Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1349
กรุงเอเธนส์นั้นตั้งอยู่ในประเทศกรีซซึ่งถือเป็นประเทศที่อุดมไปด้วยเมืองเก่าแก่ที่เป็นตำนานมากมาย
หลินเทียนได้เดินทางเข้าไปภายในกรุงเอเธนส์พร้อมๆกับเซียนเซียนและพยัคฆ์ขาวอย่างรวดเร็วก่อนที่จะไปถึงตรงหน้าปราสาทขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง
เมื่อมองเข้าไปแล้วจะพบว่ามันกินพื้นที่กว้างอย่างมากแถมยังส่งกลิ่นอายที่น่าเกรงขามออกมาอย่างเข้มข้น
“สืบเชื้อสายกันมาอย่างยาวนานจริงๆ ”
หลินเทียนส่งเสียงออกมา
เป็นเพราะว่ากลิ่นอายแห่งความเก่าแก่ของสถานที่แห่งนี้มันบ่งบอกได้เลยว่าอย่างน้อยๆก็คงอยู่มาไม่ต่ำกว่าแสนปี
เขาได้แต่ยืนอยู่กับที่อยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะก้าวออกไปด้านหน้า
“ท่านมีเรื่องอะไรมิทราบ ? ที่นี่จำกัดการเข้าถึงนะ ”
ยามเฝ้าที่อยู่ด้านนอกปราสาทได้ส่งเสียงออกมาหลังจากที่เห็นว่าหลินเทียนได้เดินเข้ามาใกล้สถานที่แห่งนี้
หลินเทียนเองก็ตระหนักดีว่าคนเหล่านี้นั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญแถมยังอยู่ในเขตแดนชีพจรเทวะ
เขาไม่ได้พูดอะไรต่อขณะที่ดวงตาของเขาส่องประกายแสงออกมาทำให้อีกฝ่ายได้แต่แข็งค้างไปก่อนที่จะก้าวเดินผ่านเข้าไปภายในโดยที่ไม่มีใครกล้าขวางทางของเขา
ไม่นานเขาก็ได้เดินเข้าไปถึงภายในปราสาทของตระกูลอาเทอร์อย่างรวดเร็ว
ภายในสถานที่แห่งนี้มีพื้นที่กว้างอย่างมากแถมยังอัดแน่นไปด้วยพลังฉีอันเข้มข้น
“ใครกัน ?! ”
เหล่าศิษย์ของตระกูลที่สัญจรไปมาและบังเอิญพบกับหลินเทียนที่กำลังเดินทอดน่องอยู่ภายในปราสาทแห่งนี้ได้ส่งเสียงออกมา
อย่างไรก็ตามสีหน้าของเขาก็ได้เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงก่อนที่จะก้าวถอยหลังกลับไปหลังจากที่เห็นใบหน้าของหลินเทียน
“เป็น….เจ้า ! ”
ชายคนนี้ได้ชี้ออกไปทางหลินเทียนด้วยร่างกายที่อดสั่นไปไม่ได้
เป็นเพราะไม่นานมานี้มีข่าวจากโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ที่แพร่สะพัดไปทั่วว่ามีคนจากดินแดนศูนย์กลางได้สังหารกองกำลังรุกรานของพวกเขาทั้งหมดไปดังนั้นเมื่อได้เห็นหน้าของหลินเทียนแล้วศิษย์คนนี้ถึงได้นึกออกได้ทันที
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่ศิษย์ทั้งหลายเองก็ต่างพากันหันมองไปทางหลินเทียนด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง
“เจ้า……กล้าบุกเข้ามาภายในตระกูลของพวกเรางั้นรึ ! ”
พวกเขาพากันส่งเสียงคำรามออกมาด้วยความโกรธ
ศิษย์ทั้งหลายต่างพากันส่งเสียงออกมาด้วยกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดาเพราะหลายๆคนนั้นเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญเขตแดนผู้รอบรู้ทั้งหมดซึ่งถือว่าเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งสำหรับโลกใบนี้มากๆ
พวกเขาต่างพากันจ้องมองไปทางหลินเทียนด้วยสายตาที่ดุร้ายและอัดแน่นไปด้วยจิตสังหาร
“ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะแข็งแกร่งถึงขั้นสามารถสังหารทั้งกองกำลังได้ด้วยตัวคนเดียว ! ”
หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญเขตแดนผู้รอบรู้ตอนปลายส่งเสียงออกมาอย่างดังพลางฟาดฟันกระบี่เข้าใส่ทางหลินเทียน
แกร๊ง ! เสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่ทักษะอันทรงพลังฟาดฟันเพื่อหมายที่จะเอาชีวิตของเขา
หลินเทียนยังคงยืนอยู่กับที่ขณะที่คลื่นกระบี่และร่างกายของผู้โจมตีแหลกสลายหายไปกลายเป็นเพียงกองเลือดเท่านั้น
นี่ทำให้ผู้คนทั่วทั้งสถานที่แห่งนี้พากันสั่นกลัวด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง
“เจ้า……กล้าสังหารคนภายในตระกูลของพวกเรางั้นรึ ! ”
“ไอ้ปีศาจ ! ”
“เจ้าจะต้องถูกสวรรค์ลงทัณฑ์ ! ”
ศิษย์ทั้งหลายพากันส่งเสียงออกมา
เซียนเซียนถึงกับแสยะยิ้มออกมาพลางพูดว่า
“พวกเจ้ามันหน้าไม่อายหรือไงกัน ? บุกไปยังดินแดนศูนย์กลางของพวกเราเพื่อรุกรานเองดังนั้นการที่เราทำแบบนี้ก็มีแต่ต้องโทษตัวเองทั้งนั้น ยังกล้าพูดว่าจะได้รับทัณฑ์สวรรค์อีกงั้นรึ ?! ”
“แม่หนูน้อยยังอ่อนประสบการณ์สินะ ต้องรู้ก่อนนะว่าพวกคนชั่วๆมันมักจะมีนิสัยแบบๆเดียวกันนี่แหละ”
พยัคฆ์ขาวส่งเสียงออกมา
หลินเทียนไม่ได้พูดอะไรพลางแผดกลิ่นอายอันทรงพลังออกไปรอบทิศทาง
ตึ้งงง ~!
เสียงนี้ถูกส่งออกมาขณะที่ศิษย์ทั้งหลายต่างพากันถูกกระแทกปลิวออกไปไกล
หลายๆคนถึงกับกระอักเลือดออกมาคำโตด้วยใบหน้าที่หวาดหวั่นถึงขีดสุด
“รีบ..ไปรายงานท่านผู้นำตระกูลและผู้อาวุโสเร็ว ! ไอ้ปีศาจจากดินแดนศูนย์กลางมันบุกมาที่นี่แล้ว ! ”
หลายๆคนส่งเสียงออกมา
“ว่าใครเป็นปีศาจกันนะ ?! พวกเจ้านั่นแหละปีศาจ ตระกูลเจ้านั่นแหละปีศาจ ! ”
เซียนเซียนส่งเสียงออกมาพลางฟาดฟันกระบี่เข้าใส่ทางศีรษะของศิษย์คนนั้น
นางนั้นเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญเขตแดนวิญญาณนิรันด์ที่มีพรสวรรค์อย่างมากทำให้ศิษย์ธรรมดาเหล่านี้ไม่มีทางเลยที่จะสามารถต่อต้านนางได้
“เรียกเอาสาวงามที่สุดของพวกเจ้าออกมาต้อนรับปู่เสือเดี๋ยวนี้ ! ข้าต้องการจะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับนาง ! ”
พยัคฆ์ขาวส่งเสียงออกมา
เป็นเพราะว่าระหว่างทางที่เดินทางมาที่นี่มันก็ได้เรียนรู้วัฒนะธรรมใหม่ๆรวมถึงคำพูดของคนในยุคนี้
นี่ทำให้ศิษย์ทั้งหลายพากันสั่นสะท้านไปด้วยความโกรธถึงขีดสุด
“พวกเจ้า……รอก่อนเถอะ ! ”
หนึ่งในผู้คนส่งเสียงออกมาพร้อมทั้งรีบพุ่งเข้าไปภายในพื้นที่ส่วนลึกของสถานที่แห่งนี้อย่างรวดเร็ว
หลินเทียนยังคงยืนอยู่กับที่โดยที่ไม่ได้ขยับไปไหนแม้แต่น้อย
“เออนี่เจ้าหนู ข้าจะบอกไว้ก่อนเลยนะว่าพวกมันเป็นตระกูลที่สืบเชื้อสายกันมาอย่างยาวนานทำให้มีไพ่ตายอยู่มากมาย เจ้ามั่นใจว่าจะสามารถจัดการกับมันได้ ? ”
พยัคฆ์ขาวได้ส่งเสียงออกมา
“ไม่ต้องกังวลไป ”
หลินเทียนตอบกลับ
เขาในตอนนี้สังหารผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจ้าวสวรรค์มาแล้วมามากดังนั้นสำหรับเขาแล้วตระกูลนี้มันไม่อยู่ในสายตาของเขาด้วยซ้ำ
เขายังคงยืนอยู่กับที่อยู่พักหนึ่งก่อนที่ร่างหลายร่างจะพากันพุ่งออกมาจากพื้นที่ส่วนลึกด้วยร่างกายที่อัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายอันทรงพลังและมีชายวัยกลางคนเขตแดนกึ่งปรินิพพานเป็นผู้นำส่วนชายชราทั้งหลายที่อยู่เบื้องหลังเองก็เป็นผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจ้าวแห่งเต๋าตอนปลายกันทั้งหมด
“ท่านผู้นำตระกูล ท่านผู้อาวุโส ! ”
เหล่าศิษย์ทั้งหลายที่เห็นเช่นนั้นจึงพากันส่งเสียงออกมาด้วยความประหลาดใจ
นี่ทำให้สายตาของพวกเขาพากันจับจ้องไปทางหลินเทียนด้วยความดุร้ายโดยทันที
“ไอ้คนจากดินแดนศูนย์กลาง เจ้าอวดดีไม่เบาหนิ ! ”
ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่หน้าสุดซึ่งเป็นผู้นำตระกูลในรุ่นนี้ได้ส่งเสียงออกมา
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่อีกแปดคนที่เหลือก็ต่างพาจ้องมองมาทางเขาด้วยสายตาที่ดุร้าย
หลินเทียนหันมองออกไปก่อนที่จะหยุดอยู่ที่ร่างของผู้นำตระกูลแล้วพูดว่า
“แล้วการที่พวกเจ้าส่งกองกำลังรุกรานไปยังดินแดนศูนย์กลางล่ะ ? อยากจะตายกัน ? หรืออยากถูกฆ่าล้างตระกูลไหม ? ”
น้ำเสียงของเขาฟังดูราบเรียบแต่กลับทำให้เหล่าศิษย์ทั้งหลายต่างพากันแสดงสีหน้าที่โกรธจัดถึงขีดสุดออกมา
“อวดดีนักนะ ! กล้าพูดแบบนี้กับท่านผู้นำตระกูลงั้นรึ ! ”
“ไอ้คนสามหาว ! ”
“ฆ่ามันเลย ! ”
ศิษย์ทั้งหลายพากันส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดัง
หลินเทียนที่ยังคงยืนอยู่ด้วยสีหน้าที่ราบเรียบได้พูดต่อว่า
“จิ้งจอกน้อย ฆ่าทุกคนที่ส่งเสียงออกมาให้หมด ”
“ได้ค่ะท่านอาจารย์ ”
เซียนเซียนตอบรับพร้อมทั้งฟาดฟันกระบี่อันทรงพลังเข้าใส่ทางศิษย์ทั้งหลายที่ส่งเสียงออกมาทั้งหมด
นี่ทำให้เลือดมากมายสาดกระจายออกไปรอบทิศทางขณะที่เหล่าศิษย์พากันตกตายลงตามๆกัน
“อ๊ากก !! ”
“ระยำเอ้ย ! ”
“ช่วยเราด้วยท่านผู้นำตระกูล ! ”
แม้ว่าศิษย์เหล่านี้จะแข็งแกร่งไม่ธรรมดาทว่าหากเทียบกับเซียนเซียนแล้วมันยังห่างชั้นกันอยู่มากทำให้ทุกคนล้วนแล้วแต่ตกตายลงภายใต้คมกระบี่ของนางอย่างรวดเร็ว
“รนหาที่ตายนักนะ ! ”
ดวงตาของผู้นำตระกูลส่องประกายความเย็นยะเยือกออกมาพร้อมทั้งก้าวเดินออกไปแล้วซัดการโจมตีเข้าใส่ทางเซียนเซียน
ทว่ามันเป็นตอนนี้เองที่เสียงตบดังสนั่นหวั่นไหวได้ถูกส่งออกมาขณะที่ร่างของผู้นำตระกูลที่เพิ่งก้าวออกมาได้ลอยเคว้งออกไปไกล
นี่ทำให้ผู้คนทั้งหมดภายในสถานที่แห่งนี้ต่างพากันแสดงสีหน้าที่หวาดหวั่นออกมาตามๆกัน
“ท่านผู้นำตระกูล ! ”
เป็นเพราะว่าผู้นำตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขากลับถูกตบปลิวไปง่ายๆแบบนี้ !
แม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจ้าวแห่งเต๋าทั้งแปดคนเองก็ยังมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปด้วยความตกตะลึงอย่างถึงที่สุด
หนึ่งในพวกเขาส่งเสียงออกมาขณะที่หันมองไปทางหลินเทียนว่า
“เป็นฝีมือของเจ้า ?! เจ้ากล้า…….”
เพรี้ย !
เสียงตบดังสนั่นถูกส่งออกมาอีกครั้งขณะที่ผู้พูดลอยเคว้งออกไปไกลโดยที่ยังไม่ทันจะได้พูดจบด้วยซ้ำ
นี่ทำให้ศิษย์ทั้งหลายได้แต่ผวาไปโดยที่หลายๆคนเองถึงขั้นที่สั่นไม่หยุด
“นี่……..”
พวกเขารู้ดีอยู่แล้วว่ามันเป็นฝีมือของหลินเทียนทว่ากลับไม่มีใครมองเห็นการเคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย พวกเขาล้วนเห็นว่าหลินเทียนยังคงยืนอยู่กับที่โดยที่ไม่ได้ขยับไปไหนเลยด้วยซ้ำ
“เจ้าหนู ! ปู่เสือเองก็ไม่เห็นเจ้าเคลื่อนไหวเลยนะ ! ”
พยัคฆ์ขาวส่งเสียงออกมาเพราะมันเองก็เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญเขตแดนปรินิพพานระดับ 6 แล้วแต่กลับไม่สามารถมองตามการเคลื่อนไหวของหลินเทียนได้ทัน
มันเป็นความเร็วที่น่าเหลือเชื่ออย่างมาก
ผู้นำตระกูลที่อยู่ห่างออกไปได้พยุงตัวเองกลับขึ้นมาด้วยสีหน้าที่ตกตะลึงและดุร้ายถึงขีดสุด
“”
“แข็งแกร่งจริงๆ ดูเหมือนว่ากองกำลังทั้งหมดจะตกตายลงด้วยเงื้อมมือของเจ้าสินะ ! อย่างไรก็ตามเจ้าคิดว่าที่นี่คือที่ไหนกัน กล้าก้าวย่ำเข้ามาแบบนี้ต่อให้เจ้ามีความสามารถขนาดไหนก็ต้องตายอยู่ดี ! ”
เขาส่งเสียงออกมาพร้อมๆกับประสานมือเข้าหากัน
ไม่นานตัวปราสาทก็ได้สั่นไหวอย่างรุนแรงพร้อมๆกับปรากฏอักขระขึ้นมากมายรายล้อมพื้นที่แห่งนี้เอาไว้พร้อมสร้างเป็นลำแสงสังหารอันทรงพลังขึ้นนับไม่ถ้วน
“ข่ายอาคมสังหารเขตแดนจักรพรรดิโกลาหล ! ”
สีหน้าของพยัคฆ์ขาวเปลี่ยนไปโดยทันที
เซียนเซียนที่เพิ่งสังหารเหล่าศิษย์ทั้งหลายไปเองก็มีสีหน้าที่ตกตะลึงไม่ต่างกัน
“ตู้มม ~! ”
มิติโดยรอบได้สั่นไหวก่อนที่ลำแสงสังหารอันทรงพลังจะเปลี่ยนสีของม่านฟ้าไปทันที
“ข่ายอาคมสังหาร ! ”
“ข่ายอาคมพิทักษ์ตระกูลเรา ! ”
“เมื่ออยู่ต่อหน้าข่ายอาคมของเราแล้วมันก็เป็นเพียงแค่ฝุ่นผงเท่านั้นแหละ ! ”
เหล่าศิษย์พากันส่งเสียงออกมาอย่างตื่นเต้น
เป็นเพราะตระกูลของพวกเขาสืบเชื้อสายกันมาอย่างยาวนานทำให้มีผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจักรพรรดิโกลาหลได้วางข่ายอาคมสังหารครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดของตระกูลเอาไว้ด้วยพลังทำลายที่บดขยี้มิติโดยรอบได้อย่างง่ายดาย
“เมื่ออยู่ต่อหน้ามันแล้วเจ้ามันก็แค่เถ้าธุลีเท่านั้น ! ”
ผู้นำตระกูลส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมา
เมื่อสิ้นสุดคำพูดแล้วอักขระก็ได้สั่นไหวก่อนที่ลำแสงสังหารมากมายจะกดทับเข้าใส่ทางหลินเทียนจากรอบทิศทาง
มิติโดยรอบถูกลบหายไปอย่างฉับพลัน
หลินเทียนยังคงยืนอยู่กับที่ด้วยสีหน้าที่ไม่แยแสแม้แต่น้อยพลางยื่นมือออกไปรับเอาไว้เบาๆ
เสียงปริแตกถูกส่งออกมาจากพื้นที่โดยรอบขณะที่ข่ายอาคมทั้งหลายแตกร้าวและสลายหายไปขณะที่ลำแสงสังหารทั้งหมดถูกบดขยี้ลงอย่างสมบูรณ์