Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1350
หลังจากที่ทำลายการโจมตีทั้งหมดไปแล้วสถานการณ์ภายในสถานที่แห่งนี้ก็กลับสู่ความสงบอีกครั้ง
นี่ทำให้ทุกคนที่อยู่โดยรอบต่างพากันมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงโดยทันที
“นี่มัน……….สุดยอดไปเลย ! ท่านอาจารย์แข็งแกร่งสุดๆ ! ”
เซียนเซียนส่งเสียงออกมาด้วยสีหน้าที่ตกตะลึง
เป็นเพราะว่าข่ายอาคมสังหารเขตแดนจักรพรรดินั้นมันครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดนี้เอาไว้ทว่ากลับถูกทำลายลงได้ง่ายๆแบบนี้
พยัคฆ์ขาวเองก็อดสั่นไปด้วยความกลัวไม่ได้
เหล่าผู้คนภายในตระกูลทั้งหลายต่างมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง
“นี่มัน…….เป็นไปได้อย่างไรกัน ?! ”
พวกเขาพากันส่งเสียงออกมา
เป็นเพราะว่าข่ายอาคมพิทักษ์อันแข็งแกร่งของพวกเขากลับถูกทำลายลงได้ง่ายๆแบบนี้นี่มันเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ยากมากๆ
อย่างไรก็ตามแม้จะยอมรับได้ยากแต่มันก็คือความจริงที่อยู่เบื้องหน้าของพวกเขา
“ระยำเอ้ย ! ”
ผู้นำตระกูลส่งเสียงอันโกรธจัดออกมา
ข่ายอาคมสังหารเขตแดนจักรพรรดินั้นมีความสำคัญอย่างใหญ่หลวงทว่าตอนนี้กลับถูกทำลายลงแล้วมันถือเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่เลยก็ว่าได้
“ทำพิธีอัญเชิญดวงวิญญาณดาบศักดิ์สิทธิ์ออกมาสังหารมัน ! ”
หนึ่งในผู้อาวุโสส่งเสียงออกมา
“ฆ่ามัน ! ”
หลายๆคนเองก็พากันส่งเสียงออกมาแบบเดียวกัน
“ต้องฆ่ามันให้ได้ ”
ผู้นำตระกูลส่งเสียงคำรามอย่างดัง
นี่ทำให้เขาและคนอื่นๆพากันท่องบทสวดภวนาออกมาพร้อมๆกันด้วยสีหน้าที่ดุร้ายถึงขีดสุด
หลังจากนั้นเองที่ทั้งตัวปราสาทได้เกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรงพร้อมๆกับกลิ่นอายทำลายล้างอันหนักหน่วงที่แผดออกมาจากส่วนลึกของสถานที่แห่งนี้ก่อนที่จะปรากฏดาบหินที่มีความยาวสองฟุตรายล้อมไปด้วยอักขระอันทรงพลัง
“มีอะไรกัน ? ”
น้ำเสียงอันราบเรียบถูกส่งออกมาจากมัน
ตัวดาบรายล้อมไปด้วยประกายแสงสีดำอัดแน่นไปด้วยพลังปีศาจอันเข้มข้น
“ท่านดาบศักดิ์สิทธิ์ ไอ้พวกคนจากดินแดนศูนย์กลางมันได้บุกรุกเข้ามาภายในตระกูลของเราแถมยังทำลายข่ายอาคมสังหารเขตแดนจักรพรรดิไป ได้โปรดช่วยพวกเราด้วย ! ”
ผู้นำตระกูลได้คุกเข่าลงก่อนที่จะทำความเคารพอย่างจริงจังเสมือนว่ากำลังคำนับให้กับทวยเทพ
“ได้โปรดช่วยสังหารศัตรูของพวกเราด้วย ! ”
ผู้อาวุโสและศิษย์ทั้งหลายเองก็พากันทำความเคารพออกมา
ดาบปีศาจที่รายล้อมไปด้วยกลิ่นอายอันเข้มข้นได้หันมองไปทางหลินเทียนเสมือนว่ามีดวงตาเป็นของตัวเอง
“การที่สามารถทำลายข่ายอาคมสังหารได้นี่ก็พอใช้ได้ ดวงวิญญาณของเจ้าต้องพอมีประโยชน์ไม่น้อย ”
มันได้ส่งเสียงอันราบเรียบออกมาเสมือนดั่งเสียงของเทพปีศาจ
คลื่นพลังอันหนักหน่วงได้กวาดออกไปรอบทิศทางทำให้มิติโดยรอบแหลกสลายหายไปโดยทันที
พยัคฆ์ขาวได้แต่แสดงสีหน้าที่หวาดหวั่นถึงขีดสุดออกมา
เซียนเซียนเองก็อดคอหดไปไม่ได้พร้อมทั้งส่งเสียงกระซิบออกมาว่า
“ท่านอาจารย์สามารถจัดการดาบเล่มนี้ได้ไหมคะ ? ”
แม้ว่านางจะอยู่ในเขตแดนวิญญาณนิรันด์ทว่าก็ตระหนักได้ถึงความร้ายกาจของอาวุธนี้ดีเนื่องจากมันอัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายจักรพรรดิที่เข้มข้นถึงขั้นทำให้ดวงวิญญาณของนางสั่นไหวและพร้อมจะแหลกสลายไปได้ทุกเมื่อ
“เศษหินเท่านั้นแหละ ข้าจะทำลายวิญญาณของมันแล้วยกให้เจ้าไปเป็นที่ตะใบเล็บแล้วกัน ”
หลินเทียนตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ
คำพูดนี้ทำให้ผู้คนทั้งสถานที่แห่งนี้พากันแสดงสีหน้าที่โกรธจัดออกมาตามๆกัน
“อวดดีนักนะ ! ”
“กล้าสามหาวต่อหน้าวิญญาณเทพของตระกูลเรางั้นรึ ! ”
“ต้องฆ่าล้างตระกูลมันให้หมด ! ”
เหล่าศิษย์พากันส่งเสียงออกมา
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่ดาบศักดิ์สิทธิ์ได้ส่งเสียงแสยะอันเย็นยะเยือกออกมาขณะที่คลื่นพลังอันหนักหน่วงได้กวาดออกไปรอบทิศทาง
“ไอ้เด็กอวดดี ”
มันส่งเสียงอันเย็นชาออกมา
หลินเทียนไม่พูดพร่ำทำเพลงพร้อมทั้งโบกมือซ้ายออกไปคว้าร่างของมันเอาไว้ในมือ
นี่ทำให้ตัวดาบได้แต่สั่นไหวอย่างรุนแรงขณะที่มันส่งเสียงอันตกตะลึงออกมาว่า
“เจ้า….ปล่อยข้า ! ”
มันส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังขณะที่พลังปีศาจอันเข้มข้นระเบิดออกมาเพื่อพยายามจะดิ้นให้หลุดออกจากมือของหลินเทียน
ทว่าไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ยังเปล่าประโยชน์เพราะมือของหลินเทียนยังคงจับเอาไว้แน่นเสมือนดั่งอาวุธสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ว่าจะต่อต้านอย่างไรก็ไม่สามารถดิ้นหลุดได้
หลินเทียนจับมันเอาไว้แน่นพร้อมทั้งตวัดนิ้วเข้าใส่มันเล็กน้อยขณะที่วงเวทย์หยินหยางผสานเข้ากับตัวดาบ
อ๊ากกก~!
เสียงกรีดร้องโหยหวนถูกส่งออกมาอย่างต่อเนื่องก่อนที่ตัวดาบจะสงบลงในไม่ช้า
เป็นเพราะดวงวิญญาณที่อยู่ภายในได้ถูกทำลายไปอย่างสมบูรณ์แล้ว
“เอาไปตะใบเล็บแล้วกัน ”
หลินเทียนพูดออกมาก่อนที่จะโบกมือโยนมันให้กับเซียนเซียน
เซียนเซียนที่รับดาบนี้เอาไว้ได้แต่สั่นสะท้านไปทั้งตัวถึงขั้นที่เกือบจะทำมันหลุดมือไป
เป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้หลินเทียนเพิ่งพูดว่าจะทำลายวิญญาณมันแล้วยกให้นางเพื่อใช้ตะใบเล็บแต่ไม่คิดเลยว่าจะสามารถทำลายมันได้ง่ายๆแบบนี้
นางได้แต่จ้องมองด้วยดวงตาที่เบิกกว้างและไม่อยากจะเชื่อ
มันเป็นเพราะว่านี่คือดวงวิญญาณอาวุธสวรรค์ทว่ากลับถูกหลินเทียนขจัดไปได้อย่างง่ายดายแบบนี้
นี่มันต้องแข็งแกร่งขนาดไหนกันถึงจะทำได้ขนาดนี้ ?!
“นี่…..ให้ข้าจริงๆ ?”
ดวงตาของนางยังคงเป็นประกายออกมาขณะที่ถามออกไปอย่างระมัดระวังเพราะถึงอย่างไรนี่ก็ไม่ใช่อาวุธสมบัติธรรมดาๆทว่าเป็นอาวุธระดับเขตแดนจักรพรรดิอย่างอาวุธสวรรค์ที่แม้ดวงวิญญาณจะถูกทำลายไปแต่ก็ยังอัดแน่นไปด้วยพลังทำลายเพียงแค่ไม่สามารถใช้ความสามารถหลักของมันได้เท่านั้น
หลินเทียนพยักหน้าของเขาและไม่ได้พูดอะไรต่อเพราะสำหรับเขาแล้วอาวุธสวรรค์ขั้นต้นมันก็ไม่ได้ถือว่ามีค่าด้วยซ้ำ
เซียนเซียนได้ส่งเสียงออกมาด้วยท่าทางที่มีความสุขอย่างมากว่า
“ขอบคุณค่ะท่านอาจารย์ ! ”
นางถือมันเอาไว้อย่างระมัดระวังเพราะว่ามูลค่าของมันนั้นไม่สามารถประเมินค่าได้เลยด้วยซ้ำ
พยัคฆ์ขาวที่กำลังจ้องมองด้วยความตกตะลึงได้ส่งเสียงโห่ร้องออกมาว่า
“ไอ้หนูไม่เท่าเทียมเลย ! ข้าเองก็อยากได้เหมือนกัน ! ”
หลินเทียนได้หันมองไปทางมันก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“รีบร้อนไปทำไมกัน ยังมีตระกูลมิลเลอร์อยู่อีกนะ ไม่ใช่ว่ามันมีกระบองจักรพรรดิอยู่หรือไง เดี๋ยวข้าค่อยไปชิงมาให้เจ้าแล้วกัน ”
หลังจากที่พูดจบแล้วเขาก็ได้หันมองกลับไปทางคนอื่นๆ
“เจ้า…..”
ผู้นำตระกูลได้แต่สั่นสะท้านไปไม่หยุดขณะที่ผู้อาวุโสและเหล่าศิษย์พากันแสดงสีหน้าที่หวาดหวั่นออกมา
อาวุธสวรรค์ที่เป็นไพ่ตายที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขากลับถูกชิงไปได้ง่ายๆแบบนี้ !
นี่มันไม่ต่างกับฝันร้ายเลยด้วยซ้ำ !
“เจ้า….คิดจะทำอะไรกันแน่ ?! ”
เมื่อเห็นว่าหลินเทียนกำลังก้าวเดินเข้ามาก็ทำให้ผู้นำตระกูลรีบก้าวถอยหลังกลับไปด้วยสีหน้าที่หวาดหวั่นอย่างมาก
หลินเทียนยกมือของเขาขึ้นมาพร้อมทั้งพูดว่า
“พวกเจ้ามีเป้าหมายอะไรในการรุกรานดินแดนศูนย์กลางเพื่อชิงเอาภูเขาทั้งหลาย ”
เป็นเพราะว่าเขารู้สึกประหลาดใจไปกับการกระทำของอีกฝ่ายอย่างมาก
ผู้นำตระกูลได้สั่นสะท้านไปก่อนที่จะตอบกลับว่า
“เพื่อ…….บุญสวรรค์ ! ”
“บุญสวรรค์ ? บุญอะไรกัน ? ”
คิ้วของหลินเทียนขมวดเข้าหากัน
“ไม่…ไม่รู้ ”
ผู้นำตระกูลส่งเสียงออกมา
หลินเทียนจ้องมองเขาด้วยสายตาที่เย็นยะเยือกยิ่งกว่าเก่าพร้อมถามต่อว่า
“ไม่รู้ ? ”
นี่ทำให้เหงื่อของผู้นำตระกูลท่วมไปทั้งตัวก่อนที่จะพูดออกมาด้วยสีหน้าที่หวาดหวั่นถึงขีดสุดว่า
“ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร ! เป็นเพราะว่ามีหัวหน้าบาทหลวงของขุมพลังเนตรศักดิ์สิทธิ์มาที่นี่และบอกว่าโลกนี้กำลังจะเปลี่ยนแปลงซึ่งภูเขาที่โด่งดังนั้นหลายนั้นคือบุญสวรรค์ดังนั้นถึงได้ต้องการให้พวกเรารวมพลังกันไปรุกรานพวกเจ้า ! ข้ารู้มาแค่นี้จริงๆ ! ”
คิ้วของหลินเทียนได้ขมวดเข้าหากันยิ่งกว่าเก่าขณะที่ส่งจิตสัมผัสออกไปอ่านความทรงจำของอีกฝ่ายและพบว่าเขาไม่ได้โกหกจริงๆ
เขาส่งเสียงแสยะออกมาก่อนที่คลื่นพลังเทวะจะซัดออกไปบดขยี้ร่างของอีกฝ่ายออกเป็นชิ้นๆ
“ท่าน…ผู้นำตระกูล ! ”
ศิษย์ทั้งหลายพากันส่งเสียงกรีดร้องออกมา
“ดินแดนศูนย์กลางมันไม่ใช่ที่ๆอยากจะรุกรานก็ทำได้ ในเมื่อเจ้ากล้ายื่นมือข้ามมาก็ต้องชดใช้ ”
หลินเทียนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ
หลังจากที่พูดจบแล้วเขาก็ได้โบกมือส่งคลื่นกระบี่ออกไปสังหารผู้อาวุโสทั้งหลายรวมถึงทำลายเส้นชีพจรวิญญาณที่อยู่ใต้ดินพลางสร้างวงเวทย์หยินหยางครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดเอาไว้
บึ้สสส ~!
วงเวทย์หยินหยางได้สั่นไหวก่อนที่ประกายแสงเจิดจรัสจะแทรกซึมเข้าไปในร่างของศิษย์ทั้งหลาย
แม้ว่าภายนอกจะไม่ได้รับความเสียหายอะไรทว่าทุกคนกลับพากันสั่นสะท้านไปตามๆกัน
“ระดับ…..พลังของข้า……”
“สลายหายไป ! พลังฉีของข้า…….หายไปหมดแล้ว ! ”
“เจ้า……ทำลายการบ่มเพาะของพวกเรา !? ”
พวกเขาพากันส่งเสียงสั่นๆออกมา
เป็นเพราะสูญเสียพลังทั้งหมดไปแถมรากฐานของตระกูลเองก็ยังถูกทำลายดังนั้นต่อให้มีสมบัติสวรรค์ก็ไม่มีทางสร้างเส้นทางบ่มเพาะให้พวกเขาได้อีก ทำให้พวกเขากลายเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาเท่านั้น
พยัคฆ์ขาวและเซียนเซียนได้แต่ผงะไปเพราะการที่สามารถทำลายการบ่มเพาะของทุกคนที่นี่ในพริบตานั้นมันเป็นอะไรที่น่าตกตะลึงอย่างมาก
“โหดเหี้ยมดีจริงๆเจ้าหนู ! ”
พยัคฆ์ขาวส่งเสียงออกมา
“โหดเหี้ยม ?! ”
หลินเทียนแสยะออกมาก่อนที่จะพูดต่อว่า
“ที่ข้าไม่ฆ่าล้างตระกูลพวกมันก็ถือเป็นความเมตตาแล้ว ”
ไม่ว่าจะเป็นโลกไหนเกียรติยศของประเทศนั้นคือทุกสิ่ง การที่อีกฝ่ายพยายามแย่งชิงเอาภูเขาที่โด่งดังทั้งหลายของดินแดนศูนย์กลางไปนั้นมันเป็นการหยามเกียรติของพวกเขา การกระทำเช่นนี้จะต้องชดใช้
“อ๊ากก ~! ”
“ไอ้ปีศาจ ! ”
“ชาติชั่ว ! ”
เหล่าศิษย์พากันส่งเสียงอันสิ้นหวังออกมา
“สมควรแล้วล่ะที่กล้าคิดรุกรานดินแดนของพวกเรา”
เซียนเซียนส่งเสียงออกมา
หลินเทียนหันมองไปเล็กน้อยก่อนที่จะหันไปพูดกับนางและพยัคฆ์ขาวพร้อมทั้งหันหลังเดินจากไป
“ท่านอาจารย์ ท่านนี่สุดยอดไปเลย ”
เซียนเซียนที่กำลังกอดดาบศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ได้ส่งเสียงออกมาด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย
“แล้วอาจารย์ปู่เป็นใครกัน ? ทำไมถึงได้สามารถฝึกท่านให้แข็งแกร่งขนาดนี้ได้ ! ”
“ก็บอกแล้วว่าข้าไม่ใช่อาจารย์ของเจ้า อาจารย์ของข้าก็ไม่ใช่อาจารย์ปู่ของเจ้า ”
หลินเทียนหันมองไปทางนางพร้อมทั้งพูดว่า
“ยิ่งไปกว่านั้นคำว่าฝึกมันดูแปลกๆยังไงชอบกล ”
“ท่านอาจารย์ไม่ต้องรู้สึกเขินที่รับศิษย์ที่น่ารักแบบข้าก็ได้ ”
นางแสดงท่าทางของเด็กเสียคนออกมาอย่างหน้าด้านหน้าทน
หลินเทียนถึงกับหมดคำพูดไปและไม่ได้พูดอะไรต่อก่อนที่จะก้าวเดินออกไปยังทิศทางที่ต่างกันออกไป
ไม่นานเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าสองชั่วโมงเต็ม
ณ ตอนนี้มันเป็นตอนที่หลินเทียนได้นำเซียนเซียนและพยัคฆ์ขาวมาถึงที่ปราสาทเก่าแก่อีกหลังซึ่งคล้ายคลึงกับปราสาทของตระกูลอาเทอร์อย่างมาก
“ตระกูลมิลเลอร์ เจ้าหนูอย่าลืมล่ะว่าอาวุธสวรรค์ของมันเป็นของข้า ! ”
ดวงตาของพยัคฆ์ขาวส่องประกายออกมา
เป็นเพราะว่าตระกูลนี้เองก็เข้าร่วมการรุกรานไม่ต่างกันดังนั้นหลินเทียนถึงได้ก้าวเดินเข้าไปภายในอย่างไม่รอช้า