Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1351
ตระกูลมิลเลอร์และตระกูลอาเทอร์นั้นเป็นหนึ่งในขุมพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของดินแดนตะวันตกซึ่งแน่นอนว่าต้องมียามคอยเฝ้าอยู่ด้านหน้าและหลังจากที่เห็นว่าหลินเทียนกำลังเดินเข้ามาใกล้ก็ได้ก้าวออกมาพร้อมพูดว่า
“หยุดก่อน ที่นี่เป็นเขตหวงห้าม ”
“ปู่เสือและพวกพ้องมาถึงที่นี่แล้ว รีบไปแจ้งผู้นำตระกูลของเจ้าพร้อมทั้งบอกให้มันเอาอาวุธสวรรค์ออกมาด้วยล่ะ ”
พยัคฆ์ขาวส่งเสียงอันอวดดีออกมา
นี่ทำให้สีหน้าของยามเฝ้าประตูถึงกับเปลี่ยนไปก่อนที่จะส่งเสียงออกมาว่า
“เจ้า…….”
หลินเทียนไม่พูดพร่ำทำเพลงพร้อมทั้งส่งคลื่นพลังออกไปกระแทกร่างของอีกฝ่ายปลิวออกไปไกลก่อนที่จะทำลายประตูทางเข้าของพวกเขา
นี่ทำให้เหล่าศิษย์ทั้งหลายที่อยู่ภายในต่างตกตะลึงไปตามๆกัน
“ใครกัน ?! ใครมันกล้าทำลายประตูทางข้าวของพวกเรากัน ?! ”
“รนหาที่ตาย ! ”
“จะเป็นใครก็ช่าง มันต้องตาย ! ”
ผู้คนพากันส่งเสียงออกมาด้วยความโกรธ
อย่างไรก็ตามมันเป็นเวลาเดียวกันนี้เองที่สีหน้าของพวกเขาได้เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง
“เจ้า ! เจ้าคนจากดินแดนศูนย์กลาง ! ”
การตอบสนองของพวกเขาไม่ได้ต่างจากเหล่าศิษย์ตระกูลอาเทอร์แม้แต่น้อย
“เจ้า……กล้าบุกมาที่นี่แถมยังกล้าทำลายประตูทางเข้าของพวกเรา ! เจ้ามันรนหาที่ตาย ! ”
พวกเขาพากันส่งเสียงออกมาด้วยความโกรธถึงขีดสุด
หลินเทียนยังคงก้าวเดินออกไปด้วยสีหน้าที่ราบเรียบขณะที่ประกายแสงสีทองกวาดออกไปรอบทิศทางพร้อมทั้งกระแทกร่างของพวกเขาปลิวออกไปไกล
หลังจากนั้นไม่นานร่างของเขาก็ได้รายล้อมไปด้วยคลื่นกระบี่สีทองอร่ามที่พุ่งผ่านเข้าไปภายในพื้นที่ส่วนลึกของสถานที่แห่งนี้
ตู้มมม ~!
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาขณะที่ตำหนักใหญ่ที่ตั้งอยู่ภายในพังทลายลงมา
“ใครกัน ?! ”
น้ำเสียงเย็นชาถูกส่งออกมาอย่างดังพร้อมๆกับปรากฏร่างหลายร่างที่ส่งกลิ่นอายอันเข้มข้นออกมาซึ่งอ่อนแอที่สุดอยู่ในเขตแดนจ้าวแห่งเต๋า
“ท่านผู้นำตระกูล ท่านผู้อาวุโส ! ชายคนนี้มันเป็นคนในข่วงลือที่ฆ่าล้างกองกำลังรุกรานของพวกเราไปจนหมดขอรับ ! ”
หนึ่งในศิษย์ส่งเสียงออกมา
นี่ทำให้สีหน้าของผู้อาวุโสทั้งหลายเปลี่ยนไปอย่างมากก่อนที่จะพากันจับจ้องไปยังร่างของหลินเทียนเพราะไม่คิดเลยว่าตัวตนที่กวาดล้างกองกำลังจะปรากฏตัวขึ้นที่นี่
ผู้นำตระกูลได้ส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมาว่า
“เจ้ากล้า…..”
“แกร๊ง ! ”
เสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่คลื่นกระบี่อันทรงพลังพุ่งทะลวงผ่านหน้าผากและดับชีวิตของเขาไปอย่างเฉียบพลัน
“ท่าน…ผู้นำตระกูล ! ”
เหล่าศิษย์ทั้งหลายต่างพากันแสดงสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อออกมาถึงขั้นที่สั่นไปด้วยความกลัว
เป็นเพราะว่าผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาในเขตแดนกึ่งปรินิพพานกลับถูกสังหารลงได้ง่ายๆแบบนี้
“เจ้า……..”
เหล่าผู้อาวุโสพากันส่งเสียงสั่นๆออกมาด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ
“พวกเจ้าเองก็มีส่วนในการรุกรานไปยังดินแดนศูนย์กลางของข้าดังนั้นก็ต้องแบกรับการลงโทษนี้เช่นกัน ”
หลินเทียนพูดออกมา
เมื่อคำพูดของเขาได้สิ้นสุดลงนั้นคลื่นกระบี่อันทรงพลังก็ได้ส่งเสียงกู่ร้องออกมาก่อนที่ผู้อาวุโสทั้งหลายจะแปรเปลี่ยนกลายเป็นกองเลือดไปโดยที่ยังไม่ทันจะได้ส่งเสียงออกมา
นี่ทำให้เหล่าศิษย์ที่อยู่โดยรอบพากันสั่นสะท้านไปด้วยความกลัว
เป็นเพราะว่ากลุ่มคนที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลพวกเขากลับถูกสังหารลงภายในชั่วพริบตาเท่านั้น
“เจ้าหนู อย่าลืมชิงเอาอาวุธสวรรค์ของมันล่ะ ! ”
หลินเทียนหันมองเข้าไปภายในส่วนลึกของสถานที่แห่งนี้ก่อนที่จะโบกมือคว้าเข้าใส่กระบองศักดิ์สิทธิ์ก่อนที่จะทำลายดวงวิญญาณของมันแล้วโยนให้กับพยัคฆ์ขาว
มันเป็นอาวุธสวรรค์ขั้นต้นเหมือนๆกันซึ่งไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับเขาแม้แต่น้อย
“เจ้าหนูนี่ซื่อสัตย์ใช้ได้หนิ หลังจากนี้ข้าจะเป็นพวกเจ้าแล้วกัน ! ”
พยัคฆ์ขาวที่กำลังกำอาวุธเอาไว้ในมือได้ส่งเสียงหัวเราะออกมา
หลินเทียนหันมองออกไปก่อนที่จะโบกมือของเขาทำลายข่ายอาคมทั้งหลายรวมถึงเส้นชีพจรวิญญาณก่อนที่จะสร้างวงเวทย์หยินหยางโอบสถานที่แห่งนี้เอาไว้
ไม่นานวงเวทย์ผนึกขนาดใหญ่ก็ได้ครอบคลุมพื้นที่แถบนี้เอาไว้ทั้งหมดก่อนที่จะทำลายการบ่มเพาะของทุกคนทำให้สีหน้าของเหล่าศิษย์เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง
“พลังของข้า ?! การบ่มเพาะของข้า ?! ”
เหล่าศิษย์พากันส่งเสียงโห่ร้องออกมาเนื่องจากไม่สามารถสัมผัสถึงพลังฉีที่ไหลเวียนอยู่ภายในร่างได้แม้แต่น้อย
หลังจากนั้นพวกเขาก็พากันหันมองไปทางหลินเทียนเป็นสายตาเดียวกัน
“เจ้า……ทำลายการบ่มเพาะของพวกเรา ?! ”
หนึ่งในพวกเขาส่งเสียงสั่นๆออกมา
หลินเทียนเหลือบมองพวกเขาด้วยหางตาก่อนที่จะหันหลังแล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
“เจ้าหนูน้อยตระกูลมิลเลอร์ทั้งหลาย ปู่เสือขอตัวล่ะ ไม่ต้องลำบากไปส่งนะ ”
พยัคฆ์ขาวส่งเสียงหัวเราะออกมา
เป็นเพราะมันที่ด้ำรับอาวุธสวรรค์แบบนี้มามันมีความสุขอย่างมาก
ทว่าเหล่าศิษย์กลับมีสีหน้าที่เสมือนว่ากำลังตายทั้งเป็นด้วยใบหน้าที่สิ้นหวังถึงขีดสุดเพราะผู้นำตระกูลและผู้อาวุโสที่แข็งแกร่งของพวกเขาได้ถูกสังหารไป อาวุธสวรรค์ก็ถูกชิงไปแถมข่ายอาคมสังหารเขตแดนจักรพรรดิและเส้นชีพจรวิญญาณก็ยังสลายหายไปไม่มีเหลือโดยที่พวกเขาแต่ละคนถูกทำลายการบ่มเพาะทำให้ตระกูลของพวกเขาล่มสลายลงอย่างสมบูรณ์
หลินเทียนยังคงก้าวเดินออกไปด้วยสีหน้าที่ราบเรียบโดยที่ไม่ได้หันกลับไปมองแม้แต่น้อย
เขาก้าวเดินทอดน่องออกไปอย่างสบายใจก่อนที่จะออกไปจากรุงเอเธนส์แห่งนี้เพื่อมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
ไม่นานเขาก็ได้ไปถึงเมืองๆหนึ่งที่เป็นที่ตั้งของขุมพลังอย่างดินแดนทมิฬและโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์
เขาได้เข้าไปภายในเมืองนี้พร้อมทั้งกวาดจิตสัมผัสอันทรงพลังออกไปโดยรอบเพื่อค้นหาที่อยู่ของทั้งสองขุมพลังอย่างรวดเร็วก่อนที่จะทำแบบเดียวกันกับสองขุมพลังก่อนหน้านี้
“ไม่ !!! ”
“การบ่มเพาะของข้า ! เอามันคืนมา ! ”
“ไอ้ปีศาจ ! เจ้ามันเป็นปีศาจ ! พระเจ้าจะต้องไม่อภัยให้เจ้าแน่ ! ”
เหล่าศิษยพากันส่งเสียงออกมาด้วยความสิ้นหวังถึงขีดสุด
หลินเทียนไม่ได้สนใจอะไรก่อนที่จะเดินนำทางพยัคฆ์ขาวและเซียนเซียนกลับออกไป
เขาออกมาจากเมืองนี้ก่อนที่จะค้นหาขุมพลังทั้งหลายที่มีส่วนร่วมในการรุกรานทั้งหมดก่อนที่จะสังหารผู้นำระดับสูงของพวกเขาแล้วทำลายการบ่มเพาะของทุกคนรวมถึงรากฐานของขุมพลังเช่นกัน
พริบตาเดียวเขาก็ได้ทำลายล้างขุมพลังไปกว่าแปดแห่ง
“ท่านอาจารย์ เราจะไปที่ไหนกันต่อ ? ”
ถูเซียนเซียนถามออกมา
“ขุมพลังเนตรศักดิ์สิทธิ์ ”
หลินเทียนพูดออกมา
“เราจะเดินไป ? มันไกลมากๆเลยนะ ”
เซียนเซียนถามต่อ
“ไม่เป็นไร เรายังมีเวลาเหลืออีกเยอะ ”
หลินเทียนพูดออกมา
เซียนเซียนพยักหน้าของนางก่อนที่จะพูดว่า
“เอาตามที่ท่านอาจารย์ว่าแล้วกัน ”
หลังจากนั้นนางก็ได้เรียกเอาหางทั้งห้าของนางออกมาพร้อมทั้งถามต่อว่า
“ท่านอาจารย์อยากลองสัมผัสดูไหมคะ ? มันนุ่มมากๆเลยนะ ”
หลินเทียน
“…………..”
เขารู้สึกหมดคำพูดอย่างมากก่อนที่จะก้าวเดินออกไปโดยที่ไม่ได้พูดอะไร
หลังจากนั้นไม่นานข่าวเรื่องที่เขาทำลายขุมพลังทั้งหลายก็ได้แพร่สะพัดไปทั่วดินแดนตะวันตกแห่งนี้
“ขุม…พลังกว่าแปดแห่งถูกทำลายโดยคนๆเดียว……?! ”
“นี่มัน…เป็นไปได้อย่างไรกัน ?! ”
“ในหมู่ขุมพลังเหล่านั้นมีแม้กระทั่งตระกูลอาเทอร์ ตระกูลมิลเลอร์ ดินแดนทมิฬและโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่ว่าพวกเขาล้วนมีข่ายอาคมสังหารเขตแดนจักรพรรดิและอาวุธสวรรค์อยู่หรือไง แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรกัน ?! นี่มัน…เป็นไปไม่ได้ ! ”
ผู้เชี่ยวชาญพากันส่งเสียงออกมา
หลายๆคนที่ไม่เชื่อในข่าวนี้ถึงกับยอมเดินทางไปพิสูจน์ด้วยตัวเองก่อนที่จะพบกับสภาพที่น่าสังเวชของขุมพลังต่างๆที่ผู้นำระดับสูงล้วนถูกสังหารจนสิ้นเหลือไว้เพียงซากปรักหักพัง
“ขุมพลังทั้งแปด…..ถูกทำลายแล้วจริงๆด้วย ! ”
หนึ่งในผู้คนส่งเสียงสั่นๆออกมา
“มันแข็งแกร่งขนาดนั้นเลย ?! ถึงขั้นสามารถ…….”
“ในกองกำลังรุกรานครั้งล่าสุดเองก็มีคนของขุมพลังเหล่านี้อยู่ด้วย นี่…..หรือว่าคิดจะมาล้างแค้น ?! ”
“ไม่หรอกมั้ง…..เขาคิดจะฆ่าล้างขุมพลังทั้งหมดของดินแดนตะวันตกเลยงั้นรึ ?! ”
“มันจะเกิดหายนะกับดินแดนของเรา ?! ”
“นี่มัน…….”
เหล่าผู้คนพากันมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมากเพราะไม่คิดเลยว่าดินแดนของพวกเขาจะชักนำตัวตนระดับหายนะอันใหญ่หลวงนี้มาซึ่งความแข็งแกร่งของเขาสามารถบดขยี้ขุมพลังทั้งแปดได้ภายในชั่วพริบตานี่มันสร้างแรงสั่นสะเทือนอย่างใหญ่หลวงให้กับพวกเขาโดยทันที
ทันใดนั้นเองที่เหล่าผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายต่างพากันนอนหลับไม่เต็มอิ่ม
…………….
ภายในมิติอันลึกลับแห่งหนึ่งในดินแดนตะวันตก
ภายในสถานที่แห่งนี้มีตำหนักเก่าแก่ตั้งอยู่ใจกลางโลกใบเล็กอันกว้างใหญ่
“ว่าไงนะ ?! “
เสียงคำรามถูกส่งออกมาอย่างดัง
ภายในตำหนักแห่งนี้มีร่างคนยืนอยู่กว่าสิบคนซึ่งหลังจากที่ได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับหลินเทียนแล้วสีหน้าของพวกเขาพากันตกต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่คิดเลยว่ามันจะแข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้ มันเกินกว่าที่พวกเราจินตนาการเอาไว้อีก ! ”
“การที่พวกมันตกตายลงแบบนี้มันสิ้นเปลืองดวงวิญญาณโลหิตจริงๆ การกระทำของมันสร้างผลกระทบร้ายแรงให้กับแผนการของเราอย่างมาก ข้าไม่คิดเลยว่า…….”
“ไอ้ระยำนี่มันโผล่ออกมาจากที่ไหนกัน ข้าตรวจสอบดินแดนศูนย์กลางหมดแล้วไม่เห็นพบข้อมูลเกี่ยวกับมันแม้แต่น้อย ! ”
หลายสิบคนพากันส่งเสียงออกมาขณะที่ร่างกายรายล้อมไปด้วยกลิ่นอายอันทรงพลัง
หนึ่งในพวกเขาส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมาว่า
“ก็ต้องโทษที่ว่าดินแดนศูนย์กลางมันมีผู้เชี่ยวชาญอยู่ไม่เพียงพอทำให้เราไม่สามารถรวบรวมดวงวิญญาณโลหิตเหล่านั้นได้ไม่งั้นแล้วมันจะเป็นปัญหาถึงขนาดนี้ได้อย่างไรกัน ”
หลายๆคนพากันเงียบไป
ไม่นานเวลาก็ได้ผ่านไปหลายลมหายใจ
“ถึงอย่างไรก็คงไม่สามารถสังเกตการณ์อยู่เฉยๆได้แล้ว ต้องลงมือจัดการ ! ”
หนึ่งในพวกเขาส่งเสียงออกมาพร้อมกับพูดว่า
“ส่งคนไปขัดขวางมันซะและให้ความสำคัญกับทางขุมพลังเนตรศักดิ์สิทธิ์ด้วย ห้ามเกิดข้อผิดพลาดโดยเด็ดขาด ! ”
………………
หลินเทียนได้ใช้เวลาเดินทางไปยังขุมพลังเนตรศักดิ์สิทธิ์พร้อมๆกับพยัคฆ์ขาวและเซียนเซียนอยู่กว่าเจ็ดวัน
เจ็ดวันมานี้เหล่าผู้เชี่ยวชาญตะวันตกทั้งหลายก็ยังอยู่ในสถานการณ์ที่หวาดหวั่นอย่างมาก
แน่นอนว่าเขาเองก็ตระหนักได้ถึงจุดนี้ดีแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร
ไม่นานเวลาก็ได้ผ่านไปอีกกว่าสามวันและมันเป็นตอนนี้เองที่ระยะห่างระหว่างเขาและจุดหมายมันเหลือไม่ไกลมากแล้ว
“ตู้มมม ~~! ”
มันเป็นตอนนี้เองที่มีร่างๆหนึ่งพุ่งเข้ามาจากสถานที่ๆห่างไกลออกไป
อีกฝ่ายเป็นชายชราสวมชุดคลุมสีขาวร่างกายรายล้อมไปด้วยกลิ่นอายที่ทรงพลังถึงขั้นทำให้มิติโดยรอบส่งเสียงออกมา
“ท่านอาจารย์ ! นั่นมันผู้นำ…….ตำหนักเนตรศักดิ์สิทธิ์ ! ”
สีหน้าของเซียนเซียนเปลี่ยนไปโดยทันที
เป็นเพราะนางเป็นผู้มีพรสวรรค์ระดับสูงของตระกูลดังนั้นถึงได้จดจำรูปลักษณ์ของอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี
หลินเทียนหันมองออกไปด้วยสีหน้าที่ราบเรียบอย่างเคย
“วิ้สสส ~! ”
เสียงพุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาขณะที่อีกฝ่ายเองก็มองเห็นเขาเช่นกันดังนั้นถึงได้พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วที่สูงขึ้นกว่าเก่า
พยัคฆ์ขาวได้หันมองออกไปขณะที่สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันร้ายกาจจนทำให้มันรู้สึกขนลุกซู่ไปทันที
“ไอ้หนู ตาเฒ่านี่มันไม่ธรรมดาเลยนะ ! ”
หลินเทียนยังคงก้าวออกไปด้วยสีหน้าที่ราบเรียบก็จริงทว่าภายในจิตใจกลับรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย
เป็นเพราะว่าอีกฝ่ายนั้นอยู่ในเขตแดนจ้าวสวรรค์ระดับ 1
“ไม่คิดเลยว่าพวกมันจะมีตัวตนระดับนี้อยู่ด้วย ”
เขาพึมพำออกมา
เมื่อพูดจบแล้วสีหน้าของเขาก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย
เพราะถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นเพียงเขตแดนจ้าวสวรรค์ระดับ 1 แถมยังดูเหมือนว่าเพิ่งตัดผ่านได้ไม่นานดังนั้นจึงไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาเลยด้วยซ้ำเพราะต่อให้ตรงหน้าเขาเป็นจ้าวสวรรค์ระดับ 9 ก็ยังเปราะบางไม่ต่างจากเต้าหู้อยู่ดี
“สหายจากดินแดนศูนย์กลาง ข้ามาดีนะ ได้โปรดรับฟังคำพูดของข้าก่อนเพราะการรุกรานดินแดนศูนย์กลางมันไม่ใช่ความต้องการของทางเรา มันเป็นความเข้าใจผิด ! เป็นแผนการของใครบางคน ! ”
ทันใดนั้นเองที่ผู้นำขุมพลังเนตรศักดิ์สิทธิ์ได้ส่งเสียงออกมาอย่างรวดเร็ว