Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1340
เป็นเพราะไม่นานมานี้หลินเทียนเพิ่งจะสังหารชายหนุ่มและปู่ของเขาที่อยู่ในหนึ่งในสาขาของเผ่าจิ้งจอกครามไปซึ่งรายงานได้ถูกส่งกลับไปที่ตระกูลหลักอย่างรวดเร็วดังนั้นเมื่อได้พบกับหลินเทียนอีกครั้งแล้วถูเซียนเซียนและคนอื่นๆเองก็จดจำได้ทันที
ผู้นำตระกูลได้หันมองตามสายตาของถูเซียนเซียนไปก่อนที่คิ้วของนางจะขมวดเข้าหากัน
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่คนอื่นๆก็ต่างพากันหันมองไปทางหลินเทียนเป็นสายตาเดียวกัน
“ชายคนนี้มัน………”
หนึ่งในผู้คนได้ส่งเสียงกระซิบออกมาว่า
“ได้ยินมาว่าไม่นานมานี้มีผู้เชี่ยวชาญรุ่นเยาว์สังหารผู้อาวุโสเขตแดนผู้รอบรู้และรุ่นเยาว์ภายในตระกูลของพวกเขา หรือว่าชายคนนี้จะเป็นคนๆนั้น ? ”
“มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วย ? ”
“แน่นอนสิ เพิ่งได้ยินมาไม่นานมานี้ ”
หนึ่งในผู้คนได้ส่งเสียงออกมา
ข่าวเกี่ยวกับเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นไม่นานมานี้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว
“ไม่คิดเลยว่าจะบุกไปที่ตระกูลสาขาจิ้งจอกครามเพื่อสังหารคน กล้าดีจริงๆ ! ”
“แต่เขาดูหนุ่มขนาดนี้ อายุน่าจะราวๆ 20 ปีทว่ากลับสามารถสังหารเขตแดนผู้รอบรู้ได้ ? ”
“แข็งแกร่งมากๆ ! ”
“สุดยอดไปเลย แต่หากว่าเทียบกับผู้มีพรสวรรค์ของทั้งหกขุมพลังแล้วก็ยังต่างชั้นกันอยู่ดี ”
หลายๆคนพากันส่งเสียงออกมา
ผู้นำขุมพลังต่างๆเองก็พากันหันมองไปทางหลินเทียนโดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่น้อย
หลินเทียนไม่ได้นั่งขัดสมาธิอยู่อีกต่อไปก่อนที่จะยืดเท้าออกไปด้านหน้าด้วยท่าทางที่สบายอารมณ์โดยที่ไม่ได้สนใจคำพูดของผู้คนแม้แต่น้อยก่อนที่จะหันมองไปทางผู้นำตระกูลจิ้งจอกครามและคนอื่นๆพร้อมทั้งหยุดอยู่ที่ร่างของถูเซียนเซียนแล้วพูดว่า
“อยากจะล้างแค้น ? ”
เขาส่งเสียงอันราบเรียบออกมา
“ล้างแค้น ? ใครจะล้างแค้นกัน ! เรารู้เรื่องที่ไอ้ชาติชั่วนั่นทำลงไปแล้ว ต่อให้เจ้าไม่ฆ่ามันเราก็จะฆ่ามันอยู่ดี ! ”
ถูเซียนเซียนส่งเสียงแสยะออกมาเพราะว่าทางตระกูลหลักได้ทำการสืบสวนเรื่องราวทั้งหมดมาแล้ว
คำพูดของนางทำให้ผู้คนโดยรอบได้แต่แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมา
“เจ้าไม่ฆ่าพวกเราก็จะฆ่า ? ”
“หมายความว่าไงกัน ? ”
“แม่นาง…..เขาพูดอะไรกัน ? ”
หลายๆคนพากันส่งเสียงออกมา
เหล่าศิษย์ธรรมดาๆของตระกูลจิ้งจอกครามเองก็แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาไม่ต่างกัน
หลินเทียนหันมองออกไปทางนางด้วยท่าทางที่ผงะไปเล็กน้อยเพราะก่อนหน้านี้เขาคิดว่านางจะล้างแค้นให้กับคนในตระกูลแต่ไม่คิดเลยว่าจะได้รับคำตอบแบบนี้
“แล้วเจ้าจะเอายังไง ? ”
เขาถามออกไป
ถูเซียนเซียนได้ตอบกลับว่า
“แม้ว่าไอ้ระยำนั่นมันสมควรตายแล้วแต่ผู้คนมากมายก็รู้ข่าวที่เจ้าบุกเข้าไปในตระกูลสาขาของเราเพื่อฆ่าคนแล้วทำให้ตระกูลของเราเสื่อมเสียอย่างมาก เราไม่สามารถปล่อยเอาไว้เฉยๆได้ ”
หลินเทียนพยักหน้าของเขาเพราะเขาเองก็พอเจ้าใจได้เกี่ยวกับเหตุผลที่ต้องรักษาภาพพจน์ของขุมพลัง
“แล้วไง ? ”
“อึก..”
“เจ้านี่มันใจเย็นจริงๆ ”
“นี่มัน….”
หลายๆคนได้แต่หมดคำพูดไปทันทีเพราะไม่คิดเลยว่าหลินเทียนจะเยือกเย็นขณะที่เผชิญหน้ากับผู้มีพรสวรรค์ของตระกูลจิ้งจอกครามได้ขนาดนี้
ถูเซียนเซียนเองก็ได้แต่มองไปยังท่าทางที่หลินเทียนแสดงออกมาด้วยความรู้สึกที่ไม่สบอารมณ์
นางแสยะออกมาว่า
“ง่ายมากๆ เราเป็นผู้เชี่ยวชาญดังนั้นเรามาสู้กับ หากว่าเจ้าชนะก็ถือว่าเรื่องนี้ไม่มีอะไรติดค้างกันเพราะข้าเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลซึ่งหากว่าแพ้เจ้าแล้วก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะสร้างปัญหาให้เจ้าอีก ”
“เจ้าคิดได้รอบคอบดีหนิ ”
หลินเทียนอดเผยรอยยิ้มออกมาไม่ได้พร้อมกับถามต่อว่า
“แล้วหากว่าข้าแพ้ ? ”
“แพ้ ? ก็ไม่มีอะไรมาก ”
นางได้หรี่ตาลงพร้อมกับพูดออกมาด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายว่า
“ข้าจะขอตีก้นเจ้าไม่กี่ครั้งแล้วจบเรื่องนี้เหมือนเดิม ไม่ต้องเป็นกังวลไปนะ พี่สาวคนนี้จะอ่อนโยนกับเจ้าเอง ! ”
หลินเทียน
“……….”
ทำไมลักษณะนิสัยของนางถึงได้เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันแบบนี้
นี่ทำให้ผู้เชี่ยวชาญหนุ่มทั้งหลายที่อยู่โดยรอบอดส่งเสียงกู่ร้องออกมาไม่ได้
“นี่มัน……..เป็นเรื่องที่ดีจริงๆ ! ”
“ไม่นะ ! ห้ามให้เจ้านั่นเป็นฝ่ายได้ไปเด็ดขาด ! ”
“ได้โปรดช่วยตีข้าด้วย ข้าจะไม่ขัดขืนแม้แต่น้อย ! ”
ผู้คนพากันส่งเสียงออกมาเพราะแม้ว่าพวกเขาจะเป็นผู้บ่มเพาะก็จริงทว่ามันก็อยู่ในยุคสมัยใหม่แล้วดังนั้นจึงต้องปรับเปลี่ยนไปตามสังคม ณ ปัจจุบันส่งผลให้ดวงตาของพวกเขาเปล่งประกายออกมาระหว่างที่จ้องมองไปทางหลินเทียนด้วยความโกรธแค้น
หลินเทียน
“………….”
เขาได้แต่มองไปทางนางด้วยสีหน้าที่มีความสุขเพราะว่านางคนนี้มีพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดาแถมนิสัยเองก็ยังไม่ได้เลวร้ายทำให้เขานึกถึงใบหน้าของไป่เฉียวขึ้นมา
เมื่อนึกถึงนางแล้วมันทำให้เขาคิดว่านางดูน่ารักขึ้นมาทันที
“มา ข้าจะเล่นกับเจ้าหน่อยแล้วกัน ”
เขาพูดออกมา
ท่าทางของเขาทำให้สีหน้าของผู้เชี่ยวชาญที่อยู่โดยรอบเปลี่ยนไปอีกครั้ง
“ท่าทางแบบนี้มันอะไรกัน เหมือนว่าเป็นผู้อาวุโสที่กำลังคุยอยู่กับรุ่นเยาว์อย่างไรอย่างนั้น ? ”
“นั่นน่ะถูเซียนเซียนผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในขุนเขาสีครามเลยนะ ! ”
“หมดคำจะพูดจริงๆแล้วสิ ”
หลายๆคนพากันแสดงสีหน้าป่วยๆออกมา
ถูเซียนเซียนที่กำลังถือกระบี่นิรันดร์เอาไว้ได้พูดขึ้นว่า
“งั้นก็เชิญ ”
“ไม่จำเป็น ”
หลินเทียนตอบกลับพลางพูดว่า
“ข้านั่งอยู่นี่แหละ เจ้าโจมตีมาได้เลย ”
“เฮือก…..”
“เจ้านี่มัน……”
“นี่มัน…..อวดดีจริงๆ ! ”
“บ้าไปแล้ว ? ”
“ดูไม่เหมือนเลยนะ ”
ผู้คนยิ่งพากันโง่งมเข้าไปอีก
ถูเซียนเซียนถึงกับกัดฟันเอาไว้แน่นพลางก้าวเดินออกไปพร้อมทั้งฟาดฟันกระบี่ในมือออกไป
กระบี่นี้ส่องประกายแสงเจิดจรัสออกมาขณะที่พลังฉีอันเข้มข้นแต่ไม่ได้รุนแรงได้พุ่งเข้าใส่ทางหลินเทียนเนื่องจากนางได้ออมแรงเอาไว้
อย่างไรก็ตามมันก็ยังเพียงพอที่จะทำให้มิติโดยรอบบิดตัวอย่างรุนแรงถึงขั้นส่งผลให้สีหน้าผู้คนเปลี่ยนไปอย่างมาก
“คลื่นกระบี่ระดับนี้มัน…สุดยอดไปเลย ! ”
“สมแล้วจริงๆที่เป็นที่หนึ่งในรุ่นนี้ ! ”
“แข็งแกร่งมากๆ ! ”
ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายรวมถึงนายน้อยของขุมพลังต่างๆพากันแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมา
ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสที่อยู่ในเขตแดนวิญญาณนิรันดร์ระดับ 2 ได้ส่งเสียงออกมาว่า
“หากว่าสู้กันจริงๆแล้วข้าต้องไม่ใช่คู่มือของแม่หนูน้อยนี่แน่ๆ ”
“อื้มม เยี่ยมมากๆ ”
ผู้อาวุโสสูงสุดของคุนหลุนได้ส่งเสียงออกมาด้วยดวงตาที่เปล่งประกายพลางพูดต่อว่า
“แม้ว่ามันจะเป็นการโจมตีที่ไม่ได้รุนแรงทว่ากลับแฝงไปด้วยเจตจำนงแห่งกระบี่ที่ผู้เชี่ยวชาญภายใต้เขตแดนวิญญาณนิรันดร์ไม่สามารถรับได้อย่างแน่นอน ”
ผู้นำตระกูลจิ้งจอกครามที่อยู่ข้างๆได้แต่เผยรอยยิ้มที่มีความสุขออกมากับเกียรติยศครั้งนี้
คลื่นกระบี่ของถูเซียนเซียนที่ไม่ได้ทรงพลังมากนักได้เข้าประชิดร่างของหลินเทียนอย่างรวดเร็ว
เป็นกระบี่ที่ไม่ธรรมดาจริงๆ
“รับไม่ได้แน่ๆ ! ไม่มีใครที่อยู่ภายใต้เขตแดนวิญญาณนิรันดร์สามารถรับได้อย่างแน่นอน ! ”
หลายๆคนพากันส่งเสียงออกมาเพราะคิดว่าหลินเทียนต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามมันเป็นตอนนี้เองที่สีหน้าของพวกเขาได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง
หลินเทียนที่กำลังนั่งอยู่บนก้อนหินด้วยสีหน้าที่ราบเรียบไม่ได้ลุกไปไหนทว่ากลับยื่นนิ้วชี้ออกมารับการโจมตีนี้เอาไว้
“นี่มัน ?! ”
“เป็นไปไม่ได้ ?! ”
“เป็นไปได้อย่างไรกัน ?! ”
ผู้คนพากันโห่ร้องออกมา
ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสเองก็ยังต้องผงะไปเพราะว่าคลื่นกระบี่ที่ลึกลับนี้กลับถูกรับเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย !
ถูเซียนเซียนแสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาเพราะแม้ว่านางจะยั้งมือเอาไว้ทว่าก็รู้ดีว่ามันเป็นการโจมตีที่ทรงพลังถึงขั้นที่คนธรรมดาไม่มีทางรับได้ทว่าหลินเทียนกลับสามารถรับเอาไว้ด้วยนิ้วเพียงนิ้วเดียวเท่านั้น
“เจ้า…….”
นางส่งเสียงออกมา
“ถือว่าใช้ได้ ”
หลินเทียนพูดออกมาเพราะด้วยระดับพลังของนางในตอนนี้แล้วการที่สามารถส่งการโจมตีโดยที่ยั้งมือได้ขนาดนี้ก็ถือว่าไม่ธรรมดาเลย
“มาสิ ไม่จำเป็นต้องยั้งมืออีกต่อไป ”
ถูเซียนเซียนแข็งค้างไปหลังจากที่ได้ยินคำพูดของหลินเทียนก่อนที่จะตวัดกระบี่ในมือส่งคลื่นกระบี่อันทรงพลังพร้อมๆกับสังเวยทักษะเทวะออกไปทำให้สีหน้าของผู้เชี่ยวชาญเขตแดนวิญญาณนิรันดร์ที่อยู่ห่างออกไปถึงกับเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง
หลินเทียนยังคงนั่งอยู่กับที่โดยที่ใช้นิ้วชี้ของเขารับการโจมตีเหล่านี้เอาไว้เช่นเคย
นี่ทำให้ผู้คนโดยรอบพากันผวาไปทันที
“นี่มัน……”
“มือเปล่า…… ไม่ ! นิ้วเดียวสามารถ….รับการโจมตีของอาวุธนิรันดร์ได้นี่มัน…….”
“ดูเหมือนว่า….เขาจะแข็งแกร่งมากๆ! ”
“คนที่ดูหนุ่มขนาดนี้กลับแข็งแกร่งกว่าถูเซียนเซียน ?! นี่มันเป็นไปได้ไงกัน ………”
“เขา…….แข็งแกร่งเกินไปแล้ว ! ”
หลายๆคนส่งเสียงออกมา
ตอนนี้ขนาดที่ว่าผู้นำขุมพลังต่างๆเองก็ได้แต่โง่งมไปกับภาพตรงหน้าของพวกเขา
โดยเฉพาะผู้นำตระกูลจิ้งจอกครามจ้าวขุนเขาสีครามที่แข็งค้างไปกับที่
“แกร๊ง ! ”
“แกร๊ง ! ”
“แกร๊ง ! ”
เสียงกระบี่คำรามดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาขณะที่ถูเซียนเซียนฟาดฟันกระบี่ในมือของนางพลางสังเวยปรากฏการณ์ทะเลความรู้ออกมาแต่ก็ยังถูกหลินเทียนรับเอาไว้ด้วยนิ้วชี้เพียงแค่นิ้วเดียวที่ให้ความรู้สึกไม่ต่างไปจากกระบี่ของจักรพรรดินิรันดร์
“ก็พอใช้ได้แต่มันดูแปลกๆแหะ ”
หลินเทียนหันมองไปทางนางที่กำลังเปิดฉากโจมตีเข้าใส่ทางเขาพร้อมกับส่งเสียงออกมาว่า
“บรรพบุรุษที่หนึ่งของเจ้าเป็นจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางที่ถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจักรพรรดิโกลาหลดังนั้นก็น่าจะทิ้งมรดกจำพวกทักษะเทวะหรือเคล็ดวิชาเขตแดนจักรพรรดิโกลาหลเอาไว้บ้างแต่ดูเหมือนเจ้าจะไม่ได้เรียนรู้มันเลย ? ”