Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1345
ฝ่ามือของหลินเทียนได้ตบร่างของอีกฝ่ายลอยเคว้งออกไปไกลขณะที่ถูเซียนเซียนได้แต่แสดงสีหน้าที่ตื่นเต้นออกมา
“แข็งแกร่ง…..มาก ”
ผู้นำขุนเขาคุนหลุนส่งเสียงออกมา
ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายที่อยู่ห่างออกไปพากันจ้องมองไปทางพยัคฆ์ขาวที่ปลิวออกไปไกล
พลังอสูรอันเข้มข้นได้ระเบิดออกมาก่อนที่จะพยัคฆ์ขาวตัวนั้นจะลุกกลับขึ้นมา
“ไอ้ระยำเอ้ย ! กล้าลอบทำร้ายปู่เสือคนนี้งั้นรึ ! ยังมีความเป็นคนอยู่อีกรึเปล่ากัน ?! ”
มันส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังขณะที่จ้องมองมาทางหลินเทียนด้วยความโกรธ
หลินเทียน
“……….”
ทำไมมันถึงให้ความรู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นพวก ‘สุดๆไปเลย ’กับเขากัน ?
ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆที่ยืนอยู่เองก็อดอ้าปากค้างกันไปไม่ได้เพราะว่าตอนนี้อสูรร้ายที่บรรพบุรุษผู้ก่อตั้งสำนักเทียนฉีผนึกเอาไว้กำลังพูดคำว่า ‘ความเป็นคน’
พยัคฆ์ขาวได้แต่จ้องมองมาทางหลินเทียนก่อนที่จะหันมองไปทางเซียนเซียนด้วยดวงตาที่เปล่งประกายออกมา
“สาวสวย ! สวยล่มเมือง ! อยากจะไปท่องโลกกว้างกับเสือคนนี้ไหม ? ”
มันจ้องมองไปทางนางพร้อมทั้งพูดต่อโดยที่ไม่รอให้นางตอบแม้แต่น้อย
“อะไรนะ ? เจ้าต้องการ ? ข้ารู้อยู่แล้วเชียว ข้าจะไปรับเจ้าเดี๋ยวนี้แหละ ”
เมื่อสิ้นสุดคำพูดมันก็ได้กระโจนเข้าใส่นางโดยทันที
นี่ทำให้นางได้แต่อ้าปากค้างเพราะว่าพยัคฆ์ขาวตัวนี้มันเป็นเสือหื่นชัดๆ !
หลินเทียนเองก็ถึงกับหมดคำพูดไปทันทีพลางคิดว่าอีกฝ่ายไม่ได้ต่างไปจากหลิงหยุนเลยด้วยซ้ำ
เมื่อเห็นว่ามันกำลังพุ่งเข้ามาใกล้แล้วเขาเลยเหวี่ยงฝ่ามือตบออกไปอีกครั้ง
เพรี้ยย ~!
เสียงตบอย่างดังถูกส่งออกมาขณะที่ร่างของมันลอยเคว้งออกไปไกล
“ถ้าจะให้พูดนี่เวลาจับมันรู้สึกดีจริงๆ ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง
เซียนเซียนที่อยู่ด้านหลังและได้ยินเช่นนี้เองก็ถึงกับมีดวงตาที่เปล่งประกายออกมาพลางเผยให้เห็นหางขนปุยทั้งห้าของนาง
“ท่านอาจารย์ หางข้านุ่มกว่าแถมยังอบอุ่นด้วย มันต้องดีกว่าการจับเจ้าเสือหื่นนั่นแน่ๆ ท่านจะลองดูไหมคะ ? ”
นางส่งเสียงออกมา
หลินเทียน
“……”
สมองนางกำลังคิดอะไรอยู่กัน ?
ตู้มม ~!!
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาขณะที่พลังอสูรอันเข้มข้นระเบิดออกไปรอบทิศทาง
“ไอ้ชาติชั่ว ข้าอุส่าไม่ตอบโต้เจ้าแต่เจ้ากลับยังกล้าลอบโจมตีข้าอีกงั้นรึ ! ”
พยัคฆ์ขาวส่งเสียงโห่ร้องออกมาพลางระเบิดคลื่นพลังอสูรอันเข้มข้นออกมาพร้อมคว้ากรงเล็บเข้าใส่ทางหลินเทียน
หลินเทียนเหวี่ยงฝ่ามือตบออกไปอีกครั้ง
ร่างกายของอีกฝ่ายลอยเคว้งออกไปไกลก่อนที่จะกระแทกเข้ากับก้อนหินขนาดใหญ่จนระเบิดไม่มีเหลือ
“ไอ้เด็กเวร ! ลุงเสืออุส่าออมมือให้ เจ้ายังกล้างั้นรึ ?! ”
มันส่งเสียงออกมา
“ตู้มม ~! ”
หลินเทียนเหวี่ยงมือตบมันปลิวออกไปไกล
“ลุงเสือไม่แยกเขี้ยวหน่อยเจ้าคิดว่าข้าเป็นแมวป่วยงั้นรึ ! ”
มันส่งเสียงออกมาพลางกระโจนเข้าใส่อีกครั้ง
ตู้มม !
“ไอ้หนู ข้าโกรธแล้วนะ ! ”
ตู้มม !
“เจ้าทำให้ข้าโกรธจริงๆแล้ว ! ”
ตู้มม !
อีกฝ่ายได้แต่ถูกกระแทกปลิวออกไปไกลซ้ำแล้วซ้ำอีกด้วยใบหน้าที่ฟกช้ำไปทั่ว
แน่นอนว่านี่เป็นการยั้งมือของหลินเทียนเนื่องจากรู้สึกว่าอีกฝ่ายนั้นมีความคล้ายคลึงกับหลิงหยุนจึงไม่ได้ลงมือฆ่าโดยทันที
แถมเขาเองก็ยังเห็นว่าพลังผนึกเองก็ไม่ได้แข็งแกร่งมากซึ่งแสดงให้เห็นว่าบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งไม่ได้ตั้งใจผนึกมันเอาไว้ตลอดไปแต่อยากจะขังมันเอาไว้เป็นเวลาหนึ่งเท่านั้น
ดังนั้นเขาพอเดาได้เลยว่าอีกฝ่ายไม่ใช่พวกที่เลวร้ายอะไรไม่งั้นก็คงจะไม่ผนึกมันเอาไว้ชั่วคราวแต่คงผนึกไว้ตลอดไป
พยัคฆ์ขาวที่อยู่ห่างออกไปได้แต่อ้าปากค้างและไม่ได้กระโจนเข้าใส่อีกครั้งเพราะตระหนักได้ถึงความแข็งแกร่งของหลินเทียนเป็นอย่างดี
หลังจากนั้นมันก็เริ่มหันหลังหนีออกไปจากสถานที่แห่งนี้พลางพูดออกมาว่า
“ไอ้หนู แข็งแกร่งดีหนิแต่ข้าอารมณ์ดีดังนั้นข้าจะปล่อยเจ้าไปแล้วกัน ไว้สู้กันวันหลังล่ะ ! ”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้แล้วมันทำให้ผู้นำขุนเขาทั้งหลายได้แต่พากันแสดงสีหน้าที่โง่งมออกมาตามๆกัน เจ้าเสือตัวนี้นี่มันสุดๆไปเลย !
“นี่คืออสูรร้ายที่บรรพบุรุษผู้ก่อตั้งผนึกเอาไว้ ?”
ผู้นำสำนักเทียนฉีส่งเสียงออกมาด้วยใบหน้าที่ว่างเปล่า
เป็นเพราะว่าอีกฝ่ายมันไม่ต่างจากพวกนักเลงบ้าๆบอๆเลยแม้แต่น้อย
“นี่มัน…….หน้าไม่อายจริงๆ ! ”
เซียนเซียนส่งเสียงออกมา
ความเร็วของพยัคฆ์ขาวเองก็ถือว่าสูงมากๆถึงขั้นที่พุ่งไปยังขอบของดินแดนลับนี้ได้อย่างรวดเร็ว
หลินเทียนหันมองออกไปพลางส่งความคิดสร้างม่านพลังสัจธรรมขวางกันมันเอาไว้พร้อมกระแทกร่างของมันกลับมาอยู่ตรงหน้าของเขา
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่คลื่นพลังสีทองได้แผดออกไปกดทับร่างของอีกฝ่ายจมดินไปอย่างจัง
“เห้ย !!! หยุดนะ ! ”
พยัคฆ์ขาวส่งเสียงโห่ร้องออกมาหลังจากที่ได้รับความเจ็บปวดอย่างรุนแรง
หลินเทียนไม่ได้สนใจอะไรขณะที่พลังนี้ยังคงกดทับอย่างหนังส่งผลให้ร่างกายที่ใหญ่โตของพยัคฆ์ขาวหดเล็กลงจากสิบเมตรเหลือหกเมตรและลงมาเหลือสามเมตร
“หยุดสิโว้ย !!! ”
“หยุด ! ”
“เลิกทับลงมาได้แล้ว ข้าจะตายแล้ว ! ”
“แม่………. หยุด ! ข้าจะแหลกเป็นเสี่ยงๆแล้วนะ ! ”
“หยุดๆๆ ข้ายอมแพ้ๆ ! !!! ”
มันส่งเสียงโห่ร้องออกมา
นี่ทำให้ผู้คนโดยรอบได้แต่หมดคำพูดไปด้วยความตกตะลึงอย่างมากเพราะไม่คิดเลยว่าอสูรที่แข็งแกร่งกลับถูกหลินเทียนสยบลงได้ง่ายๆแบบนี้
หลินเทียนไม่ได้สนใจอะไรพร้อมทั้งเก็บเอาพลังกลับมาพร้อมมองลงไปยังพยัคฆ์ขาวตัวน้อยขนาดไม่กี่เซนติเมตรก่อนที่จะย่อตัวลงแล้วสร้างแว่นขยายขึ้นมาด้วยพลังเทวะแล้วพูดว่า
“เหมือนแมวป่วยหรือยังล่ะ ? ”
พยัคฆ์ขาวได้แต่มองไปยังรูปร่างของตัวเองในตอนนี้จนเกือบจะกระอักเลือดออกมา …….. เพราะมันไม่คิดเลยว่าหลินเทียนจะย้อนคำพูดก่อนหน้านี้ของมัน
เซียนเซียนเองก็ได้แต่หัวเราะออกมาอย่างดังและเป็นเพราะว่ายืนอยู่ข้างๆหลินเทียนจึงไม่ได้กลัวมันแม้แต่น้อยพลางยื่นนิ้วไปจิ้มมันแล้วหยอกล้อออกมาว่า
“ไหนๆลองร้องเหมียวๆสิ ”
พยัคฆ์ขาว
“@#¥……”
หลินเทียนโบกเอาแว่นขยายออกไปพร้อมทั้งส่งพลังเทวะไปห่อหุ้มร่างของมันขึ้นมายืนอยู่บนฝ่ามือของเขาแล้วพูดว่า
“เอาล่ะอย่าเห่าหอนอยู่เลย ”
เขามองไปก่อนที่จะพูดต่อว่า
“ทำไมถึงได้ถูกผนึกอยู่ที่นี่กัน ? ”
คำถามของเขาทำให้ผู้คนทั้งหลายอดพากันหันมองไปทางมันไม่ได้โดยเฉพาะผู้อาวุโสสูงสุดสำนักเทียนฉีเพราะถึงอย่างไรนี่ก็คืออสูรร้ายที่บรรพบุรุษผู้ก่อตั้งของพวกเขาผนึกเอาไว้
พยัคฆ์ขาวไม่ได้หนีไปไหนเพราะรู้ดีว่าตัวเองไม่ใช่คู่มือของหลินเทียนดังนั้นถึงได้พูดออกมาว่า
“ไอ้แก่นั่นมันบ้า ก่อนหน้านี้เป็นเพราะว่าออกไปท่องโลกกว้างกับสาวๆที่ข้าเชิญมาแต่มันกลับบอกว่าข้าทำผิดศีลธรรม จิตใจสกปรกจึงได้จับตัวข้ามาไว้ที่นี่เพื่อบำบัดให้ข้ากลับมาปกติด้วยยาทิพย์ของมัน……..”
หลินเทียนได้ขัดคำพูดของมันพลางถามออกมาว่า
“เจ้าบอกว่าเชิญ ? แต่ใจนะว่าเชิญ ? หญิงสาวพวกนั้นยินยอม ? ”
พยัคฆ์ขาวกระแอ่มออกมาพร้อมกับพูดว่า
“อย่าไปสนใจรายละเอียดมันนักเลย ”
แน่นอนว่าหลินเทียนรู้ดีว่ามันไม่ใช่การเชิญธรรมดาๆอย่างแน่นอนถึงได้เหวี่ยงมือตบไปทางมัน
“เจ้าไม่ได้ทำอะไรพวกนางใช่ไหม ? ”
เขาถามออกมาขณะที่จ้องมองไปทางมัน
“ไอ้หนู ความคิดสกปรกจริงๆเลยนะ ! คิดว่าลุงเสือเป็นใครกัน ? ก็แค่พูดคุยกับพวกนางเท่านั้น ”
พยัคฆ์ขาวแสดงสีหน้าที่ดูถูกออกมา
หลินเทียนพยักหน้าของเขาและไม่ได้สงสัยในคำตอบนี้แม้แต่น้อยเพราะว่าหากอีกฝ่ายกล้าล่วงละเมิดคนเหล่านั้นแล้วบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งสำนักเทียนฉีก็คงไม่ให้มันมาบำบัดและอยู่ข้างกายแต่คงจะฆ่ามันไปนานแล้ว
“เล่าต่อ ”
เขาพูดออกมา
พยัคฆ์ขาวไม่ได้พูดอะไรมากก่อนที่จะแสดงสีหน้าป่วยๆออกมาว่า
“เป็นเพราะว่าข้าถูกตาแก่นั่นกักตัวไว้ที่นี่เพื่อบำบัดด้วยยาทิพย์ของมัน ลุงเสือผู้เป็นที่ชื่นชอบของ…….”
หลินเทียนยกมือตบมันพร้อมทั้งพูดว่า
“เล่าใจความสำคัญมา ”
พยัคฆ์ขาวแสยะยิ้มออกมาพร้อมทั้งพูดว่า
“ข้าอาศัยช่วงที่ตาแก่เผลอแล้วฉีกทำลายเคล็ดวิชาหม้อยาทิพย์นพเก้าของมันไปก่อนที่จะทำลายห้องกลั่นยาทั้งห้องรวมถึงยาทิพย์สวรรค์นพเก้าอะไรนั่นด้วยถึงได้ถูกเอามาปล่อยไว้ที่นี่ไงล่ะ ”
หลินเทียนและคนอื่นๆ
“…………..”
พวกเขาได้แต่จ้องมองไปทางมันด้วยสีหน้าที่โง่งมอย่างมากเพราะว่าไอ้เวรนี่มันสร้างเรื่องขนาดนี้เอาไว้ในอดีต ?!
ต้องรู้ก่อนนะว่าบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งอย่างจางเต๋าหลิงนั้นฝ่าฟันอันตรายมากมายกว่าจะได้รับเคล็ดวิชานั้นมาแถมยังใช้เวลากว่าเก้าปีในภูเขาหลงฮูเพื่อสร้างห้องกลั่นยาที่ตั้งอยู่เหนือเส้นชีพจรวิญญาณและใช้เวลาสามปีกลั่นยาทิพย์สวรรค์นพเก้าได้สองเม็ดที่ถือว่ามีสรรพคุณอันล้ำเลิศเหนือคำบรรยาย
ทว่าไอ้เวรนี่มันทำลายเคล็ดวิชาเก้าหม้อทิพย์นพเก้า ทำลายห้องกลั่นยาและยาทิพย์สวรรค์นพเก้าไป
“การที่ผนึกเจ้าไว้สองพันปีโดยที่ไม่ฆ่าเจ้านี่เป็นความเมตตาที่เกินไปจริงๆ ”
หลินเทียนอยากจะเหวี่ยงหมัดต่อยมันอย่างมาก
พยัคฆ์ขาวแสยะยิ้มออกมาพร้อมทั้งพูดด้วยสีหน้าป่วยๆว่า
“มันได้รับผลกรรมจากการกระทำของมันไงล่ะ ”
หลินเทียนได้แต่จ้องมองไปยังเสือเวรตรงหน้าที่แม้จะถูกผนึกอยู่กว่าสองพันปีแต่มันก็ไม่ได้มีท่าทีสำนึกผิดขึ้นมาแม้แต่น้อย
“อ่อใช่ ระดับพลังของบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งอยู่ในเขตแดนไหนกัน ? ”
เขาถามออกมา
“ไม่รู้ ไม่สามารถเข้าใจได้ ”
มันแสยะยิ้มตอบกลับ
หลินเทียนไม่ได้ถามอะไรเกี่ยวกับบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งต่อก่อนที่จะถามขึ้นว่า
“รู้เรื่องเกี่ยวกับภูเขาไท่นี้ไหม ? ทำไมมันถึงได้เปลี่ยนแปลงไปเป็นแบบนี้กัน ? ”
เป้าหมายหลักที่เขามาที่นี่ก็เพราะคิดว่ามันอาจมีความเป็นไปได้ที่อสูรร้ายที่บรรพบุรุษผู้ก่อตั้งผนึกเอาไว้อาจจะรู้ความลับนี้