Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1341
จากในบันทึกของหน้าประวัติศาสตร์นั้นบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งตระกูลจิ้งจอกครามนั้นคือจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางที่อยู่ในเขตแดนจักรพรรดิโกลาหลซึ่งควรจะทิ้งมรดกพวกเคล็ดวิชาและทักษะเทวะเขตแดนจักรพรรดิโกลาหลเอาไว้บ้างถึงจะถูกทว่าเขากลับพบว่านางไม่ได้เรียนรู้มันมาเลยแม้แต่น้อยทว่ากลับเชี่ยวชาญทักษะเทวะและเคล็ดวิชาบ่มเพาะธรรมดาๆเท่านั้น
นี่ทำให้เขารู้สึกสงสัยอย่างมาก
“เจ้าไม่รู้ ? ”
ถูเซียนเซียนได้ส่งเสียงออกมาพลางพูดต่อว่า
“ช่วงที่ประเทศจีนของเราโดนบุกนั้นเกิดการปะทะกันของกลุ่มผู้เชี่ยวชาญทำให้ขุมพลังศูนย์กลางทั้งหลายได้รับความเสียหายอย่างหนักและส่งผลให้มรดกทั้งหลายสูญสิ้นไปจนเกือบหมดและเหลือไว้เพียงบางส่วนที่ไม่สมประกอบทำให้ไม่สามารถฝึกฝนได้ ”
นางหันมองมาทางเขาด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจพลางพูดต่อว่า
“นี่เป็นความรู้พื้นฐานของผู้บ่มเพาะเลยนะ ”
คำตอบนี้ทำให้สีหน้าของหลินเทียนถึงกับเปลี่ยนไปอีกครั้งเพราะว่าเขาไม่รู้เลยว่ามันเกิดการต่อสู้ระหว่างผู้บ่มเพาะขึ้นด้วย
เขาพยักหน้าก่อนที่จะหันมองไปทางนางพร้อมทั้งพูดต่อว่า
“แม่หนูน้อย พยายามดึงเอาศักยภาพออกมาทั้งหมด”
เป็นเพราะว่าเขาเองก็พอจะตระหนักได้ว่าแม้นางจะสังเวยปรากฏการณ์ทะเลความรู้ออกมาแล้วแต่ก็ยังไม่ใช่ทั้งหมดของนาง ด้วยระดับพลังและพรสวรรค์ของนางแล้วมันยังพัฒนาได้มากกว่านี้
นางที่ตระหนักได้ถึงความเหนือชั้นของหลินเทียนเองก็รู้ดีว่าตัวเองไม่ใช่คู่มือของอีกฝ่ายทว่าหลังจากที่ได้ยินหลินเทียนผู้ซึ่งมีรูปลักษณ์ที่ยังดูหนุ่มแต่กลับเรียกนางว่าหนูน้อยแล้วมันทำให้นางเปิดฉากโจมตีออกไปอย่างไม่รอช้า
“ตู้มม ~! ”
พลังอสูรอันเข้มข้นระเบิดออกมาจากร่างของนางทำให้มิติโดยรอบสั่นไหวอย่างรุนแรง
มันเป็นกลิ่นอายที่ทรงพลังขึ้นกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่าตัว
หลินเทียนพยักหน้าของเขาเล็กน้อยและยังคงรับการโจมตีเอาไว้ด้วยนิ้วๆเดียวก่อนที่จะเริ่มสร้างแรงกดดันให้กับนางเพื่อเค้นเอาศักยภาพทั้งหมดของนางออกมา
ระหว่างขั้นตอนนี้เขาก็ยังคงนั่งอยู่กับที่ขณะที่นางฟาดฟันเข้าใส่เขาโดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้
“นี่มัน………”
“แข็งแกร่งเกินไปไหม ? ”
“นี่มีรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งขนาดนี้อยู่ด้วย ? เป็นใครกัน ?! ”
หลายๆคนพากันส่งเสียงออกมา
ผู้อาวุโสสูงสุดของคุนหลุนเองก็ได้แต่แข็งค้างไปกับที่ขณะที่จับจ้องไปทางหลินเทียนโดยที่ไม่สามารถตรวจวัดความแข็งแกร่งของเขาได้แม้แต่น้อย
ตู้มม ~!
ตู้ม !
ตู้มมม !
พลังอสูรอันเข้มข้นระเบิดออกมารอบทิศทางขณะที่ถูเซียนเซียนกัดฟันเอาไว้แน่นพร้อมทั้งฟาดฟันคลื่นกระบีที่ทรงพลังกว่าเก่าออกไป
น่าเสียดายที่เมื่ออยู่ต่อหน้าของหลินเทียนแล้วก็ยังเปล่าประโยชน์
“ดีมาก ”
เขาส่งเสียงออกมา
ณ ตอนนี้นางได้แสดงศักยภาพทั้งหมดที่มีออกมาจนถึงขีดสุดแล้วทำให้เขาไม่ได้ใช้นิ้วๆเดียวรับมือกับนางทว่ากลับใช้ทั้งห้านิ้วประทับตราส่องประกายแสงเจิดจรัสออกไป
ร่างกายของถูเซียนเซียนที่กำลังฟาดฟันกระบี่ได้แต่สั่นสะท้านไปอย่างรุนแรงพร้อมทั้งจ้องมองไปทางหลินเทียนด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ
ด้วยระดับความสามารถของนางแล้วเข้าใจได้อย่างดีว่าประกายแสงที่หลินเทียนส่งออกมานั้นอาจดูเหมือนเป็นการโจมตีเข้าใส่นางทว่าแก่นแท้จริงๆของมันคือการกลบเกลื่อนการถ่ายทอดวิชา
“เจ้า…..”
นางได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมา
“ตั้งใจเรียนรู้มัน ”
หลินเทียส่งเสียงออกมา
เป็นเพราะว่าแม้นางนั้นจะเป็นอสูรแต่ก็ไม่ได้เลวร้ายแถมยังมีพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดาถึงขั้นที่หากว่าอยู่ในสวรรค์สิบชั้นแล้วก็จะต้องเป็นระดับแนวหน้าอย่างแน่นอนซึ่งการที่ไม่มีเคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับสูงก็จะเป็นการจำกัดเส้นทางการบ่มเพาะของนางในอนาคตเพราะถึงอย่างไรแล้วเคล็ดวิชาบ่มเพาะก็ถือเป็นสิ่งที่สำคัญกับผู้บ่มเพาะมากๆถึงขั้นที่สำคัญยิ่งกว่าพลังฉีหลายเท่าตัวเพราะเคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งจะสามารถสร้างเส้นทางบ่มเพาะที่ไกลมากยิ่งขึ้น
แม้ว่าพรสวรรค์ของนางจะสูงส่งถึงขั้นที่เรียกว่าเมล็ดพันธุ์แห่งนิรันดร์ทว่าก็จะถูกกลบเอาไว้ที่นี่ทำให้ไม่สามารถก้าวไปได้ไกลนักซึ่งการที่เมล็ดพันธุ์ชั้นดีต้องถูกฝังที่นี่มันทำให้เขารู้สึกเสียดายอย่างมากดังนั้นถึงได้เริ่มการถ่ายทอดเคล็ดวิชาบ่มเพาะของตระกูลยมโลกอย่างเคล็ดวิชาเก้าทักษะยมโลก
มันเป็นเคล็ดวิชาบ่มเพาะเขตแดนจ้าวสวรรค์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความลึกลับที่ถือได้ว่าเป็นเคล็ดวิชาบ่มเพาะล้ำค่า
แถมแก่นแท้ของพลังยมโลกและพลังอสูรเองก็เหมือนๆกันดังนั้นมันจึงเป็นสิ่งที่เหมาะกับนางมากๆ
ถูเซียนเซียนที่เห็นว่าหลินเทียนแข็งแกร่งกว่านางและกำลังกลบเกลื่อนเพื่อถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้ทำให้นางได้สติกลับมาพร้อมทั้งเริ่มการเรียนรู้มันขณะที่ฟาดฟันกระบี่ออกไป
หลังจากนั้นไม่นานร่างกายของนางก็ได้แต่สั่นสะท้านไปเพราะเพียงแค่ชั่วพริบตาที่เริ่มเรียนรู้ก็สัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนของเคล็ดวิชานี้ที่เรียกได้ว่าเป็นสุดยอดเคล็ดวิชาชั้นเลิศทำให้สายตาของนางได้แต่สั่นสะท้านไป
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่ผู้นำขุมพลังต่างๆเองก็ได้แต่ผงะไปเพราะพวกเขาเองก็ตระหนักได้ดีว่าหลินเทียนกำลังทำการกลบเกลื่อนระหว่างที่ถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้กับนางและแม้ว่าจะไม่รู้ว่ามันคือเคล็ดวิชาอะไรแต่ก็สัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่และล้ำลึกของมันอย่างดี
ผู้อาวุโสสูงสุดขุนเขาคุนหลุนเขตแดนจ้าวแห่งเต๋าได้แต่สั่นสะท้านไปหลังจากที่สัมผัสได้ถึงพลังแห่งสัจธรรมที่ส่งออกมาจากร่างของหลินเทียนซึ่งเป็นเคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขาเคยได้เห็นมาในชั่วชีวิตนี้
สายตาของผู้นำตระกูลจิ้งจอกครามเองก็ส่องประกายออกมาเช่นเดียวกัน นางผงะไปหลังจากที่เห็นว่าผู้ที่บุกไปฆ่าคนในสาขาของตระกูลนั้นแข็งแกร่งได้ขนาดนี้แต่ก็มีความสุขเพราะเห็นว่าเขากำลังถ่ายทอดบางสิ่งให้กับผู้มีพรสวรรค์ของตระกูลนางนี่มันทำให้นางรู้สึกเหมือนว่ากำลังฝันไปด้วยซ้ำ
กู่จี่ซวนและผู้มีพรสวรรค์คนอื่นๆที่สัมผัสได้ว่าหลินเทียนกำลังถ่ายทอดเคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งให้กับถูเซียนเซียนเองก็ได้แต่พากันแสดงสีหน้าที่อิจฉาตาร้อนออกมา
หลินเทียนยังคงนั่งอยู่บนก้อนหินขณะที่ประทับมือข้างเดียวออกไปเพื่อถ่ายทอดเคล็ดวิชาเก้าทักษะยมโลกให้กับนาง
นางตั้งใจเรียนรู้มันอย่างมากและยิ่งทำความเข้าใจนางก็ยิ่งมีสีหน้าที่ตกตะลึงยิ่งกว่าเก่าเพราะตระหนักได้ถึงความแข็งแกร่งของเคล็ดวิชานี้พลางแสดงสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อออกมา
นี่ทำให้นางแสดงสีหน้าที่จริงจังยิ่งกว่าเก่าออกมาขณะที่ร่างกายของนางเปล่งประกายแสงที่เข้มข้นมากขึ้นพร้อมๆกับกลิ่นอายที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“ดี ”
ดวงตาของหลินเทียนเป็นประกายออกมาพลางพยักหน้าเล็กน้อย
เป็นเพราะว่าเขาที่ได้ถ่ายทอดเคล็ดวิชาแต่ละส่วนให้กับนางซึ่งสามารถจดจำและทำความเข้าใจได้อย่างรวดเร็วนี่เรียกได้ว่าเป็นความสามารถที่ไม่ธรรมดาถึงขั้นที่ก้าวข้ามผู้มีพรสวรรค์ไปไกลมากๆ
มันเป็นตอนนี้เองที่มิติภายในสถานที่แห่งนี้ได้สั่นไหวก่อนที่จะมีร่างหลายร่างปรากฏขึ้นมาด้วยรูปลักษณ์ของชาวตะวันตกที่แผดกลิ่นอายอันทรงพลังออกมาให้ความรู้สึกไม่ต่างกับหุบเหวลึกอันน่าสะพรึงกลัว
หลินเทียนที่กำลังนั่งอยู่กับที่เองก็ได้แสยะออกมาเล็กน้อยเพราะดูเหมือนว่าผู้เชี่ยวชาญชาวตะวันตกจะบุกเข้ามาที่นี่จริงๆ
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆได้แต่พากันแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาตามๆกัน
“ผู้เชี่ยวชาญชาวตะวันตก ? บุกเข้ามาที่นี่ได้อย่างไรกัน ! ”
ผู้อาวุโสสูงสุดขุนเขาคุนหลุนส่งเสียงออกมา
“คนที่กำลังจะตายไม่ต้องรู้อะไรมากหรอก พวกข้าจะฆ่าพวกเจ้าให้หมดแล้วชิงเอาขุนเขาทั้งหลายไป นี่คือพระบัญชาขององค์เทพ ”
ชายชราชาวตะวันตกได้ส่งเสียงออกมาด้วยสีหน้าที่ราบเรียบไม่ต่างจากเครื่องจักรสังหารก่อนที่สีหน้าของเขาจะเปลี่ยนไปอย่างมากหลังจากที่มองไปทางหลินเทียน
“เป็นเจ้า ! ”
เป็นเพราะไม่นานมานี้มีผู้เชี่ยวชาญตะวันตกคนหนึ่งถูกส่งมาเพื่อค้นหาที่อยู่ของดินแดนลับแห่งนี้และหลังจากนั้นอีกฝ่ายก็ได้สังเวยยันต์เพื่อส่งข้อมูลที่ตัวเองถูกหลินเทียนสังหารกลับไปซึ่งยันต์นี้ไม่เพียงแค่บ่งบอกที่อยู่ของดินแดนลับทว่ามันรวมไปถึงรูปลักษณ์ของหลินเทียนเพื่อให้พรรคพวกช่วยล้างแค้นให้กับตัวเอง
“คนของข้าตายลงด้วยเงื้อมมือของเจ้าสินะ ”
ชายชราส่งเสียงออกมาพลางพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือกว่า
“ฆ่ามันซะ ! ”
เมื่อสิ้นสุดคำพูดแล้วสายตาของชายชราทั้งสามคนเองก็ได้หันมองออกไปทางหลินเทียนด้วยแววตาที่อัดแน่นไปด้วยจิตสังหารพลางฟาดฟันอาวุธในมือเข้าใส่
มันเป็นอาวุธที่ทรงพลังกว่าอาวุธนิรันดร์อยู่มาก
นี่ทำให้สีหน้าของถูเซียนเซียนเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงเพราะมันเป็นการโจมตีที่ทรงพลังอย่างมาก
“ไม่ต้องไปสนใจพวกมัน ตั้งใจเรียนรู้เคล็ดวิชาต่อไป ”
หลินเทียนพูดออกมา
เขายังคงนั่งอยู่กับที่ขณะที่ส่งคลื่นกระบี่สีทองอร่ามออกไป
คลื่นกระบี่นี้ได้พุ่งอัดเข้าใส่อาวุธทั้งสามจนแหลกสลายเป็นผุยผงก่อนที่จะทะลวงผ่านหน้าผากของชายชราทั้งสามคนและแปรเปลี่ยนพวกเขากลายเป็นกองเลือดไปอย่างฉับพลัน
นี่ทำให้ร่างกายของผู้คนโดยรอบพากันสั่นไหวไปอย่างรุนแรง
“นี่มัน………..”
สิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้คนโดยรอบพากันแข็งค้างไปตามๆกันเพราะว่าผู้เชี่ยวชาญตะวันคนนั้นถือว่าแข็งแกร่งอย่างมากแถมอาวุธที่ใช้ยังทรงพลังกว่าอาวุธนิรันดร์อีกทว่ากลับถูกทำลายและสังหารลงโดยการตวัดนิ้วเบาๆของหลินเทียนเท่านั้น
นี่มันเป็นความแข็งแกร่งขนาดไหนกัน ?!
“เจ้าพวกผู้รุกรานจากชาวตะวันตก กล้าดีนักนะที่คิดจะชิงเอาภูเขาขึ้นชื่อทั้งหลายจากดินแดนศูนย์กลางของพวกเรา ! ”
เขาหันมองออกไปพร้อมทั้งส่งเสียงอันราบเรียบออกมา
นี่ทำให้ผู้เชี่ยวชาญตะวันตกทั้งหลายพากันผงะไปเพราะไม่คิดเลยว่าหลินเทียนจะแข็งแกร่งถึงขั้นสามารถสังหารคนของเขาลงได้ง่ายๆแบบนี้
ชายชราที่มีรูปลักษณ์ที่ไม่ต่างกับศพแต่ส่งกลิ่นอายอันทรงพลังออกมาได้ส่งเสียงออกมาว่า
“ข้าฆ่ามันเอง ! ”
เขาส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมาพลางคว้าเอาตำราเก่าแก่ที่สร้างลำแสงอันทรงพลังส่งเข้าใส่ทางหลินเทียน
“พระเจ้าบอกว่าจะนำเจ้าไปสู่แสงสว่าง ”
ประกายแสงอันอบอุ่นนี้อัดแน่นไปด้วยพลังทำลายที่น่าสะพรึงกลัวถึงขั้นทำให้แม้แต่ผู้อาวุโสสูงสุดขุนเขาคุนหลุนยังต้องมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมาก
“พระเจ้าบอกว่าจะนำข้าไปสู่แสงสว่าง , ข้าบอกว่าเจ้าจะต้องมลายสิ้น ”
หลินเทียนส่งเสียงอันไม่แยแสออกมาพร้อมทั้งหันไปพูดกับชายชราขณะที่ถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้กับถูเซียนเซียน
เขาไม่ได้ขยับแม้แต่น้อยทว่าพลังแห่งสัจธรรมอันเข้มข้นได้บดขยี้ลำแสงสังหารนั้นพร้อมทั้งๆฉีกร่างของชายชราออกเป็นชิ้นๆ