Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1335
หลินเทียนได้มาถึงบ้านหลังนี้และหากมองออกไปแล้วจะพบว่ามันตั้งอยู่ที่ตีนเขาซึ่งรายล้อมไปด้วยธรรมชาติอันงดงามแงะเงียบสงบซึ่งบอกได้เลยว่ามันไม่ใช่สถานที่ๆคนธรรมดาจะสามารถซื้อได้
อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่คิดมาก่อนเลยว่าผู้อาศัยที่นี่ล้วนแล้วแต่เป็นสัตว์อสูรเนื่องจากมันมีกลิ่นอายอสูรรายล้อมอยู่รอบทิศทางทำให้เขาเข้าใจได้ทันทีว่าสถานที่แห่งนี้เป็นถิ่นของชายหนุ่มอมนุษย์อย่างแน่นอน
เขาก้าวออกไปโดยทันที
กลิ่นอายของชายหนุ่มคนนั้นอยู่ภายในส่วนลึกของสถานที่แห่งนี้ซึ่งเป้าหมายในการมาของเขาก็ไม่มีอะไรมาก ก็แค่มาคิดบัญชีเท่านั้น
“หนุ่มน้อย มีอะไรงั้นหรอ ? เธอดูไม่เหมือนกับคนแถวนี้เลยนะ ”
ชายชราส่งเสียงถามออกมาด้วยรอยยิ้ม
สีหน้าของหลินเทียนในตอนนี้ยังคงราบเรียบซึ่งด้วยระดับพลังของเขาแล้วสามารถบอกได้ทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นผู้เชี่ยวชาญเผ่าอสูรที่อยู่ในเขตแดนหล่อหลอมร่างกายระดับ 9
“ไม่ต้องมาเล่นแง่กับข้าหรอก ส่งตัวไอ้เด็กเมื่อครึ่งเดือนก่อนที่แอบอยู่ที่นี่มาซะ ”
เขาส่งเสียงออกมา
เป็นเพราะว่าเขาพอจะคาดเดาได้เลยว่าผู้คนภายในสถานที่แห่งนี้ล้วนรู้เห็นกับชายหนุ่มคนนั้น
อย่างน้อยๆก็น่าจะรู้เรื่องที่เขาเป็นคนสร้างบาดแผลให้อีกฝ่าย
ดวงตาของชายชราส่องประกายออกมาเล็กน้อยขณะที่ส่งเสียงหัวเราะออกมาว่า
“หนุ่มน้อย เธอหมายความว่าไง ? ลุงไม่เข้าใจเลย ”
หลินเทียนหันมองไปทางชายชราคนนั้นเล็กน้อยก่อนที่จะก้าวเดินออกไปอย่างไม่สนใจ
“หนุ่มน้อย ส่วนลึกของสถานที่แห่งนี้ไม่อนุญาตให้คนนอกเข้าไป ”
ชายชราก้าวออกมาขวางทางของเขาเอาไว้
หลินเทียนยังคงก้าวเดินต่อไปอย่างไม่สนใจ
นี่ทำให้อีกฝ่ายก้าวออกมาขวางทางของเขาอีกครั้งหลังจากนั้นก็ได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำลงว่า
“เฒ่าคนนี้บอกแล้วว่าไม่อนุญาตให้เข้าไป หากว่าคิดจะบุกเข้าไปฉันคงต้องแจ้งตำรวจนะ ”
หลินเทียนยังคงก้าวออกไปพร้อมทั้งแผดกลิ่นอายอันเย็นยะเยือกออกมากระแทกร่างของอีกฝ่ายลอยเคว้งออกไปไกล
เขาก้าวเดินต่อไปเลยๆจนไปถึงภายในส่วนลึกของสถานที่แห่งนี้อย่างรวดเร็ว
ภายในสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยพืชพันธุ์มากมายที่หาได้ยากยิ่งแถมยังออกผลเป็นผลไม้สีแดงขนาดเท่ากำปั้นให้ความรู้สึกที่ลึกลับอย่างมาก
“ต้นไม้จำแลงร่าง ”
ดวงตาของเขาส่องประกายออกมาเล็กน้อย
มันเป็นต้นไม้ที่สามารถทำให้สัตว์อสูรเปิดภูมิปัญญาและจำแลงร่างมนุษย์ได้ซึ่งเขาเองก็เคยได้อ่านบันทึกโบราณเกี่ยวกับต้นไม้นี้แต่ไม่คิดเลยว่าจะได้พบกับมันที่โลกใบนี้
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่มันทำให้เขาเข้าใจได้แล้วว่าทำไมอีกฝ่ายที่อยู่ในเขตแดนหล่อหลอมร่างกายกลับสามารถจำแลงร่างมนุษย์ได้
“เอี้ยดด ~! ”
ประตูทางเข้าได้เปิดออกพร้อมๆกับปรากฏร่างของชายชราหลายคน
“ไม่คิดเลยว่าจะได้พบกับผู้ที่มีความเชื่อแบบเดียวกันในยุคนี้ ”
ชายชราชุดม่วงส่งเสียงหัวเราะออกมาขณะที่พลังอสูรที่เอ่อล้นออกมาแสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายอยู่ในเขตแดนชีพจรเทวะพลางกวักมือเรียกหลินเทียนเข้าไปด้านใน
“สหายเข้ามาก่อนสิ ”
ชายชราคนอื่นๆเองก็เปิดปากเชิญหลินเทียนเข้าไปเช่นกัน
ณ ตอนนี้พวกเขาไม่ได้ปิดบังอะไรอีกต่อไปแล้วเพราะว่าหลินเทียนได้เข้ามาถึงที่นี่แล้วจึงไม่มีประโยชน์ที่จะแสร้งทำเป็นไม่รู้
“ไม่จำเป็น ส่งตัวมันมา ”
หลินเทียนพูดออกมา
ชายชราทั้งหลายได้แต่แสดงสีหน้าที่ทำตัวไม่ถูกออกมาก่อนที่ชายชราชุดม่วงจะพูดออกมาว่า
“ซิ่วเซอเขายังหนุ่มถึงได้ทำเรื่องไม่เป็นเรื่องไป ได้โปรดให้อภัยเขาด้วย เมตตาเขาหน่อยได้ไหม ? ”
แน่นอนว่าซิ่วเซอนั้นคือชื่อของชายหนุ่มอมนุษย์เมื่อครึ่งเดือนก่อนซึ่งหลังจากที่หนีกลับมาที่นี่แล้วก็รู้เรื่องราวทั้งหมดที่อีกฝ่ายได้ไปสร้างขึ้นรวมถึงเรื่องที่หลินเทียนเป็นคนสร้างบาดแผลให้กับเขา
“ปล่อยมันไป ? แล้วเด็กสาวบริสุทธิ์อายุ 16 ทั้งหลายที่ถูกช่วงชิงความบริสุทธิ์ไปแล้วสุดท้ายก็กลายเป็นอาหารให้กับมัน ? จะให้ข้าปล่อยพวกเขาไปเฉยๆ ? ”
หลินเทียนตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ
เป็นเพราะการกระทำของอีกฝ่ายนั้นโหดเหี้ยมเกินไปเพราะนอกจากจะช่วงชิงความบริสุทธิ์ของพวกนางแล้วยังกลืนกินอีกฝ่ายแม้ว่าพวกนางจะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขาแต่เขาก็ยังรู้สึกโกรธแค้นอย่างมาก
ถึงอย่างไรเขาก็ต้องฆ่ามันให้ได้เพราะหากว่าปล่อยมันเอาไว้ก็ไม่รู้ว่าจะสร้างความเสียหายให้ผู้คนอีกมากมายขนาดไหน
ถึงขั้นที่ว่าหากเขาไม่ลงมือฆ่ามันแล้วจะกลายเป็นตราบาปของตัวเอง
“โปรดสงบสติอารมณ์ก่อน ”
ชายชราชุดม่วงป้องมือของเขาพร้อมทั้งพูดต่อว่า
“หลังจากนี้เราจะเข้งวดกับเขาไม่ให้ทำเรื่องแบบนั้นอีก ! ”
“ไม่จำเป็น ข้าจะสั่งสอนมันเอง ส่งมันมาซะหรืออยากจะให้ข้าลงมือด้วยตัวเอง ? ”
หลินเทียนส่งเสียงออกมา
นี่ทำให้สีหน้าของชายชราชุดม่วงเปลี่ยนไปอย่างมากเพราะว่าเขาเองก็รู้ดีว่าหลินเทียนต้องการจะฆ่าชายหนุ่มคนนั้น
ชายชราที่อยู่ข้างๆได้ส่งเสียงที่ไม่พอใจออกมาว่า
“เจ้าหนุ่ม เจ้าอย่าให้มันมากเกินไปนะ ! ถึงอย่างไรหญิงสาวพวกนั้นมันก็เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาเท่านั้น มันจะมาเทียบอะไรกับผู้บ่มเพาะอย่างเราได้ ? มันต่างกันราวฟ้ากับเหว ! เจ้าคิดจะมาทวงความยุติธรรมให้กับพวกมันไม่กลัวว่าจะสร้างปัญหาให้กับตัวเองบ้าง ? ”
หลินเทียนหันมองออกไปพร้อมทั้งแผดกลิ่นอายอันเย็นยะเยือกกระแทกร่างของอีกฝ่ายลอยเคว้งออกไปไกลพลางกระอักเลือดออกมาซึ่งแน่นอนว่าเขาออมแรงเอาไว้ไม่งั้นอีกฝ่ายก็คงจะตายลงไปแล้ว
ชายชราที่เลือดกลบปากได้แต่จ้องมองไปทางหลินเทียนด้วยสีหน้าที่โกรธจัดพลางส่งเสียงออกมาว่า
“นี่เจ้า……”
คนอื่นๆเองก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปไม่ต่างกัน
“จะส่งมันมาไหม ”
หลินเทียนหันมองไปทางชายชราชุดม่วง
เขาส่งเสียงอันราบเรียบและไม่แยแสออกมา
นี่ทำให้สีหน้าของผู้คนทั้งหลายตกต่ำลงอย่างมากและไม่ได้สุภาพอีกต่อไป
ชายชราชุดม่วงส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมาว่า
“เจ้าหนุ่ม เจ้ามีพรสวรรค์มากก็จริงแต่อย่าให้มันมากเกินไปนะ ! เผ่าจิ้งจอกครามของข้าสืบเชื้อสายกันมาอย่างยาวนาน แม้ว่าที่นี่จะเป็นเพียงสาขาย่อยแต่ก็ไม่ใช่ที่ๆใครจะมาสร้างปัญหาได้ ! ”
“จิ้งจอกคราม ? ”
สายตาของหลินเทียนได้หดเล็กลงก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“ลูกหลานของจิ้งจอกเก้าหาง ? ”
จากข้อมูลที่ได้มานั้นเมืองภูเขาครามเป็นของเผ่าจิ้งจอกครามซึ่งมีบรรพบุรุษเป็นจิ้งจอกเก้าหางที่เป็นจักรพรรดิอสูรอันแข็งแกร่งแต่ก็ไม่คิดเลยว่าเผ่าพันธุ์นี้ยังหลงเหลืออยู่แถมยังอยู่ตรงหน้าของเขา
“ในเมื่อรู้จักเผ่าพันธุ์ข้าดีงั้นก็อย่าอวดดีให้มันมาก ! ”
ชายชราชุดม่วงส่งเสียงออกมาพร้อมทั้งพูดว่า
“พวกข้าจะไม่เอาความเรื่องในวันนี้แต่เจ้าจงรีบออกไปซะไม่งั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือน ”
หลินเทียนหันมองออกไปด้วยสายตาที่เย็นยะเยือกขณะที่กลิ่นอายของเขาแผดออกไปกระแทกร่างของอีกฝ่ายจนลอยเคว้งออกไปไกล
“ต่อให้เป็นบรรพบุรุษของพวกเจ้าก็ยังไม่คณนามือข้าแล้วยังกล้าข่มขู่ข้าอีกนะ ! ”
เขาส่งเสียงอันไม่แยแสออกมา
นี่ทำให้สีหน้าของชายชรายิ่งตกต่ำลงก่อนที่จะส่งเสียงออกมาว่า
“อวดดีจริงๆนะที่กล้าสร้างปัญหาให้พวกข้าซ้ำแล้วซ้ำอีก ! ”
ณ ตอนนี้เองที่มีเสียงอันเย็นยะเยือกถูกส่งออกมาว่า
“ขนาดบรรพบุรุษของพวกข้ายังไม่คณนามือเจ้า ? ข้าเองก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าใครมันอวดดีได้ขนาดนี้ ! ”
ชายชราชุดเทาที่อยู่ในเขตแดนผู้รอบรู้ได้ก้าวออกมาด้วยกลิ่นอายที่เข้มข้น
ณ ตอนนี้ข้างๆของชายชรามีชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งเป็นคนๆเดียวกับที่หนีไปเมื่อครึ่งเดือนก่อน
ชายหนุ่มคนนั้นได้แต่จ้องมองไปทางหลินเทียนด้วยสีหน้าที่ดุร้ายพลางส่งเสียงออกมาว่า
“ท่านปู่ มันเป็นคนที่ทำร้ายข้าแถมยังทำลายอัญมณีปกป้องร่างกายของข้า อย่าให้มันรอดไปได้เด็ดขาด ! ข้าจะเอาเลือดเนื้อมันมากลั่นเป็นยาเพิ่มพลังให้กับข้า ! ”
เมื่อหนึ่งเดือนก่อนหน้านี้เขารู้สึกเกรงกลัวหลินเทียนอย่างมากทว่าตอนนี้มันต่างกันออกไปเพราะว่าปู่ของเขานั้นอยู่ในเขตแดนผู้รอบรู้ซึ่งเป็นผู้ที่มอบสมบัติต่างๆให้กับเขาจึงไม่ได้รู้สึกกลัวอีกต่อไป
หลินเทียนหันมองออกไปทางชายหนุ่มคนนั้นเล็กน้อยพร้อมทั้งตวัดนิ้วส่งประกายแสงสีทองออกไป
“พุฟฟ ~! ”
เลือดสาดกระจายออกมารอบทิศทางขณะที่หน้าผากของชายหนุ่มกลายเป็นรูเลือดขนาดใหญ่
“เจ้า….”
ชายชราชุดเทาถึงกับโกรธถึงขีดสุดเพราะว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นหลานแท้ๆที่มีพรสวรรค์อย่างมากถึงขั้นที่ตัดผ่านเขตแดนหล่อหลอมร่างกายตอนปลายได้และอีกเพียงก้าวเดียวก็จะตัดผ่านเขตแดนชีพจรเทวะซึ่งภายในสถานที่ๆมีพลังฉีและสัจธรรมเบาบางแบบนี้มันเรียกได้ว่ามีพรสวรรค์ไร้เทียมทานแต่กลับถูกหลินเทียนสังหารลงตรงหน้าของเขา
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่ชายชราคนอื่นๆล้วนพากันแสดงสีหน้าที่โกรธจัดออกมาเนื่องจากผู้มีพรสวรรค์ของพวกเขากลับถูกสังหารลง
แถมยังตรงหน้าพวกเขา !
“ไอ้ระยำ ! ”
ชายชราชุดเทาส่งเสียงคำรามออกมาพร้อมทั้งซัดฝ่ามือเข้าใส่ทางหลินเทียนพลางสังเวยเอาตะเกียงสมบัติออกมา
มันเป็นตะเกียงสีเขียวรายล้อมไปด้วยอักขระมากมายส่องประกายแสงเจิดจรัสและกลิ่นอายที่ทรงพลังออกมา