Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1336
ตะเกียงสมบัติส่องประกายแสงเจิดจรัสออกมารอบทิศทางไม่ต่างกับดวงอาทิตย์ขนาดย่อมพลางกดทับเข้าใส่ทางหลินเทียน
นี่คืออาวุธเทวะที่ทรงพลังอย่างมากถึงขั้นที่ไม่สามารถสำแดงพลังที่แท้จริงออกมาได้แต่ก็ยังทำให้มิติโดยรอบบิดตัวอย่างรุนแรง
ระหว่างนี้เองที่มือของชายชราที่อัดแน่นไปด้วยพลังอสูรได้คว้าเข้าใส่ทางหลินเทียนจากอีกทาง
หลินเทียนหันมองไปทางอีกฝ่ายเล็กน้อยโดยที่ไม่สนใจเลยด้วยซ้ำก่อนที่จะหันหลังแล้วเดินจากไป
เขาก้าวเดินออกไปช้าๆทว่ากลับสามารถหลบการโจมตีทั้งหมดของชายชราชุดเทาได้อย่างง่ายดาย
อีกฝ่ายเองก็ได้แต่ผงะไปกับความเร็วของหลินเทียนที่สามารถหลบการโจมตีของเขาทำให้จิตสังหารยิ่งทรงพลังขึ้นมากกว่าเก่า
ร่างกายของเขาระเบิดคลื่นพลังอสูรอันเข้มข้นออกมาก่อนที่จะหยิบเอาตะเกียงนี้ฟาดฟันเข้าใส่ทางหลินเทียน
“ต่อให้เจ้าเป็นใครแต่กล้าฆ่าหลานชายของข้าก็อย่าหวังเลยว่าจะรอดไปได้”
เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดุร้ายถึงขีดสุดพลางซัดคลื่นพลังอสูรอันเข้มข้นเข้าใส่ทางหลินเทียน
หลินเทียนที่ทำลายการโจมตีของอีกฝ่ายไปได้หยุดเท้าลงก่อนที่จะหันมองกลับไปแล้วพูดว่า
“ข้าไม่สามารถสังหารหลานชายเจ้าที่ทำเรื่องชั่วๆมามากมาย ? แล้วเจ้าคิดว่าตัวเองจะฆ่าใครก็ฆ่าได้ ? ”
เขาพูดออกมา
“เพียงแค่พวกมนุษย์มดปลวกธรรมดาจะฆ่ามันแล้วยังไง ?! ”
ชายชราส่งเสียงออกมาอย่างเย็นชาพลางพูดต่อว่า
“กับพวกมดปลวกพวกนั้นกลับกล้าสังหารหลานของข้า ข้าจะฉีกเจ้าออกเป็นชิ้นๆ ”
หลินเทียนส่งเสียงอันไม่แยแสออกมาว่า
“งั้นรึ ? ”
เมื่อพูดจบแล้วเขาได้โบกมือออกไปเพื่อทำลายอาวุธเทวะของอีกฝ่ายพร้อมทั้งส่งประกายแสงสีทองทะลวงเข้าใส่ร่างของชายชราเพื่อทำลายการบ่มเพาะของเขา
ชายชราได้แต่สั่นสะท้านไปก่อนที่จะอุทานออกมาว่า
“เจ้า….เจ้า…..ทำลายการบ่มเพาะของข้า !? ”
เขากลัวและโกรธจัดอย่างมากเพราะการตวัดนิ้วเพียงครั้งเดียวของหลินเทียนกลับสามารถทำลายอาวุธเทวะที่เขาได้รับมาจากโบราณสถานแถมยังทำลายการบ่มเพาะของเขาทำให้พลังอสูรหายไปอย่างฉับพลัน
“เป็นไปได้อย่างไรกัน ? ”
ชายชราชุดม่วงและคนอื่นๆเองก็ได้แต่สั่นสะท้านไปไม่ต่างกันเพราะว่าคนที่แข็งแกร่งที่สุดในเขตแดนผู้รอบรู้ของพวกเขากลับถูกทำลายอาวุธและการบ่มเพาะลงได้ง่ายๆแบบนี้นี่ต้องแข็งแกร่งขนาดไหนกัน ?
“เจ้า……”
ชายชราชุดเทาส่งเสียงออกมาด้วยสีหน้าที่หวาดหวั่นถึงขีดสุด
หลินเทียนมองกลับไปพร้อมทั้งพูดว่า
“ตอนนี้เจ้าเองก็ไม่มีการบ่มเพาะอีกต่อไปแล้วดังนั้นก็ไม่ได้ต่างไปจากมนุษย์ธรรมดาที่เจ้าพูดว่าตายก็ตายไปสินะ ”
เมื่อพูดจบแล้วเขาได้ตวัดนิ้วส่งคลื่นพลังสีของออกไปทะลวงผ่านหน้าผากของอีกฝ่ายอย่างไม่รอช้า
พุฟฟ ~! เลือดสาดกระจายออกมารอบทิศทางขณะที่ร่างของอีกฝ่ายลอยเคว้งออกไปไกลโดยที่ไม่มีสัญญาชีวิตเหลืออยู่อีกต่อไป
นี่ทำให้ชายชราชุดม่วงและคนอื่นๆได้แต่สั่นสะท้านไปด้วยความกลัว
เป็นเพราะว่าคนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขาคือชายชราชุดเทาทว่ากลับถูกตวัดนิ้วสังหารลงได้ง่ายๆ
หลินเทียนได้หันมองไปทางพวกเขาเล็กน้อยก่อนที่จะหันหลังเดินจากไป
ชายชราชุดม่วงและคนอื่นๆได้แต่มองตามหลังของหลินเทียนไปโดยที่ไม่มีใครกล้าหยุดยั้ง ใครจะกล้าล่ะ ? รนหาที่ตายชัดๆ
หลินเทียนก้าวเดินออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็วก่อนที่จะเหาะจากไปในไม่ช้า
“ถึงเวลาต้องค้นหาบางสิ่งแล้วสิ ”
เขาพูดออกมา
เป็นเพราะว่าหลังจากที่จัดการเรื่องการเป็นอยู่ของลูกหลานเฉินฉีหยวนและสังหารชายหนุ่มอมนุษย์ไปแล้วเขาก็ควรจะเริ่มออกตามหาสิ่งที่กระบี่เทวะตอบสนองที่อยู่ในโลกนี้
“มันเป็นความรู้สึกเสมือนว่าเป็นเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่แถมยังมากกว่าหนึ่งชิ้น ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง
เป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้กระบี่เทวะได้เกิดการตอบสนองบางอย่างและชี้นำมายังโลกใบนี้ทำให้เขาพอเดาได้ว่ามันน่าจะสัมผัสได้ถึงการคงอยู่ของเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่ซึ่งถือว่าเป็นการตอบสนองที่รุนแรงกว่าครั้งอื่นๆมากดังนั้นเขาจึงคาดการณ์เอาไว้ว่าอย่างน้อยๆก็น่าจะมีอยู่สองชิ้น
เขาเหาะต่อไปโดยที่แผดจิตสัมผัสออกไปโดยรอบด้วยความเร็วที่สูงขึ้นอย่างมาก
พริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าครึ่งเดือน
ครึ่งเดือนนี้เขาได้ก้าวผ่านพื้นที่ไปมากมายแต่ก็ยังไม่พบวี่แววของเศษเสี้ยวกระบี่แม้แต่น้อย
“อยู่ที่ไหนกัน ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง
ตัวเขาเหาะอยู่กลางอากาศและกำลังจ้องมองกลับลงไปยังพื้นดิน
ห่างออกไปไม่ไกลมีเคลื่อนบินลำหนึ่งกำลังแล่นผ่านซึ่งนักบินได้แต่ผงะไปหลังจากที่เห็นว่ามีคนสามารถยืนอยู่กลางอากาศได้ทำให้ผู้โดยสารทั้งหลายต่างแตกตื่นถึงขั้นที่ตัวเครื่องดิ่งลงสู่พื้นอย่างรวดเร็ว
หลินเทียนที่เห็นเช่นนั้นเองก็ได้ปรากฏตัวขึ้นใต้ท้องเครื่องก่อนที่จะส่งพลังเทวะของตัวเองออกไปรับมันเอาไว้แล้วทำให้มันกลับมาอยู่ในสภาพสมดุลอีกครั้งก่อนที่จะหายตัวไป
เขาทิ้งระยะออกมาไกลมากๆก่อนที่จะเหาะกลับลงมาที่พื้นพร้อมทั้งกวาดจิตสัมผัสออกไปรอบๆ
พริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปอีกครึ่งเดือน
วันนี้เป็นวันที่กระบี่เทวะภายในทะเลความรู้ของเขาได้สั่นไหวพร้อมทั้งส่องประกายแสงเจ็ดสีออกมา
“พบแล้ว ! ”
ดวงตาของเขาส่องประกายออกมาหลังจากที่สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงนี้
เขาเคลื่อนไหวออกไปอย่างรวดเร็วก่อนที่จะปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าภูเขาลูกใหญ่ที่รายล้อมไปด้วยต้นสนและก้อนหินมากมายให้ความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่อย่างมาก
กระบี่เทวะภายในทะเลความรู้ของเขากำลังชี้นำไปทางมัน
“ภูเขาไท่”
สายตาของหลินเทียนหดเล็กลงทันที
เป็นเพราะว่ามันเป็นภูเขาที่ถือเป็นตำนานหนึ่งของประเทศจีนที่ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์สำหรับการกราบไหว้องค์จักรพรรดิ
เขาได้หยุดเท้าลงก่อนที่จะก้าวเดินเข้าใกล้มัน
ระหว่างที่เดินเข้าไปมันอดทำให้ร่างกายของเขาสั่นสะท้านไปไม่ได้
“ที่นี่มัน…..”
เขาได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมา
เมื่อมองออกไปแล้วเขาไม่คิดเลยว่ามันจะมีกลิ่นอายที่น่าเกรงขามขนาดนี้ซึ่งเมื่อก้าวออกไปแล้วร่างกายของเขาถึงกับอดสั่นสะท้านไปไม่ได้ขณะที่รู้สึกได้ว่าตรงหน้าของเขาไม่ใช่ภูเขาแต่เป็นโลกอันกว้างใหญ่
“นี่มัน…..”
หัวใจของเขาได้สั่นไหวไม่หยุดขณะที่มองออกไปยังภูเขาใหญ่ตรงหน้าซึ่งหากว่าเทียบกับภูเขาภายในสวรรค์สิบชั้นแล้วก็ยังเทียบไม่ได้ทว่ามันกลับทำให้เขาที่เป็นจ้าวสวรรค์รู้สึกใจสั่น