Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1344
หลินเทียนและผู้นำขุนเขาต่างๆพากันเดินทางมาถึงด้านหน้าของภูเขาหลงฮูพร้อมๆกับผู้นำสำนักเทียนฉีพร้อมทั้งมองออกไปยังภูเขาหลายลูกที่มีความสูงกว่าหลายร้อยเมตรและเต็มไปด้วยพืชพันธุ์มากมายให้ความรู้สึกที่สบายตาอย่างมาก
“เชิญท่าน ”
ผู้นำสำนักเทียนฉีได้ส่งเสียงออกมาพลางก้าวเดินนำพวกเขาเข้าไปภายในสถานที่ส่วนลึก
แม้จะบอกว่าขุมพลังของเขาตั้งอยู่ภายในภูเขาแห่งนี้ก็จริงแต่จริงๆแล้วมันเป็นดินแดนลับที่อยู่ภายในภูเขานี้ถึงจะถูกทำให้คนธรรมดาไม่สามารถเข้าไปได้
ขณะที่ผู้นำสำนักได้ก้าวเข้าไปนั้นกลุ่มหมอกก็ได้สลายตัวออกขณะที่เขาประสานมือเข้าหากันทำให้ปรากฏประตูมิติอันลึกลับขึ้นตรงหน้าพลางก้าวเดินเข้าไป
พริบตาหลังจากนั้นสภาพแวดล้อมรอบตัวของพวกเขาก็พากันเปลี่ยนไปอีกครั้งก่อนที่จะพบกับสถานที่ๆเป็นพื้นราบไม่มีภูเขาให้เห็นแต่มีตำหนักอันเก่าแก่ตั้งตระหง่านอยู่ด้วยกลิ่นอายที่ผันพวน
“นี่เป็นครั้งแรกที่ได้มาสำนักเทียนฉีเหมือนกัน ”
ถูเซียนเซียนได้ส่งเสียงออกมาระหว่างที่ติดตามหลินเทียนมาด้วยเพราะกลัวว่าเขาจะแอบหนีไป
หลินเทียนหันมองออกไปยังพื้นที่อันกว้างใหญ่ที่อัดแน่นไปด้วยพลังฉีอันเข้มข้นต่างจากโลกภายนอกอย่างลิบลับ
ระหว่างนี้เขาก็ได้พบกับศิษย์ของสำนักที่แต่ละคนล้วนมีกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดาแม้แต่น้อย
ตู้มมม ~!
ทันใดนั้นเองที่มิติโดยรอบได้สั่นสะท้านอย่างรุนแรงขณะที่พลังอสูรอันเข้มข้นระเบิดออกมาจากภายในส่วนลึกสุดของสถานที่แห่งนี้
เมื่อมองออกไปแล้วจะพบกับกลุ่มหมอกสีเทาที่ส่งออกมาจากรอยแยกมิติที่บิดเบี้ยวเสมือนว่ามันกำลังจะพังทลายลงได้ทุกเมื่อ
“นี่มัน ?! ”
“นี่…..เป็นพลังอสูรที่เข้มข้นมากๆ ! ”
“นี่คืออสูรร้ายที่บรรพบุรุษผู้ก่อตั้งสำนักเทียนฉีเป็นคนผนึกเอาไว้ ?! กลิ่นอายนี้มัน…….”
ผู้นำขุนเขาทั้งหลายที่อยู่ที่นี่รวมถึงผู้อาวุโสสูงสุดเขตแดนจ้าวแห่งเต๋าของขุนเขาคุนหลุนเองก็ยังใจสั่นไปไม่น้อย
“นี่มัน……น่ากลัวจริงๆ ! ”
ถูเซียนเซียนได้ส่งเสียงออกมาพร้อมทั้งเดินเข้าใกล้หลินเทียนมากกว่าเก่าเพราะกลิ่นอายนี้มันร้ายกาจจริงๆ
หลินเทียนมองเข้าไปก่อนที่จะส่งเสียงออกมาว่า
“เขตแดนปรินิพพาน ”
อสูรเขตแดนปรินิพพานนั้นได้ชื่อว่าเป็นปราชญ์อสูรก็จริงทว่าสำหรับเขาแล้วก็ไม่ได้อยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
“รีบถอยห่างเร็ว ! ”
“ไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ! ”
“รีบไปกันเร็ว ! ”
ผู้อาวุโสที่แข็งแกร่งของสำนักพากันส่งเสียงออกมาเพื่อสั่งการให้ผู้คนพากันถอยออกไปเพื่อไม่ให้ได้รับบาดเจ็บจากพลังอสูรนี้
ผู้นำขุนเขาเทียนฉีที่กำลังมองไปยังภาพตรงหน้าได้แต่แสดงสีหน้าที่เป็นกังวลออกมาพลางหันมองไปทางหลินเทียนแล้วพูดว่า
“สหาย ท่านเองก็เห็นว่าสถานการณ์มันเป็นอย่างไร ช่วงนี้มันพยายามทำลายผนึกอย่างต่อเนื่องและข้าเกรงว่าจะไม่สามารถกักขังมันเอาไว้ได้อีกแล้ว ”
หลังจากที่พูดจบแล้วก็ได้โค้งคำนับให้กับหลินเทียนพลางพูดว่า
“ทั้งหมดขึ้นอยู่กับท่านแล้ว ”
“ไม่ต้องเป็นห่วง ”
หลินเทียนตอบกลับไป
เขาสั่งการให้อีกฝ่ายเดินนำทางเข้าไปภายในพื้นที่ส่วนลึกอย่างรวดเร็ว
มันเป็นพื้นที่โล่งกว้างที่อยู่ภายในและอัดแน่นไปด้วยพลังอสูรอย่างเข้มข้นก่อนที่จะพบกับชายชราเจ็ดคนสวมชุดคลุมเอาไว้กำลังประสานมือเมื่อสร้างตราประทับอันลึกลับสำหรับการทำให้ผนึกกลับมาสมดุลและจะเห็นได้ว่าหนึ่งในพวกเขานั้นเป็นคนที่มีอายุอย่างมากและเขาคือผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักแห่งนี้
ผู้นำขุนเขาได้เดินนำหลินเทียนและคนอื่นๆมาถึงที่นี่ก่อนที่จะเรียกรวมผู้เชี่ยวชาญทั้งเจ็ดคนทำให้พวกเขาต่างพากันก้าวเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“ท่านผู้อาวุโสสูงสุด ”
ผู้นำขุนเขาส่งเสียงออกมาพร้อมทั้งแนะนำตัวหลินเทียนให้กับอีกฝ่ายพลางพูดว่า
“สหายคนนี้แข็งแกร่งเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญจากยุคกาลก่อนดังนั้นเขาจะต้องสามารถช่วยเราได้อย่างแน่นอน ”
ผู้อาวุโสสูงสุดสำนักแห่งนี้ที่มีดวงตาที่หลนลึกเข้าไปได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาหลังจากที่ได้ยินเช่นนั้น
“แข็งแกร่งเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญจากยุคกาลก่อน ?! ”
สายตาของเขาได้หันมองไปทางหลินเทียนด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อเพราะว่ารูปลักษณ์ของหลินเทียนนั้นยังดูหนุ่มอย่างมากแต่กลับแข็งแกร่งขนาดนั้น ?
“ตาเฒ่า อย่าได้สงสัยในความแข็งแกร่งของอาจารย์ข้า ! ”
ถูเซียนเซียนได้ส่งเสียงอันภาคภูมิออกมา
“ข้าไม่ใช่อาจารย์ของเจ้า”
หลินเทียนส่งเสียงแก้ตัวออกมา
ถูเซียนเซียนได้แต่ขยิบตาใส่เขาพร้อมทั้งพูดต่อว่า
“การสั่งสอนถือว่าเป็นอาจารย์แล้วนี่คือความเป็นจริงนะท่านอาจารย์ ”
หลินเทียน
“…………..”
“ตู้มม ~! ”
พลังอสูรอันเข้มข้นระเบิดออกมาขณะที่ผนึกแห่งนี้เริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรง
เสียงคำรามดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งตามออกมาขณะที่มิติเริ่มปริแตกส่งผลให้พลังอสูรอันหนักหน่วงเริ่มไหลทะลักออกไปทั่วพื้นที่แห่งนี้จึงสร้างความตกอกตกใจให้กับผู้คนโดยรอบ
สีหน้าของผู้อาวุโสสูงสุดสำนักเทียนฉีถึงกับเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงถึงขั้นที่สามารถฉีกร่างเขาออกเป็นเสี่ยงๆได้อย่างง่ายดาย
ผู้นำขุนเขาได้หันมองไปทางหลินเทียนพร้อมทั้งพูดอย่างเร่งรีบว่า
“สหาย ท่าน………”
เป็นเพราะว่าภาพเหล่านี้มันกำลังแสดงให้เห็นว่าผนึกกำลังจะถูกทำลายลงในไม่ช้าดังนั้นจึงมีหลินเทียนเป็นที่พึ่งเดียวเท่านั้น
“ไม่ต้องกังวลไป ”
หลินเทียนตอบกลับไปเหมือนคราวแรกด้วยสีหน้าที่ราบเรียบไม่ได้แยแสแม้แต่น้อย
พลังอสูรที่รั่วไหวออกมาจากด้านหน้ายิ่งพุ่งสูงขึ้นๆอย่างต่อเนื่อง
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับกลิ่นอายระดับนี้แล้วทำให้ผู้นำขุนเขาทั้งหลายพากันแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาตามๆกัน
ถูเซียนเซียนถึงกับคอหดพร้อมๆกับส่งเสียงกระซิบออกมาว่า
“เป็นอสูรร้ายจริงๆนะคะท่านอาจารย์ ”
“ก็บอกแล้วว่าข้าไม่ใช่อาจารย์ของเจ้า ”
หลินเทียนพูดแก้ตัว
“ท่านอาจารย์ ท่านต้องมีความยุติธรรมบ้างสิ ในเมื่อท่านทำแล้วท่านก็ต้องยอมรับ ในเมื่อท่านสั่งสอนข้าแล้วก็ต้องรับผิดชอบในตัวศิษย์ผู้น่ารักคนนี้ด้วย ! ”
ถูเซียนเซียนที่รู้ว่าหลินเทียนมีอายุไม่ต่างจากนางมากทำให้ความกล้าของนางยิ่งเพิ่มมากขึ้นพร้อมทั้งพยายามเกาะหนึบอยู่กับเขาไม่ปล่อยไปไหน
หลินเทียน
“………………”
“ตู้มม ~! ”
คลื่นพลังอสูรอันหนักหน่วงได้ระเบิดออกมาอย่างรุนแรง
เมื่อมองออกไปแล้วจะได้พบกับอักขระผนึกมากมายรายล้อมอยู่รอบทิศทางซึ่งตัวมันเองกำลังเลือนรางลงอย่างต่อเนื่องเสมือนว่าไม่สามารถแบกรับพลังเหล่านี้เอาไว้ได้อีกต่อไป
หลังจากนั้นไม่นานเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าครึ่งเดือน
วันนี้เป็นวันที่พลังอสูรได้พุ่งสูงถึงขีดสุดก่อนที่อักขระผนึกทั้งหลายจะมัวหมองลงและสลายหายไป
ตู้มมม ~!
พลังอสูรอันเข้มข้นระเบิดออกมาจากใต้พื้นดินทำให้ทั้งสถานที่แห่งนี้สั่นไหวไม่หยุด
“ออกมาได้แล้วโว้ย ! ปู่เสือคนนี้ออกมาได้แล้ว ! ”
เสียงหัวเราะดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาด้วยพลังที่ทำให้มิติโดยรอบบิดตัวอย่างรุนแรง
พลังอสูรได้เคลื่อนตัวกลับลงมาก่อนที่จะปรากฏภาพร่างสีขาวความสูงประมาณสิบเมตรกำลังยืนอยู่บนหุบเขาและหากมองดูดีๆแล้วจะพบว่ามันคือพยัคฆ์ขาวที่มีขนสีดำปะปนอยู่ด้วยแต่สิ่งที่ต่างออกไปจากพยัคฆ์ขาวปกตินั้นคือปีกของมันที่หากกางออกแล้วมันกลับมีความยาวกว่าสามเมตรแถมยังแผดพลังอสูรอันเข้มข้นไม่ธรรมดาออกมา
“เขตแดนปรินิพพานระดับ 6 ”
หลินเทียนส่งเสียงออกมา
การกระพือปีกของมันสร้างคลื่นพายุอันทรงพลังพัดพาออกไปรอบทิศทาง
นี่ทำให้ผู้นำขุนเขาทั้งหลายต่างพากันใจสั่นไปตามๆกันหลังจากที่สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายนี้เพราะมันทำให้เขารู้สึกเสมือนว่ากำลังเผชิญหน้าอยู่กับภูเขาใหญ่ยักษ์อย่างไรอย่างนั้น
ผู้อาวุโสสูงสุดสำนักเทียนฉีและผู้นำสำนักเองก็ได้แต่สั่นสะท้านไปอย่างรุนแรง
พยัคฆ์ขาวได้หัวเราะออกมาอย่างดังก่อนที่จะกวาดสายตาออกไปรอบๆพร้อมหยุดอยู่ที่ร่างของถูเซียนเซียนด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย
“สาวงามโว้ย !!!!! ”
มันส่งเสียงโห่ร้องออกมาพร้อมๆกับพุ่งเข้าใส่นางโดยทันที
ความเร็วของมันสร้างพายุพัดพาร่างของผู้คนทั้งหลายปลิวออกไปไกล
มีเพียงหลินเทียนที่ยืนอยู่ตรงหน้าของถูเซียนเซียนเท่านั้นที่ยังหยุดอยู่กับที่
พยัคฆ์ขาวส่งเสียงโห่ร้องออกมาอย่างตื่นเต้นระหว่างที่กระโจนเข้าใส่นางอย่างไม่รอช้า
ภาพเหล่านี้ทำให้นางได้แต่ผวาไปพร้อมทั้งรีบเดินไปหลบด้านหลังของหลินเทียนอย่างรวดเร็ว
ความเร็วของพยัคฆ์ขาวเองก็สูงมากๆถึงขั้นที่เข้าประชิดร่างของหลินเทียนภายในชั่วพริบตา
และมันเป็นตอนนี้เองที่หลินเทียนเหวี่ยงฝ่ามือตบออกไป
เพรี้ยย ~!!
เสียงตบดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาขณะที่ร่างอันใหญ่โตมโหฬารลอยเคว้งออกไปไกลกว่าหลายสิบเมตร
ภาพเหล่านี้ทำให้ผู้คนที่อยู่โดยรอบได้แต่สั่นสะท้านไป
“นี่มัน…….”
พวกเขาพากันกลืนน้ำลายกลับลงไปโดยทันที
เป็นเพราะแม้จะรู้อยู่แล้วว่าหลินเทียนนั้นแข็งแกร่งมากๆแต่ก็ไม่คิดเลยว่าจะสามารถตบอสูรร้ายที่บรรพบุรุษผู้ก่อตั้งสำนักเทียนฉีผนึกเอาไว้ด้วยตัวเองปลิวไปไกลแบบนี้
ผู้อาวุโสสูงสุดสำนักเทียนฉีเองก็ได้แต่สั่นสะท้านไปเพราะเขาไม่เชื่อว่าหลินเทียนนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญจากยุคกาลก่อนเนื่องจากหลินเทียนนั้นดูหนุ่มเกินไปแต่หลังจากที่เห็นภาพเหล่านี้ไปแล้วมันทำให้เขาปักใจเชื่อโดยทันที
“ท่านอาจารย์แข็งแกร่งสุดยอดไปเลย ! สุดยอดที่สุด ! ”
ถูเซียนเซียนส่งเสียงโห่ร้องออกมา