Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1333
หลังจากที่ทำการสังหารชายผมเหลืองและผมแดงไปแล้วก็ยังเหลือแค่ชายที่กำลังถือโทรศัพท์เอาไว้เท่านั้น
เมื่อต้องสบสายตาอันเย็นยะเยือกของหลินเทียนแล้วอีกฝ่ายก็ได้แต่สั่นสะท้านไปอย่างไม่หยุดหย่อนถึงขั้นที่ฉี่แตกออกมาพลางก้าวถอยกลับไปหาชายหน้าบากแล้วพูดว่า
“พี่ใหญ่ฮู ช่วย……..ผมด้วย ! ……ฆ่ามัน ! ”
แม้ว่าชายคนนี้จะเป็นคนที่ชั่วช้าทว่าก็ไม่ใช่คนโง่ดังนั้นแม้จะไม่รู้ว่าทำไมอยู่ดีๆเฉินหลินถึงได้กลับมาหลังจากที่ถูกสังหารไปเมื่อสามปีก่อนแต่หลังจากที่เห็นว่าหลินเทียนได้สังหารชายทั้งสองคนไปแล้วก็รู้ดีแจ่มแจ้งเลยว่าหลินเทียนสังหารชายทั้งสองเพื่อนางและไม่มีทางปล่อยเขาไปอย่างแน่นอนแถมทักษะสังหารที่หลินเทียนใช้ยังสุดยอดมากๆถึงขั้นที่อีกฝ่ายไม่หลงเหลือซากศพที่สมบูรณ์เลยด้วยซ้ำ
เฮอฮูที่ได้ยินเช่นนี้ก็ได้หันมองไปทางหลินเทียนพร้อมทั้งอยากจะพูดอะไรออกมาแต่ก็พูดไม่ออก เขาที่เป็นลูกพี่ขององกรใต้ดินเองก็เคยเห็นภาพอันน่าตกตะลึงมามากมายแต่ก็ไม่เคยเห็นอะไรที่น่าสะพรึงกลัวแบบนี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำเนื่องจากหลินเทียนนั้นสามารถสังหารคนของเขาได้แม้จะฟาดฟันอยู่ห่างออกไปนี่มันใช่อะไรที่คนสามารถทำได้ ? นี่ทำให้เขารู้สึกขนหัวลุกไปทันที
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่คนอื่นๆขององกรเองก็ต่างพากันสั่นสะท้านไปไม่ต่างกันก่อนที่จะก้าวถอยกลับไปด้วยสายตาที่หวาดหวั่นถึงขีดสุด
หลินเทียนหันมองไปยังชายตรงหน้าก่อนที่จะกวัดแกว่งมีดในมือเพื่อส่งคลื่นกระบี่ออกไปพุ่งผ่านร่างของอีกฝ่ายก่อนที่จะลากร่างของมันทะลุผ่านผนังห้องนี้แล้วร่วงลงไปแหลกสลายอยู่เบื้องล่าง
นี่ทำให้ผู้คนที่สัญจรไปมาต่างพากันแสดงสีหน้าที่หวาดผวาออกมา
“…………ฆาตกร ! ”
หญิงสาวคนหนึ่งส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างดัง
นี่ทำให้สถานที่แห่งนี้ปั่นป่วนโดยทันทีขณะที่พากันมองกลับขึ้นไปด้านบนตึกตรงหน้าด้วยความหวาดกลัว
“รีบแจ้งตำรวจเร็ว ! ”
หนึ่งในผู้คนส่งเสียงออกมา
……….
ระหว่างนี้อันธพาลทั้งหลายที่อยู่ด้านบนเองก็ต่างมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง
พวกเขาได้แต่พากันจ้องมองไปทางหลินเทียนด้วยร่างกายที่สั่นสะท้านไม่หยุดเพราะว่าหลินเทียนทำเพียงแค่กวัดแกว่งเล็กน้อยทว่ากลับมีพลังทำลายผนังที่อยู่ด้านหลังพร้อมลากร่างของคนออกไปนี่มันเป็นความแข็งแกร่งระดับไหนกัน ? นี่ยังใช่คนอยู่อีก ?
เฉินหลินเองก็สั่นสะท้านด้วยความตกตะลึงไม่แพ้กันก่อนที่จะหลั่งน้ำตาออกมาหลังจากที่เห็นว่าหลินเทียนได้สังหารทั้งสามคนลงแล้ว
ทั้งสามคนนี้เป็นคนสังหารยกครัวของเธอดังนั้นการที่ได้เห็นว่าอีกฝ่ายได้ตกตายลงแบบนี้ก็หมายความว่าความแค้นได้ถูกชำระแล้ว
หลินเทียนหันหน้ามองไปทางหัวหน้าองกรอย่างเฮอฮูเป็นรายต่อไป
“แก……..แกต้องการจะทำอะไรกันแน่ ?! ”
เฮอฮูส่งเสียงออกมาด้วยท่าทางที่ไม่ต่างจากหนูตัวน้อยๆที่กำลังแสดงสีหน้าที่หวาดหวั่นออกมาพลางก้าวถอยหลังกลับไปพร้อมพูดได้เสียงสั่นๆว่า
“คะ…..การตายของครอบครัวนั่นไม่ใช่ฝีมือของฉันนะ เป็นพวกมันนั่นแหละ …….ทั้งสามคนนั้น ”
หลินเทียนหันมองออกไปด้วยสายตาที่เย็นยะเยือกก่อนที่จะปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของอีกฝ่ายในชั่วพริบตาพลางคว้าคอของมันเอาไว้ก่อนที่จะตรวจสอบความทรงจำด้วยจิตสัมผัสอันทรงพลังพร้อมพบว่า…….เรื่องของบ้านพักตระกูลเฉินนั้นเป็นอย่างที่ลุงสองคนที่อยู่หน้าตึกเคยเล่าให้เขาฟังไม่มีผิดเนื่องจากองกรนี้เป็นองกรที่ทางผู้จัดการของบริษัทกิเลนได้สร้างเอาไว้แบบลับๆ
ดวงตาของเขาส่องประกายความเย็นยะเยือกออกมาก่อนที่จะบดขยี้ร่างของอีกฝ่ายแหลกสลายหายไปกลายเป็นเพียงแค่กองเลือด
หลังจากที่ตรวจสอบความทรงจำของอีกฝ่ายแล้วก็ทำให้เขาได้รู้ว่าเหตุการณ์ทั้งหมดถูกบริษัทกิเลนชักใยอยู่เบื้องหลังและระหว่างนี้เขาก็ได้พบกับภาพความทรงจำอื่นๆของเฮอฮูที่สังหารผู้คนมากมายดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องเก็บมันเอาไว้
“พี่ใหญ่ฮู……..”
“นี่มัน…”
“ผี…..ปีศาจ ! ”
ผู้คนทั้งหลายที่อยู่ภายในสถานที่แห่งนี้ต่างพากันส่งเสียงออกมาพร้อมทั้งหันหลังวิ่งหนีไปด้วยความกลัว
สำหรับพวกเขาแล้วนี่มันไม่ใช่เรื่องที่คนธรรมดาๆจะสามารถทำได้เลยด้วยซ้ำ
ทุกคนได้แต่หวาดหวั่นระหว่างที่วิ่งเข้าหาลิฟท์ หลายๆคนวิ่งลงบันไดและอีกหลายๆคนที่หกลมคลุกคลานอยู่กับพื้นแต่ก็รีบคลานหนีไปด้วยความหวาดกลัว
พริบตาสถานที่แห่งนี้ก็เหลืองเพียงแค่หลินเทียนและเฉินหลินที่กำลังยืนตัวสั่นอยู่กับที่เพราะแม้จะรู้ว่าหลินเทียนนั้นไม่ใช่คนธรรมดาเพราะสามารถช่วยให้เธอฟื้นคืนชีพกลับมาได้แต่หลังจากที่เห็นภาพที่เขาแปรสภาพร่างกายของเฮอฮูกลายเป็นกองเลือดไปแล้วก็ยังอดสั่นไปไม่ได้
หลินเทียนยังคงแสดงสีหน้าที่ราบเรียบออกมพร้อมทั้งเดินออกไปยังรูใหญ่ตรงผนังที่เขาสร้างเอาไว้ก่อนที่จะมองไปยังตึกสูงขนาดใหญ่ใจกลางเมืองที่มีความสูงกว่าสองกิโลเมตรจึงเรียกได้ว่าเป็นตึกที่สูงที่สุดในเมืองนี้เลยก็ว่าได้
เมื่อมองออกไปแล้วสีหน้าของเขาก็ได้เปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกยิ่งกว่าเก่าเพราะช่วงก่อนที่เขาจะจากโลกใบนี้ไปตึกที่สูงที่สุดในเมืองนี้ยังมีความสูงไม่ถึงสามร้อยเมตรเลยด้วยซ้ำแต่ผ่านมาห้าสิบปีกลับแปรเปลี่ยนไปมากมายขนาดนี้
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันต้องเป็นสถานที่ๆโด่งดังและรู้จักกันดีอย่างแน่นอน
ที่นั่นคือตึกของบริษัทกิเลน
เขายืนอยู่ที่ชั้นสิบสองขณะที่มองออกไปก่อนที่จะเรียกให้เฉินหลินเดินเข้ามาใกล้พร้อมทั้งหายตัวไปจากจุดนี้ก่อนที่จะปรากฏตัวขึ้นเหนือน่าฟ้าของตึกกิเลนที่สร้างขึ้นด้วยกระจกกันกระสุน
ร่างกายของเฉินหลินได้แต่สั่นสะท้านไปเพราะเพียงพริบตาเดียวนางกลับมาอยู่ที่จุดนี้
ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือนางกำลังยืนอยู่กลางอากาศ !
“นี่….”
นางได้แต่จ้องมองไปทางหลินเทียนด้วยสีหน้าที่ตกตะลึงถึงขีดสุด
นี่ปู่นางรับเลี้ยงคนแบบไหนเอาไว้กัน !?
นี่มันไม่ต่างกับเทพเจ้าแล้ว !
หลินเทียนที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าของกระจกกันกระสุนขณะที่ภายในมีกลุ่มคนกำลังนั่งสนทนาบางอย่างทว่าเมื่อเห็นร่างของหลินเทียนและเฉินหลินที่อยู่กลางอากาศแล้วก็ได้แต่ส่งเสียงโห่ร้องออกมาด้วยความตกตะลึงทำให้สีหน้าของผู้คนเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง
“นี่มัน….”
เป็นเพราะภาพตรงหน้าของพวกเขาคือมีคนกำลังยืนอยู่กลางอากาศ !
หลินเทียนหันมองเข้าไปภายในห้องทำงานแห่งนี้ก่อนที่จะแผดคลื่นพลังออกไปทำลายกระจกตรงหน้าแล้วเหาะลงมาตรงหน้าของชายวัยกลางคนทั้งสองที่เป็นประธานและผู้จัดการของบริษัทนี้
เขารู้มาจากความทรงจำของเฮอฮูว่าเรื่องทั้งหมดมันมาจากสองคนนี้ดังนั้นจึงรู้จักรูปลักษณ์ของทั้งสองเป็นอย่างดี
“แก….เป็นใครกัน ?! ”
ผู้คนทั้งหลายพากันแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมา
มันเป็นตอนนี้เองที่ประตูทางเข้าได้ถูกเปิดเข้ามาพร้อมๆกับปรากฏร่างของชายหนุ่มอมนุษย์ที่ส่งเสียงออกมาว่า
“ไอ้แก่ ครั้งนี้รสชาติของชั้นดีมันไม่เท่าไหร่เลยนะ นี่กำลังเอาของส่งๆมาให้ฉันงั้นรึ ? ”
เมื่อได้เห็นหน้าของอีกฝ่ายแล้วประธานและผู้จัดการเองก็ได้แต่ผงะไปพร้อมทั้งทิ้งเรื่องของหลินเทียนไปก่อนที่จะรีบก้าวเดินออกไปต้อนรับ
“ท่าน…….เทพพระเจ้าโปรดเมตตา ! เรารับประกันเลยสินค้าที่ส่งไปทุกครั้งล้วนเป็นของชั้นดีที่คัดสรรค์สำหรับท่าน ! ครั้งนี้……หากว่าท่านไม่พอใจกระผมจะไปเลือกสินค้าที่ดีที่สุดให้ท่านด้วยตัวเอง ! ”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอมนุษย์คนนี้แล้วประธานก็ได้แต่แสดงท่าทางที่ระมัดระวังออกมาและไม่กล้าเสียมารยาทแม้แต่น้อยเพราะว่าการที่บริษัทของเขาเติบโตขึ้นมาได้จนถึงตอนนี้ก็เป็นเพราะการอาศัยพลังของชายหนุ่มตรงหน้าที่มีความสามารถเหนือมนุษย์ไม่ต่างจากเทพเจ้าเลยแม้แต่น้อย
เมื่ออยู่ต่อหน้าของชายหนุ่มคนนี้แล้วเขาก็ไม่ได้ต่างไปจากข้ารับใช้ที่ไม่กล้าขัดใจอีกฝ่าย
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่หลินเทียนได้หันมองไปยังอีกฝ่ายด้วยแววตาที่ส่องประกายเล็กน้อย
เป็นเพราะเขาสัมผัสได้ถึงพลังอสูรจากมันทำให้ตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่มนุษย์
เขาไม่คิดเลยว่าจะได้พบกับสัตว์อสูรภายในใจกลางเมืองแบบนี้แถมยังเกี่ยวข้องกับบริษัทนี้
ประธานเองก็ยังคงขอขมาแก่ชายหนุ่มด้วยสีหน้าที่ระมัดระวังและเคารพอย่างมาก
ชายหนุ่มหันมองออกไปเล็กน้อยพร้อมทั้งพูดว่า
“ก็ดี ข้าเชื่อว่าเจ้าไม่กล้าทำส่งๆให้กับข้า ครั้งนี้ข้าจะอภัยให้ ”
หลังจากนั้นก็หันมองมาทางหลินเทียนและเฉินหลินพร้อมๆกับภาพของกระจกที่แตกกระจายพลางเผยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายออกมาว่า
“ดูเหมือนว่ากำลังเจอปัญหางั้นรึ นี่พวกมันมาสร้างปัญหา ? ”