Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1343
คลื่นสายฟ้าอันทรงพลังอัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายทำลายล้างได้กดทับลงมาจากฟากฟ้าส่งผลให้ผู้คนโดยรอบต่างพากันแสดงสีหน้าที่หวาดหวั่นออกมา
ถูเซียนเซียนได้แต่สั่นสะท้านไปไม่หยุดพร้อมทั้งสัมผัสได้ถึงอันตรายถึงชีวิต
เพราะถึงอย่างไรมันก็พุ่งเป้ามาที่นาง
นางกำกระบี่เอาไว้แน่นพร้อมทั้งเตรียมตัวรับทัณฑ์สวรรค์ครั้งนี้
“ไม่ต้องไปสนใจมัน ตั้งใจเรียนรู้เคล็ดวิชาเหล่านี้ไป ”
หลินเทียนส่งเสียงออกมา
ระหว่างที่กำลังถ่ายทอดเคล็ดวิชาอยู่นั้นเขาก็ได้ตวัดนิ้วส่งคลื่นพลังสีทองพุ่งทะลวงชั้นฟ้าไปอย่างเฉียบพลัน
ฟึ้บบ ~! เสียงนี้ถูกส่งออกมาก่อนที่หมู่เมฆสายฟ้าจะสลายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
นี่ทำให้ผู้คนทั้งหลายที่อยู่ภายในสถานที่แห่งนี้พากันอ้าปากค้างไปเพราะทัณฑ์สวรรค์อันทรงพลังกลับถูกทำลายลงด้วยการตวัดนิ้วเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
อย่างไรก็ตามหลังจากที่ระลึกถึงภาพการสังหารหมู่เมื่อครู่แล้วพวกเขาก็ต่างพากันถอนหายใจออกมาเพราะถึงอย่างไรขนาดจ้าวแห่งเต๋ายังตกตายลงได้ง่ายๆดังนั้นการทำลายทัณฑ์สวรรค์ก็คงไม่ใช่เรื่องยากอะไรมากนัก
ถูเซียนเซียนผงะไปครู่หนึ่งก่อนที่จะตั้งใจไปกับการเรียนรู้เคล็ดวิชาอีกครั้ง
หลินเทียนที่เห็นว่านางว่านอนสอนง่ายเองก็ถ่ายทอดทักษะเทวะมากมายให้กับนาง
ไม่นานเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมงเต็มๆ
ณ ตอนนี้เขาได้ถอนมือของตัวเองกลับมาก่อนที่จะยืนขึ้นและหยุดการถ่ายทอดทักษะให้กับนาง
ร่างกายของถูเซียนเซียนในตอนนี้รายล้อมไปด้วยประกายแสงเจิดจรัสขณะที่กลิ่นอายพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ไม่นานนางก็ตัดผ่านไปยังเขตแดนวิญญาณนิรันดร์ระดับ 2 อย่างรวดเร็ว
หลินเทียนพยักหน้าเล็กน้อยเพราะว่าพรสวรรค์ของนางถือว่าโดดเด่นจริงๆ
ไม่นานเวลาก็ได้ผ่านไปอย่างรวดเร็วก่อนที่นางจะได้สติกลับมาพร้อมๆกับเก็บกลิ่นอายทั้งหมดกลับไป
นางก้มลงมองไปที่มือทั้งสองก่อนที่จะสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของตัวเองด้วยความประหลาดใจพลางเก็บเอากระบี่นิรันดร์กลับไปแล้วคุกเข่าลงตรงหน้าของหลินเทียน
“ท่านอาจารย์ เซียนเซียนขอคาราวะ ”
ดวงตาของนางในตอนนี้เปล่งประกายออกมาด้วยท่าทางที่เชื่อฟังอย่างมาก
“แค่ถ่ายทอดทักษะให้เท่านั้น ไม่ได้รับเป็นศิษย์ ”
หลินเทียนโบกมือส่งพลังเทวะออกไปหยุดยั้งการเคลื่อนไหวของนางเอาไว้
“ไม่ได้ ! มีคำพูดมาแต่โบราณเอาไว้ว่าผู้ให้ความรู้คืออาจารย์ ท่านถ่ายทอดทักษะให้แล้วดังนั้นต้องเป็นอาจารย์ ! ”
ถูเซียนเซียนส่งเสียงออกมาด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย
หลินเทียนส่ายศีรษะของเขาเพราะตัวเขาเองก็มีลูกศิษย์อยู่แล้วดังนั้นจึงไม่มีแผนว่าจะรับเพิ่มอีกต่อไป
“ไม่ได้ ! ”
นางกระโดดมาข้างๆเขาพร้อมทั้งคว้ามือเอาไว้แล้วแกว่งไปมาพลางพูดออกมาด้วยท่าทางของเด็กเสียคนว่า
“ท่านรับข้าเป็นศิษย์เถอะนะ เซียนเซียนจะเป็นเด็กดี จะซักผ้าเตรียมอาหารพับผ้าปูที่นอน นวดไหล่นวดเท้า เซียนเซียนจะกตัญญูต่อท่าน ! ”
เป็นเพราะความรู้สึกตกตะลึงไปกับเคล็ดวิชาที่หลินเทียนมอบให้ดังนั้นอย่างน้อยๆหลินเทียนก็แข็งแกร่งเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญในยุคกาลก่อนหรือเรียกได้ว่าเป็นผู้ไร้เทียมทานในยุคนี้ดังนั้นหากว่าสามารถติดตามหลินเทียนได้แล้วก็จะทำให้เส้นทางการบ่มเพาะของนางไปได้ไกลมากขึ้นแล้วจะปล่อยโอกาสนี้ไปได้อย่างไรกันถึงได้กล้าทำหน้าหนาเกาะแขนของหลินเทียนเอาไว้ไม่ยอมปล่อย
นี่ทำให้ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่โดยรอบต่างพากันแสดงสีหน้าที่อับอายออกมาตามๆกันเพราะผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งสามารถสังหารศัตรูทั้งหมดรวมถึงทำลายอาวุธเทวะได้อย่างง่ายดายกลับถูกเซียนเซียนคว้ามือเอาไว้พร้อมทั้งแกว่งไปมานี่มันทำให้พวกเขาต่างพากันคอหดไปเพราะไม่คิดเลยว่านางจะกล้าขนาดนี้
“ปล่อยมือเดี๋ยวนี้นะเซียนเซียน ! อย่าเสียมารยาท !”
ผู้นำตระกูลจิ้งจอกครามได้ส่งเสียงคำรามออกมาพลางหันไปทางหลินเทียนแล้วทำความเคารพ
“คาราวะท่านผู้อาวุโส ! ขอขอบคุณในความเมตตาของท่านที่ถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้กับเซียนเซียน”
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่ผู้นำขุมพลังต่างๆรวมถึงผู้อาวุโสสูงสุดขุนเขาคุนหลุนเองก็ต่างพากันคาราวะให้กับเขาพร้อมพูดว่า
“คาราวะท่านผู้อาวุโส ! ”
“ไม่ๆ ข้าไม่ได้มีอายุมากเท่าพวกเจ้าดังนั้นข้ารับการคาราวะนี้ไว้ไม่ได้หรอก ”
หลินเทียนส่งเสียงออกมาพลางโบกมือส่งพลังเทวะออกไปหยุดยั้งการเคลื่อนไหวของทุกคนเอาไว้
“ไม่ได้อายุเยอะเท่าพวกเรา ? ”
ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสพากันแสดงสีหน้าที่สงสัยออกมาก่อนที่จะพยายามสัมผัสถึงพลังชีวิตของหลินเทียนก่อนที่จะแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาเพราะจากกลิ่นอายของหลินเทียนมันแสดงให้เห็นว่าเขายังมีอายุไม่กี่สิบปีเท่านั้น
อย่างไรก็ตามมันก็ยิ่งทำให้พวกเขาตื่นตระหนกเข้าไปใหญ่เพราะว่าการที่มีอายุไม่กี่ปีแต่กลับอยู่ในระดับนี้ เชี่ยวชาญเคล็ดวิชาอันล้ำค่าแถมยังสามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจ้าวแห่งเต๋าลงได้ง่ายๆนั้นมันน่ากลัวขนาดไหนกัน ?!
นี่ทำให้งานรวมตัวกันไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ขณะที่ผู้นำขุมพลังต่างๆพากันให้การต้อนรับหลินเทียนอย่างอบอุ่น
ระหว่างนี้ถูเซียนเซียนก็เกาะติดหนึบอยู่กับเขาเพราะกลัวว่าเขาจะหนีไป
หลินเทียนไม่ได้สนใจอะไรมากนักและไม่ได้ว่าอะไรก่อนที่จะหันไปถามกับผู้นำขุมพลังต่างๆว่า
“มีใครรู้ไหมบ้างว่าทำไมภูเขาไท่ถึงได้อยู่ในสภาพนี้กัน ? เกิดอะไรขึ้นกับมัน ? ”
เป็นเพราะว่าภูเขาไท่นั้นเคยยิ่งใหญ่อย่างมากซึ่งคนเหล่านี้อาจจะรู้ถึงความลับในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้
อย่างไรก็ตามเขาก็ได้แต่ผิดหวังไปเพราะว่าเหล่าผู้นำขุมพลังทั้งหลายพากันส่ายศีรษะของพวกเขาไม่เว้นแม้กระทั่งผู้อาวุโสสูงสุดขุนเขาคุนหลุนเขตแดนจ้าวแห่งเต๋าก็ยังไม่ทราบ
“นี่……..”
เขาได้แต่แสดงสีหน้าที่ผิดหวังออกมาเพราะขนาดคนที่แข็งแกร่งที่สุดที่นี่ก็ยังไม่รู้
ท้ายที่สุดเขาก็ไม่ได้ถามอะไรต่อพร้อมทั้งแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับกลุ่มคนเหล่านี้
แน่นอนว่ามันคือการแนะแนวทางให้กับคนเหล่านี้เพราะถึงอย่างไรระดับพลังของเขาในตอนนี้มันห่างชั้นกับคนเหล่านี้อยู่มาก
ไม่นานเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าสองชั่วโมงก่อนที่ผู้คนทั้งหลายจะพากันโค้งคำนับให้กับเขา
“ขอบคุณท่านมากๆ ! ”
“พวกเราซาบซึ้งจริงๆ ! ”
“ขอบคุณท่านมากๆ ! ”
ดวงตาของพวกเขาต่างเปล่งประกายออกมาเพราะตลอดสองชั่วโมงที่ได้รับการแนะแนวทางจากหลินเทียนนี้เป็นการจุดประกายความคิดให้กับพวกเขาที่มีประโยชน์ยิ่งกว่าการบ่มเพาะเป็นเวลาหลายร้อยปีทำให้เส้นทางการบ่มเพาะของพวกเขาดูสว่างมากยิ่งขึ้น
หลินเทียนโบกมือของเขาอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไร
“เรามีเรื่องบางอย่างอยากขอให้ท่านช่วยเหลือ ”
ผู้นำสำนักเทียนฉีได้ส่งเสียงออกมาพลางโค้งคำนับแล้วพูดต่อว่า
“เป็นเพราะว่าภายในดินแดนลับของเราได้มีอสูรร้ายถูกผนึกเอาไว้โดยบรรพบุรุษของเราซึ่งดูเหมือนว่าผนึกในตอนนี้จะไม่สามารถรับมือกับมันได้อีกแล้ว ”
ภายในดินแดนลับของสำนักเทียนฉีนั้นเต็มไปด้วยอสูรร้ายมากมายซึ่งผนึกของมันเริ่มจะอ่อนแรงลงในช่วงหลายเดือนก่อนส่งผลให้มีกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวไหลทะลักออกมาเป็นช่วงๆทำให้แม้แต่ผู้อาวุโสสูงสุดของพวกเขาเองก็ยังไม่สามารถผนึกมันกลับไปได้และประมาณการณ์เอาไว้ว่าอีกประมาณหนึ่งเดือนอสูรร้ายก็จะหลุดออกมา
“หากว่าปล่อยให้มันหลุดออกมาได้แล้วก็จะกลายเป็นหายนะอย่างแน่นอน ไม่ใช่เพียงแค่ขุนเขาของเราเท่านั้นแต่มันจะทำให้ผู้คนธรรมดาติดร่างแหไปด้วยดังนั้นได้โปรดช่วยพวกเราด้วย ! ”
ผู้นำสำนักเทียนฉีวัยกลางคนได้พูดออกมาด้วยสีหน้าที่เป็นกังวลอย่างมาก
ความเป็นจริงแล้วเขาได้เตรียมที่จะแจ้งเรื่องนี้ให้กับคนอื่นๆทันทีหลังจากที่งานรวมตัวได้จบลงเพื่อขอให้พวกเขาให้การช่วยเหลือแต่ไม่คิดเลยว่าตัวตนที่ไร้เทียมทานอย่างหลินเทียนจะบังเอิญปรากฏตัวออกมาทำให้เขาเอ่ยปากขอร้องไปทันที
“มีเรื่องแบบนี้ด้วยงั้นรึ ?! ”
เมื่อฟังคำพูดเหล่านี้แล้วมันทำให้ผู้นำขุนเขาทั้งหลายต่างพากันแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาตามๆกัน
เป็นเพราะว่าขุมพลังนี้มีหน้าที่ในการผนึกและสยบเหล่าอสูรร้ายดังนั้นผู้นำในแต่ละรุ่นจะผนึกอสูรทั้งหลายเอาไว้ซึ่งผู้นำขุมพลังทั้งหลายในที่นี้นั้นรู้ดีอสูรร้ายที่บรรพบุรุษผู้ก่อตั้งผนึกเอาไว้นั้นแข็งแกร่งถึงขั้นที่ไม่สามารถจินตนาการได้เลยด้วยซ้ำ
“บรรพบุรุษผู้ก่อตั้งสำนักเทียนฉีผนึกอสูรร้ายเอาไว้ ? ”
หลินเทียนแสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาเล็กน้อย
เป็นเพราะว่าขุมพลังนี้เก่าแก่อย่างมากซึ่งแน่นอนว่าบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งของพวกเขามีชื่อเสียงที่สุดเพราะไม่เพียงแต่เป็นที่รู้จักกันในหมู่ผู้บ่มเพาะเท่านั้นทว่ามันกลับรวมถึงในหมู่คนธรรมดาซึ่งได้ชื่อว่าเป็นมือปราบมารผู้โด่งดังอย่างจางเต๋าเหลิง
การที่คนดังขนาดนั้นผนึกอสูรร้ายเอาไว้มันอดทำให้เขาปล่อยไปเฉยๆไม่ได้
“ข้าจะไปลองดูหน่อยแล้วกัน ”
เขาตอบกลับไป
เป็นเพราะจากคำอธิบายที่ได้รับมานั้นหากว่าอีกฝ่ายหลุดออกมาได้ก็ไม่ใช่อะไรที่คนเหล่านี้จะรับมือได้เลยดังนั้นในเมื่อเขาได้รับรู้เรื่องนี้แล้วจึงไม่สามารถปล่อยเอาไว้ได้
ยิ่งไปกว่านั้นการที่สามารถถูกผนึกโดยบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งอย่างจางเต๋าหลิงได้นั้นก็ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความพิเศษของอสูรตัวนี้เพราะอย่างน้อยๆก็อาจจะรู้ความลับเกี่ยวกับภูเขาไท่นี้ก็เป็นได้
เมื่อได้ยินว่าหลินเทียนยอมตกลงแบบนี้แล้วทำให้ผู้นำสำนักเทียนฉีได้แต่แสดงสีหน้าที่มีความสุขออกมา
“ขอบคุณท่านมากๆ ! ขอบคุณท่านจริงๆ ! ”
เป็นเพราะว่าพวกเขาล้วนรู้ซึ้งถึงความแข็งแกร่งของหลินเทียนเป็นอย่างดีดังนั้นหากว่าหลินเทียนลงมือแล้วจะต้องสามารถจัดการอสูรร้ายตัวนี้ได้แน่นอน
“ข้าขอติดตามไปด้วยจะเป็นอะไรไหม ? ”
เหล่าผู้นำขุมพลังทั้งหลายพากันถามออกมา
“แน่นอนว่าไม่มีปัญหา ”
ผู้นำสำนักเทียนฉีตอบกลับไป
นี่ทำให้หลินเทียนและพวกเขาพากันมุ่งหน้าไปยังดินแดนลับของสำนักเทียนฉีที่ตั้งอยู่ในภูเขาหลงฮูอย่างรวดเร็ว