลินเทียนและเฉินหลินรวมถึงร่างของยามที่นอนสลบอยู่กับพื้นแล้วสีหน้าของพวกเขาก็พากันเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง
“แก ! ”
ชายผมเหลืองส่งเสียงโห่ร้องออกมาขณะที่มองไปยังใบหน้าของเฉินหลินด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ
ชายคนนี้มีอายุประมาณ 29 ปีและกำลังจ้องมองไปทางเฉินหลินด้วยร่างกายที่แข็งค้างไป
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่ชายผมแดงและชายที่กำลังถือโทรศัพท์เองก็ต่างโง่งมไปเช่นกัน
“เฉินหลิน ?! ”
พวกเขาส่งเสียงออกมา
เฉินหลินที่อยู่ด้านหลังและกำลังสบสายตากับคนเหล่านี้เองก็ได้แต่สั่นสะท้านไป
“พวกแก…”
นางถึงกับหลั่งน้ำตาออกมาด้วยใบหน้าที่โกรธแค้นอย่างมากเพราะไม่มีทางเลยที่จะลบเลือนใบหน้าของคนเหล่านี้ไปได้เนื่องจากอีกฝ่ายเป็นคนที่มาข่มขู่ครอบครัวของนางก่อนที่จะวางยาและเผาบ้านจนตายยกครัว
“แก …..”
ชายผมเหลือง ผมแดงและชายที่กำลังถือโทรศัพท์ล้วนจ้องเขม็งไปทางเฉินหลินด้วยดวงตาที่เบิกกว้างขึ้น
เป็นเพราะว่าคนที่พวกเขาสังหารไปเมื่อสามปีก่อนกลับมายืนอยู่ตรงหน้านี้ !
ผู้คนที่เห็นเช่นนั้นเองก็ได้แต่แสดงสีหน้าที่สงสัยออกมาพร้อมๆกับหนึ่งในนั้นที่ถามชายผมเหลืองว่า
“พี่ชายจ้าว มีอะไรกัน ? คนรู้จักของพวกพี่ ? ”
ชายผมเหลืองนี้มีสกุลว่าจ้าวซึ่งทั้งสามคนนี้ล้วนแล้วแต่มีสถานะที่ไม่ธรรมดาในหมู่ผู้คน
“เอะอะอะไรกัน ! ”
เสียงคำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่ชายรูปร่างกำยำที่รายล้อมไปด้วยผู้คุ้มกันหลายคนเดินเข้ามาภายในห้องด้วยรูปลักษณ์ประมาณ 42 ปีมีแผลเป็นที่ใบหน้า
ผู้คนที่เห็นเช่นนั้นต่างพากันหันมองออกไปพร้อมทั้งทำความเคารพพลางพูดว่า
“พี่ชายฮู ! ”
ชายหน้าบากคนนี้มีชื่อเต็มว่าเฮอฮูเป็นหัวหน้ากลุ่มของพวกเขาที่ทรงอำนาจในอาณาเขตนี้ซึ่งผับที่อยู่เบื้องล่างเองก็เป็นหนึ่งในธุรกิจของเขาที่มีมูลค่าไม่น้อย
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่สายตาของเขาได้หันมองออกไปทางหลินเทียนและเฉินหลินก่อนที่จะสัมผัสได้ถึงสีหน้าที่ราบเรียบทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้มาดีจึงได้ส่งเสียงออกมาว่า
“มาสร้างปัญหา ? ”
ชายผมเหลืองรีบเข้าใกล้เฮอฮูก่อนที่จะหันมองไปทางเฉินหลินแล้วพูดว่า
“พี่ชายฮู ผู้หญิงคนนั้นคือเฉินหลินที่บริษัทกิเลนได้จ้างพวกเราไปจัดการครอบครัวของมันเมื่อสามปีก่อน……. ”
ชายผมเหลืองได้อธิบายเรื่องราวทั้งหลายออกไปอย่างรวดเร็ว
“อะไรนะ ?! ”
ดวงตาของเฮอฮูถึงกับหดเล็กลงก่อนที่จะส่งเสียงออกมาว่า
“แน่ใจนะว่าเป็นครอบครัวของทั้งสามคนที่ตาย ?! ”
“ไม่ผิดแน่นอนครับ ! ”
ชายผมเหลืองส่งเสียงออกมา
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่คนอื่นๆเองก็อธิบายเหตุการณ์ทั้งหมดที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่วางยาพร้อมทั้งให้ดูเหมือนเป็นอุบัติเหตุจนบ้านระเบิดก่อนที่บริษัทกิเลนจะทำการก่อสร้างทับที่แห่งนั้น
เฮอฮูได้แต่มองไปทางเฉินหลินด้วยดวงตาที่หดเล็กลงอย่างมากเพราะว่าคนที่ตายไปเมื่อสามปีก่อนกลับมายืนอยู่ตรงหน้าของเขา
นี่มันคน ? หรือผีกัน ?
เขาได้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือกว่า
“ช่างเถอะว่ามันจะเป็นผีหรือคน ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้วก็อย่าหวังเลยว่าจะได้กลับออกไป ”
เป็นเพราะว่ากลุ่มอันธพาลของเขาเองก็ไม่ใช่กระจอกๆ
“จัดการ ! ”
เฮอฮูออกคำสั่งอย่างดัง
นี่ทำให้กลุ่มผู้คนทั้งหลายพากันรายล้อมร่างของหลินเทียนและเฉินหลินเอาไว้อย่างรวดเร็ว
ก่อนหน้านี้ชายผมเหลือง ผมแดงและคนที่กำลังถือโทรศัพท์เองก็ต่างมีสีหน้าที่ตกตะลึงหลังจากที่ได้เห็นหน้าของเฉินหลินแต่เมื่อได้ยินคำสั่งของเฮอฮูแล้วความตกตะลึงในจิตใจก็ได้สลายหายไปโดยทันที
ชายชุดเหลืองได้ก้าวออกมาพร้อมทั้งส่งเสียงอันดุร้ายออกมาว่า
“ไม่สนหรอกว่าจะเป็นผีหรือคนแต่พ่อคนนี้จะฆ่าแกเอง ! หากว่าเรื่องอุบัติเหตุนั่นถูกเปิดเผยโดยนังโสเภณีนี่ก็คงเป็นปัญหาใหญ่ไม่น้อย ฉันไม่อยากไปขึ้นโรงขึ้นศาลหรอกนะ แต่ต่อให้ไปแจ้งความก็เปล่าประโยชน์เพราะว่าที่โรงพักมีคนของพี่ชายฮูอยู่ด้วย ! ”
ชายคนนั้นส่งเสียงออกมาพร้อมทั้งหยิบเอามีดออกมาจากเอวก่อนที่จะ พูดต่อว่า
“มาลองลิ้มรสชาติคมมีดของฉันดูหน่อยไหมล่ะ ! ฮ่า ! ”
กองกำลังอันธพาลรายล้อมร่างของหลินเทียนและเฉินหลินเอาไว้จากรอบทิศทางขณะที่ชายผมเหลืองก้าวเดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่ดุร้ายนี้ทำให้นางอดรู้สึกสั่นกลัวไปไม่ได้เนื่องจากภาพความทรงจำจากเมื่อสามปีก่อนที่ผุดขึ้นมา
มันเป็นตอนนี้เองที่ร่างของหลินเทียนได้ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของอีกฝ่ายอย่างฉับพลัน
นี่ทำให้อีกฝ่ายได้แต่สั่นสะท้านไปกับความเร็วระดับนี้ถึงขั้นที่อดก้าวถอยกลับไปไม่ได้พร้อมทั้งอุทานออกมาว่า
“แก…”
หลินเทียนโบกมือชิงเอามีดในมือของอีกฝ่ายมาพร้อมทั้งฟาดฟันออกไปด้วยสายตาที่เย็นยะเยือก
“พุฟฟ ~! ”
เลือดสาดกระจายออกไปรอบทิศทางขณะที่อวัยวะภายในของชายผมเหลืองกระจัดกระจายออกไปทั่วโดยที่ไม่ทันได้ส่งเสียงกรีดร้องออกมาด้วยซ้ำ
นี่ทำให้สีหน้าของผู้คนโดยรอบเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงไม่เว้นแม้แต่ตัวของเฮอฮูเองก็ด้วยเพราะความเร็วของหลินเทียนนั้นมันสูงเกินไปแถมยังฉีกร่างของอีกฝ่ายออกภายในพริบตา
“กล้างั้นรึ ! ”
เฮอฮูส่งเสียงคำรามออกมาหลังจากที่เรียกสติกลับมา
สายตาของหลินเทียนในตอนนี้ยังคงเย็นยะเยือกถึงขีดสุดพร้อมทั้งฟาดฟันมีดในมือเข้าใส่ทางชายผมแดงที่อยู่ห่างออกไปโดยที่ไม่สนใจแม้แต่น้อย
แกร๊ง ! เสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่คลื่นกระบี่สีทองพวยพุ่งผ่านอากาศเข้าใส่ทางชายผมแดง
“พุฟฟ ~! ”
เลือดสาดกระจายออกไปรอบพื้นที่ขณะที่เศษชิ้นเนื้อกระเด็นกระดอนไปทั่ว
ตั้งแต่ก้าวเดินบนเส้นทางบ่มเพาะนี้เขาเคยตั้งกฎเหล็กเอาไว้หลังจากที่ก่อสร้างสำนักว่าศิษย์สำนักไม่สามารถลงไม้ลงมือกับมนุษย์ธรรมดาได้แต่ทั้งสามคนนี้ล้วนแล้วแต่ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาทั่วไปทว่าเป็นคนที่ชั่วช้าซึ่งสมควรตาย !
ในเมื่ออีกฝ่ายรนหาที่ตายเขาก็ไม่ลังเลเลยที่จะไม่ปราณีเพราะอีกฝ่ายไม่ได้มีคุณค่าในสายตาของเขาอยู่แต่แรกแล้ว !