Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1339
หลังจากที่เข้ามาภายในดินแดนลับภูเขาไท่แล้วเขาก็ได้กวาดสายตาออกไปรอบๆก่อนที่จะพบกับภูเขาเตี้ยๆหลายสิบโลกรวมถึงกลุ่มคนที่มีกลิ่นอายที่ทรงพลังกว่ามนุษย์ธรรมดาอยู่หลายเท่าตัว
“ผู้บ่มเพาะ ”
เขาพึมพำออกมา
เป็นเพราะว่าการรวมตัวยังไม่ได้เริ่มขึ้นดังนั้นถึงได้กวาดสายตาไปทางคนเหล่านี้ก่อนที่จะก้าวเดินออกไปทางอื่น
สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่เล็กๆแถมยังให้ความรู้สึกที่น่าเกรงขามยิ่งกว่าตอนที่เขาอยู่ต่อหน้าภูเขาไท่หลายเท่าตัวถึงขั้นที่สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที
เขารู้อยู่แล้วว่าสิ่งที่ทำให้หัวใจของเขาสั่นไหวนั้นเป็นเพราะว่าเสน่ห์ที่ยังเหลืออยู่ซึ่งอัดแน่นไปด้วยพลังแห่งสัจธรรมซึ่งภายในสถานที่แห่งนี้เข้มข้นกว่าภายนอกอยู่มากจึงได้แผดจิตสัมผัสออกไป
ไม่นานเขาก็ได้เดินขึ้นไปยังภูเขาลูกเล็กๆก่อนที่หัวใจของเขาจะสั่นสะท้านไปอีกครั้งหลังจากที่สัมผัสได้ถึงพลังสัจธรรมที่ไหลเวียนอยู่รอบทิศทาง
เขานั่งลงกับพื้นก่อนที่จะแผดจิตสัมผัสออกไปรอบๆเพื่อค้นหาต้นตอที่ทำให้หัวใจของเขาสั่นไหว
ร่างกายของเขาได้เปล่งประกายแสงสีทองออกไปซึ่งหลังจากที่ผ่านไปกว่าสองชั่วโมงเขาก็ได้ค้นพบเสน่ห์ที่หลงเหลืออยู่ของมัน
เขาสัมผัสได้ถึงพลังอันเบาบางทว่ากลับให้ความรู้สึกเสมือนกำลังอยู่ต่อหน้าโลกอันกว้างใหญ่ที่ทำให้ร่างกายของเขาสั่นไหวไม่หยุดพลางระลึกถึงภาพของขุนเขามากมายที่รายล้อมจ้าวแห่งขุนเขาอย่างภูเขาไท่อีกครั้ง
มันเป็นภาพของขุนเขาขนาดใหญ่ที่ให้ความรู้สึกเสมือนกำลังแบกโลกทั้งใบเอาไว้ทำให้ทะเลความรู้ของเขาสั่นสะท้าน
“ช่างยิ่งใหญ่อะไรขนาดนี้ ”
เขาพึมพำออกมา
หลังจากนั้นก็หลับตาลงด้วยความรู้สึกที่อวัยวะภายในกำลังสั่นไหวพลางสัมผัสถึงเสน่ห์ของมันต่อไป
มันเป็นเสน่ห์ที่ไม่รู้เลยว่าผ่านพ้นมานานขนาดไหนแถมยังอัดแน่นไปด้วยพลังแห่งสัจธรรมที่ทำให้ร่างกาย ดวงวิญญาณและทะเลความรู้ของเขาสั่นไหวพร้อมทั้งส่งผลให้กลิ่นอายของเขาเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
แน่นอนว่าเขาเองก็ตระหนักได้ถึงจุดนี้ดีก่อนที่จะแสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาเพราะว่าเพียงแค่เสน่ห์ที่หลงเหลืออยู่ไม่ถึงหนึ่งในร้อยล้านทว่ากลับทำประโยชน์ให้เขาได้มากมายขนาดนี้
“ภูเขาไท่ในช่วงก่อนหน้านี้มันยิ่งใหญ่ขนาดไหนกัน ?! ”
เขาผงะไป
เขาสัมผัสถึงเสน่ห์เหล่านี้พร้อมทั้งหมุนวนเคล็ดวิชาดวงใจสุริยันไปในเวลาเดียวกัน
หลังจากนั้นไม่นานเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าครึ่งเดือน
ครึ่งเดือนนี้เขาได้ลืมตากลับขึ้นมาด้วยดวงตาที่เป็นประกายออกมา
“ไม่มีความรู้สึกใจสั่นเหลืออยู่อีกแล้ว ”
เขาพึมพำออกมา
เป็นเพราะหลังจากที่ได้สัมผัสถึงเสน่ห์ที่หลงเหลืออยู่ก็ทำให้แรงกดดันที่ได้รับสลายหายไปเสมือนว่าได้รับการยอมรับจากภูเขาไท่แถมยังได้รับประโยชน์มาอย่างมากมายถึงขั้นตัดผ่านเขตแดนจ้าวสวรรค์ระดับ 8 ตอนกลางจากตอนต้น
ดวงตาของเขาเปล่งประกายออกมาพร้อมทั้งสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของตัวเองที่เพิ่มมากขึ้น
“จ้าวขุนเขาเพ็งไล่มาถึงแล้ว ! ”
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาจากสถานที่ๆอยู่ห่างออกไป
ร่างหลายร่างพากันก้าวเดินเข้ามาภายในสถานที่แห่งนี้โดยที่มีชายวัยกลางคนชุดขาวที่ส่งกลิ่นอายอันทรงพลังเป็นผู้นำ
นี่ทำให้ผู้คนทั้งหลายรีบพากันออกไปต้อนรับอย่างรวดเร็ว
ที่นี่มีทั้งผู้เชี่ยวชาญเร่ร่อนรวมถึงตระกูลผู้บ่มเพาะเล็กๆที่มาที่นี่ล่วงหน้าดังนั้นหลังจากที่เห็นการมาถึงของจ้าวขุนเขาแล้วพวกเขาก็ต่างพากันต้อนรับด้วยความเคารพเพราะว่าสถานะของขุนเขาเพ็งไล่นั้นไม่ธรรมดาเหมือนๆกับขุนเขาคุนหลุนมาตั้งแต่ช่วงอดีตกาลแล้ว
หลินเทียนหันมองออกไปทางฝ่ายตรงข้ามเล็กน้อย
ตัวเขาที่เข้ามาที่นี่มีเป้าหมายหลักๆอยู่สองอย่าง ข้อแรกคือการมาเที่ยวชมการรวมตัวกันของผู้บ่มเพาะจากดินแดนศูนย์กลางเพื่อประเมินความแข็งแกร่งโดยรวม
อีกเป้าหมายคือการที่มาดักรอผู้เชี่ยวชาญชาวตะวันตก
“เขตแดนวิญญาณนิรันด์ระดับ 3 ”
เขาพยักหน้าเล็กน้อย
เป็นเพราะว่าด้วยสภาพของโลกในตอนนี้นั้นการบ่มเพาะไปถึงเขตแดนวิญญาณนิรันด์มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย
แน่นอนว่าเขาไม่ได้โง่เพราะรู้ดีว่าที่ขุนเขาเพ็งไล่เองก็แตกต่างออกไปจากสถานที่อื่นๆในโลกที่น่าจะมีเส้นชีพจรวิญญาณหรือไม่ก็เส้นชีพจรนิรันด์เป็นรากฐานผนวกกับยาทิพย์ที่ช่วยเร่งการบ่มเพาะทำให้แข็งแกร่งกว่าขุมพลังอื่นๆในโลก
“คนจากขุนเขาคุนหลุนมาถึงแล้ว ! ”
“ขุนเขาเทียนฉี ! ”
“นิกายกระบี่ซูซานมาถึงแล้ว ! ”
“ตระกูลจิ้งจอกครามมาถึงแล้ว ! ”
“สำนักไทชิมาถึงแล้ว ! ”
นี่ทำให้เหล่าผู้คนทั้งหลายพากันออกไปต้อนรับอย่างรวดเร็ว
มันส่งผลให้สถานที่แห่งนี้คึกคักขึ้นโดยทันที
หลินเทียนที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่เองก็ได้หันมองออกไปเล็กน้อยพร้อมทั้งพบว่าขุมพลังที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นของขุนเขาคุนหลุนที่มีผู้อาวุโสสูงสุดอยู่ในเขตแดนจ้าวแห่งเต๋าที่มาร่วมงานด้วยเช่นกัน
“แค่นี้เองงั้นรึ คนที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนศูนย์กลางเป็นเพียงแค่ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจ้าวแห่งเต๋า ”
เขาถอนหายใจออกมา
มันอดทำให้เขารู้สึกซึมๆออกมาไม่ได้เพราะว่าโลกนี้มันไม่เหมาะกับการบ่มเพาะจริงๆนั่นแหละ
“ไม่รู้เลยว่าพวกชาวตะวันตกมันจะแข็งแกร่งขนาดไหนกัน ? ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง
หลังจากที่พูดจบแล้วเขาก็ได้แต่ส่ายศีรษะและไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
การปรากฏตัวของขุมพลังที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งหกนั้นทำให้ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายต่างพากันรวมตัวกันเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของแต่ละคน
มันเป็นการแลกเปลี่ยนทฤษฎีการบ่มเพาะของแต่ละคนและอีกสามวันจะถึงช่วงการประลองของขุมพลังต่างๆ
เป็นเพราะว่าการรวมตัวกันนี้ไม่มีทางจัดขึ้นก็เพื่อการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
การบ่มเพาะมันจำเป็นต้องแข่งขัน
อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญอาวุโสทั้งหลายจะไม่ลงมือและปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเหล่าผู้มีพรสวรรค์รุ่นใหม่ๆ
“แกร๊ง ! ”
“ตู้มม ~! ”
เสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาทั่วทั้งสถานที่แห่งนี้
หลินเทียนที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่เองก็ได้แต่มองออกไปยังเหล่าศิษย์ที่อ่อนแอไม่ได้อยู่ในสายตาของจ้าวสวรรค์อย่างเขาทว่าเขาก็ยังรู้สึกสนใจเพราะถึงอย่างไรเขาเองก็ก้าวผ่านจุดเดียวกันกับคนเหล่านี้มาก่อน
“ตู้มม ~! ”
คลื่นพลังอันหนักหน่วงระเบิดออกไปรอบทิศทา
“กู่จี่ซวนจากขุนเขาเพ็งไล่แข็งแกร่งจริงๆ ! อายุเพียงแค่ 26 ปีแต่กลับอยู่ในเขตแดนจักรพรรดินภาแล้ว นี่ขึ้นชื่อว่าเป็นมังกรในหมู่ผู้คนได้เลยนะ ! ”
“หยานเหวินจ้าวจากขุนเขาคุนหลุนเองก็ร้ายกาจไม่เบา เขาเองก็ตัดผ่านเขตแดนจักรพรรดินภาแล้วเช่นกันแถมยังได้ชื่อว่าเป็นที่หนึ่งในรุ่นนี้ของคุนหลุนด้วย ! ”
“จูหวานเฉิงของนิกายซูซาน จางหยิงซินของขุนเขาเทียนฉี และหลุยชิงเฮอจากสำนักไทชิเองก็ไม่ธรรมดา ได้ยินว่าพวกเขาล้วนเป็นผู้สืบทอดรุ่นต่อไปของทั้งสามขุมพลัง ”
หลายๆคนพากันส่งเสียงออกมา
เป็นเพราะห้าคนนี้ล้วนแสดงศักยภาพออกมาในการประลองโดยการสามารถเอาชนะผู้เข้าร่วมได้มากมายครั้งแล้วครั้งเล่า
“ทั้งห้าคนนี้แข็งแกร่งก็จริงทว่าคนที่ได้ชื่อว่าเป็นที่หนึ่งในรุ่นเยาว์นั้นต้องเป็นของถูเซียนเซียนจากเผ่าจิ้งจอกครามอย่างแน่นอน ได้ยินว่านางตัดผ่านเขตแดนจักรพรรดินภาระดับ 9 ได้แล้วแถมยังอยู่ห่างจากเขตแดนวิญญาณนิรันด์อีกไม่ไกล ข้าได้ยินข่าวลือมาว่านางสามารถเอาชนะผู้อาวุโสสูงสุดเขตแดนวิญญาณนิรันด์ที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลได้ด้วย ”
“ใช่แล้ว ได้ยินว่าสายเลือดของนางได้วิวัฒนาการไปเป็นสายเลือดของจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางอย่างบรรพบุรุษผู้ก่อตั้ง ! ”
ผู้คนพากันส่งเสียงออกมา
ระหว่างนี้พวกเขาก็พากันหันมองออกไปทางทิศที่ถูเซียนเซียนกำลังต่อสู่อยู่ด้วยผมสีดำยาวสลัว รูปร่างที่ผอมบางสมส่วนและรูปลักษณ์ที่งดงามขณะที่กำลังกวัดแกว่นกระบี่ในมือโดยที่ไม่มีใครสามารถต่อกรได้
“แข็ง….แกร่งมากๆ ! ”
“ขุมพลังทั้งหลายอย่างขุนเขาต่างๆนั้นได้ชื่อว่าสืบเชื้อสายกันมาอย่างยาวนานกว่าเผ่าตระกูลจิ้งจอกครามมากๆทว่ารุ่นเยาว์ของพวกเขากลับไม่มีใครสามารถเทียบเคียงนางได้แม้แต่น้อย ”
“ใช่ ! ”
หลายๆคนพากันถอนหายใจออกมาขณะที่จ้องมองไปทางนางด้วยสายตาที่สรรเสริญ
แม้กระทั่งจ้าวขุนเขาและขุมพลังต่างๆเองก็พากันถอนหายใจออกมาเพราะว่าพรสวรรค์ของนางมันแข็งแกร่งไร้เทียมทาจริงๆ
“สหายถู ดูเหมือนว่าขุนเขาของเจ้าจะมีอัญมณีนิรันด์ล้ำค่าถือกำเนิดขึ้นแล้วนะ ”
ผู้อาวุโสสูงสุดของคุนหลุนได้หันไปพูดกับผู้นำขุนเขาคราม
จ้าวขุนเขาครามที่เป็นหญิงวัยกลางคนที่มีรูปลักษณ์ที่งดงามได้ตอบกลับอย่างถ่อมตัวว่า
“ผู้อาวุโสก็พูดเกินไป ”
นางพูดออกมาด้วยดวงตาที่เปล่งประกายอย่างมากเพราะการที่คนในตระกูลมีพรสวรรค์แบบนี้มันทำให้นางมีความสุขอย่างมาก
หลินเทียนที่อยู่ห่างออกไปได้หันมองไปทางถูเซียนเซียนเล็กน้อยพร้อมทั้งพึมพำออกมาว่า
“ใช้ได้ ”
เขาที่อยู่ในเขตแดนจ้าวสวรรค์สามารถสัมผัสได้ถึงสายเลือดที่ไม่ธรรมดาอันบริสุทธิ์ของนางแถมยังมีพรสวรรค์ที่แข็งแกร่งและหากว่านางอยู่ในดาวสวรรค์สิบชั้นแล้วก็คงจะแข็งแกร่งไม่ได้ด้อยไปกว่ากายราชันเลยแม้แต่น้อย
ร่างกายของถูเซียนเซียนที่รายล้อมไปด้วยคลื่นกระบี่โดยที่ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ในระยะสามเมตรได้หันมองออกไปทางหลินเทียนที่นั่งอยู่บนภูเขาที่อยู่ห่างออกไปเล็กน้อย
“เป็นเจ้า ! ”
นางผงะไปทันที